- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 September 2015 16:59
- Hits: 1509
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Fund Inflow
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดบวกสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวเด่น รวมถึงหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และอสังหาฯ ที่ล้อไปกับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.90 จุด มาอยู่ที่ 1,389.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,880 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงน่าสนใจ ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 1,250 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 5,419 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 1,209 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า 10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ วานนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามที่คาด ตลาดประเมินเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
การปรับดัชนี FTSE มีผล ณ ราคาปิดวันนี้
กกพ. อาจประกาศกรอบการยื่นประมูลขายพลังงานแสงอาทิตย์ของราชการและสหกรณ์ 600MW วันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการประชุม ครม. วันที่ 22 ก.ย. อาจมีการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้า 4 เส้นทาง
ติดตามตัวเลขการส่งออก - นำเข้า เดือนส.ค.ของไทย
การประชุมใหญ่ของผู้นำทั่วโลกที่สหประชาชาติ วันที่ 23 ก.ย. อาจมีการหารือถึงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน
ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และ กระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในไทย
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 14 พร้อมให้โอกาสที่ SET INDEX วันนี้ขึ้นทดสอบแนว 1,400 จุด แต่อาจไม่สามารถปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ เพราะเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ แต่ปัจจัยสำคัญคือ การคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด ตลาดคาดเฟดจะกลับมาพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 2559 ผลที่ตามมาคือ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมถึงเงินสกุลท้องถิ่นในตลาดเกิดใหม่ สร้างโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) รวมถึงตลาดหุ้นไทยได้
เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM) เลือกเข้าพักในตลาดตราสารหนี้ที่ปรับตัวลงมาแรงในช่วงก่อนหน้า
เมื่อเฟดคงอัตราดอกเบี้ย สร้างโอกาสที่ ECB / BoJ อาจเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินยูโร และ เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าเร็วจนเกินไป
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มทรงตัวถึงขยับขึ้น จากทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่า แต่ upside ยังคงจำกัด เพราะการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นการส่งสัญญาณถึงความไม่แน่ใจต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่เสี่ยงต่อการเติบโตต่ำ
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า SET INDEX จะขยับขึ้นยืนเหนือ 1,400 จุด ในสัปดาห์หน้า เพื่อทดสอบด่าน 1,420 จุด ผลักดันด้วยหุ้นหลักในกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่างชาติขายออกมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ กลับมา Covered Short อีกทั้งแนวนโยบายเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าแรงกดดันต่อการเกิด NPLs นำไปสู่การตั้งสำรองพิเศษที่เพิ่มขึ้น คลายตัวลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เรายังคงให้น้ำหนักกับการติดตามผลการประชุมครม.ทุกวันอังคาร กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการรถไฟฟ้า 4 เส้นทางเพื่อพิจารณาและอนุมัติ ซึ่งจะเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง/ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร รวมถึงติดตามทิศทางค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนควรกลับมาสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นมีการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ระลอกนี้เราเชื่อว่า SET INDEX จะกลับไปทดสอบด่าน 1,420 จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่ขายทำกำไร"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: ITD/ TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 8.40 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากคาดว่าครม.จะมีการพิจารณาเพื่ออนุมัติแผนลงทุนขนาดใหญ่ 6 โครงการเร่งด่วน ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง, ส้ม, สีเหลือง, ชมพู, แดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ มูลค่ารวม 4.25 แสนล้านบาท ในวันที่ 22 หรือ 29 กันยายน
b) ITD เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ของไทยจึงคาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้า และเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้ชนะงานประมูลสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าถึง 6.2 หมื่นล้านบาท
c) คาดว่ามีโอกาสที่จะได้ประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปรแตซ ได้ใน 4Q58 และเป็นปัจจัยบวกต่อปัจจัยพื้นฐานอย่างมากของ ITD เนื่องจากจะช่วยต่อยอดรายได้ในระยะยาว ให้กับบริษัท
d) ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 8.50 บาท จึงเปรียบเสมือนกับได้มูลค่าของธุรกิจที่เหลือฟรี ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมทวายมูลค่า 1.50 บาท และเหมืองแร่โปรแตซแบบ Conservative ที่ไม่ต่ำกว่า 2.00 บาท
e) ให้เป็น Top pick หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างของทีมกลยุทธ์
2. TPIPL : ราคาปิด 2.58 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากจะได้ประโยชน์โดยตรงจากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐใน 2H58 และจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2559
b) คาดว่าการผลักดันงานประมูลโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นวาระถัดไปในการพิจารณาของครม.ภายในเดือน ก.ย. เพื่อผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ และเป็นนโยบายที่รัฐบาลสามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยตรง
c) TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q58 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน
d) คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ
e) Valuation ของ TPIPL ณ ปัจจุบันซื้อขาย PBV58 ต่ำ 1.0 เท่า เป็น 0.88 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.89 เท่า และ SCCC ที่ 3.60 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$479 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทิ US$134 ล้าน
ทั้งนี้ JSE ถูกขายสุทธิต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 1,250 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 3,601 ล้านบาท เทียบกับ 9 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 10,250 ล้านบาท แต่ยังทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงเกิน 9 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 9 เท่ากับ 91,208 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 5,419 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 8,239 สัญญา เทียบกับ 4 วันทำการ Short สุทธิ 20,798 สัญญา น่าจะการทยอยปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง เมื่อ SET50 Index กลับมายืนเหนือ 900 จุดอีกครั้ง โดย S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 6.11 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.50 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเป็น 53,400 สัญญา
สำหรับ ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 1,209 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 2,201 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงมากถึง 9.75bps จากวันก่นหน้าลดลงเพียง 0.49bps ปิดที่ 2.884%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือเพียง 450 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 932 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เน้นเลือกเป็นรายตัว
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิชะลอตัวลงเหลือ 992 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,081 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,364 ล้านบาท เน้นกลุ่มพลังงาน และ ขนส่ง อย่างโดดเด่น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุด 350 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 340 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 182 ล้านบาท กลุ่มโรงพยาบาลซื้อสุทธิ 127 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 81 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 35 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมตัดประโยค "การขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้"
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด: เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและพัฒนาการของตลาดการเงินทั่วโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงในระยะสั้นนี้ ล่าสุด เฟดประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะยังไม่ถึงเป้าหมาย 2% จนกว่าจะปี 2561 แม้ว่าตลาดการจ้างงานจะใกล้เข้าสู่จุดสมดุลย์แล้วก็ตาม แต่เฟดให้น้ำหนักกับพัฒนาการในต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เฟดไม่ได้ยืนยันว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ เหมือนการประชุมครั้งก่อนๆ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาใกล้เคียงคาด
ยอดก่อสร้างบ้านใหม่ เดือนส.ค. เท่ากับ 1.126 ล้านหลัง ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด 1.168 ล้านหลัง และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 1.161 ล้านหลัง โดยการก่อสร้างบ้านเดี่ยว ลดลง 3.0% mom จากเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 10.9% mom
ยอดขออนุมัติ เดือนส.ค. เท่ากับ 1.170 ล้านหลัง สูงกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 1.160 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.130 ล้านหลัง โดยการอนุมัติก่อสร้างบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น2.8% mom เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
ดัชนี Philadelphia Fed business outlook เดือนก.ย. เท่ากับ -6.0 จุด สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาดที่ 6.3 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 8.3 จุด เป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 255
ยุโรป
ธนาคารกลางสวิสมองค่าเงินฟรังก์สวิสแข็งค่าเกินไป: แม้ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ -0.75% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus พร้อมยืนยันที่จะเข้าไปแทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนหากมีความจำเป็น ทั้งนี้ค่าเงินสวิสฟรังก์แข็งค่า 10% เทียบกับเงินยูโร นับตั้งแต่ต้นปี หลังธนาคารกลางสวิสยกเลิกเพดานอัตราแลกเปลี่ยนทั้ง 2 สกุลเงินก็ตาม
ยอดค้าปลีกอังกฤษเพิ่มขึ้น เท่ากับทีคาด: เดือนส.ค. ปริมาณค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% mom ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่รวมยอดขายน้ำมัน เพิ่มขึ้น 0.1% mom สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ยอดขายเสื้อผ้าและรองเท้า เพิ่มขึ้นถึง 2.3% mom
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7.5% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาด และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก overnight คงที่ 5.5% ตามคาดเช่นกัน ทั้งนี้ธนาคารกลางหลีกเลี่ยงการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าเงินรูเปียะที่อ่อนค่าลงมามาก
ยอดส่งออกสิงคโปร์หดตัวแรงกว่าคาด: หดตัว 8.4% yoy สำหรับเดือน ส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.7% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 3.5% yoy โดยการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์หดตัว 2.7% yoy สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 1.9% yoy เช่นเดียวกับปิโตรเคมีและเวชภัณฑ์ที่หดตัวแรง 29.2% yoy และ 9.3% yoy ตามลำดับ
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530