- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 September 2015 17:26
- Hits: 2737
บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) : Market Comment
จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ลดความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 1.40%, 1.14%, 1.28%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ลดความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.56%, 0.87%, 1.13%, 1.62%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.63 ดอลลาร์/บาร์เรล มีแรงเก็งกำไรก่อนรายงานสต๊อกน้ำมันประจำสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นเอเซีย เนื่องจากตลาดยังรอดูผลประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีความเห็นหลากหลายเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเราคาดว่าเฟดอาจเลือกที่จะปรับขึ้นในเดือนนี้ประมาณ 0.10% ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเฟดที่อาจไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน แต่จะลดความกดดันลง ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้มีตัวเลขค้าปลีกเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ลดลง 0.4% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 0.2% อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 77.6% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 77.8% จากผลกระทบของเศรษฐกิจคู่ค้าที่ซบเซาลง รวมถึงตลาดการเงินที่ผันผวนอย่างมากในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา
ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากกระแสการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดดูแผ่วลง สำหรับตัวเลขที่ต้องติดตามในวันนี้คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เฟดจะใช้สำหรับการพิจารณาปรับขึ้นหรือคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่ประชุมครม. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนครั้งใหญ่ โดยการแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฉบับเดิม ซึ่งปัจจุบันอาจไม่สร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน รวมทั้งการทำงานของ BOI ยังไม่คล่องตัวในการอำนวยความสะดวกในการสนับสนุนนักลงทุนมากนัก จึงได้มีการแก้ไขโดยร่างกฎหมายฉบับใหม่ขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายพัฒนาประเทศในระยะยาว เพื่อให้พ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศฉบับใหม่ของสศช. มีสาระสำคัญเช่น ปรับเพิ่มระยะเวลาในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 13 ปีจากเดิม 8 ปี เพิ่มการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 90% เป็นระยะเวลา 10 ปีจากเดิม 50% เป็นเวลา 5 ปี
ซึ่งคลัสเตอร์เป้าหมายที่จะส่งเสริมนั้น แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า BOI จะเสนอ 2 กลุ่มคือ 1. กลุ่มซุปเปอร์คลัสเตอร์ คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์โทรคมนาคม ปิโตเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีการลงทุนในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ อยุธยา ปทุมธานี ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และนครราชสีมา 2. กลุ่มคลัสเตอร์อื่น ๆ คือ ดิจิตอล เกษตรแปรรูป สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่มีการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย มาตรการดังกล่าวน่าจะเป็นส่วนสำคัญในการออกไปโรดโชว์ของภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มต้นในช่วงปลายปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าระดับ 1,360 จุด แนะนำเก็งกำไรได้
Saravut Tachochavalit, Analyst
TEL : +66 (0) 2682 9754 Ext. 9754
EMAIL : [email protected]
