- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 September 2015 17:16
- Hits: 7666
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : แกว่งกรอบ 1380-1400
ล่าสุดเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ตรงตามที่เราคาด วันนี้แนวโน้มตลาดไทยจะแกว่งรับข่าวอยู่ในกรอบแคบ หลังจากที่ปรับขึ้นมาแรง 2 วันติดต่อกัน โดยตลาดจะยังไม่ขึ้นไปไกลในระยะนี้ เนื่องจากความกังวลต่อการเติบโตอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจโลก และความกังวลเรื่องความผันผวนของตลาดหุ้นจีนยังมีอยู่ แนะนำทยอยขายทำกำไรเมื่อดัชนีเข้าใกล้ 1400 จุด
แนวรับ/แนวต้าน : 1360/1400 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%
กลยุทธ์ : เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ ทยอยขายบ้างเมื่อเข้าใกล้ 1400 จุด
นักลงทุนระยะสั้น : BROCK (3.20), KCE (66)
BROCK (3.20) มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาดีมาก แถมแผนการเจรจากับพันธมิตรร่วมลงทุนโครงการอสังหาในภูเก็ตกว่า 1 หมื่นล้านบาทใกล้จะประกาศออกมาในอีกไม่ช้า จึงเหมาะไว้เล่นสั้นเก็งกำไร ถ้ายืนเหนือ 2.80 ได้สักพักจะไปต่อได้อีกถึง 3.20 ก็ไม่ยาก
KCE (66) พื้นฐานดี กำไรโตต่อเนื่อง บวกกับอุตสาหกรรม electronics ในรถยนต์กำลังเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรมอื่นในกลุ่มนี้ โดย KCE มีรายได้ 70% มาจากธุรกิจชิ้นส่วน electronics ในรถยนต์ ราคาเป้าหมายที่ 66 บาท ให้ upside มากกว่า 20% จากราคาปัจจุบัน
นักลงทุนระยะยาว : BDMS (25.50), KTB (21.50)
BDMS (25.50) โดยขณะนี้ BDMS มีราคาถูกที่สุดและ upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วย Target price ที่เราให้ไว้อยู่ที่ 25.50 ซึ่งให้ upside สูงถึง 30% ปัจจัยบวก มีอยู่หลายประการนะครับ เช่น 1.)BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 2.)BDMS มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 6 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง 3.)อัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ (30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน) 4.)มีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป สรุปคือ BDMS มี upside สูงถึง 30% และมีแผนขยายธุรกิจอย่างชัดเจน จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี
KTB (21.50) ปันผลสูง พื้นฐานดี งบ Q2 ออกมาดีสุดในบรรดาแบงค์ใหญ่ทั้งหมด เป็นหนึ่งใน top pick ของกลุ่ม (พร้อมกับ KBANK) โดย KTB มีแผนเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมและปล่อยกู้ให้ภาคเอกชนและ SME มากขึ้น ซึ่งมี Margin สูงกว่าภาครัฐบาลประกอบกับ Q2 ก็ตั้งสำรองไปเยอะแล้วจึงมีความจำเป็นน้อยใน Q3 Q4 ที่ต้องตั้งสำรองเพื่อคุม NPL บวกกับการที่ภาครัฐถือหุ้น KTB อยู่ 55% ก็ทำให้มีโอกาสรับงานรัฐอีกมากในอนาคต ราคาหุ้นปัจจุบันของ KTB ถือว่าถูกที่สุดเมื่อเทียบกับแบงค์ใหญ่แบงค์อื่น แถมระบบทวงหนี้แบบ decentralized ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นยังช่วยฟื้นฟู NPL ได้ดีด้วย
นักวิเคราะห์ : ยศพณ แสงนิล, CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154