- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 September 2015 16:53
- Hits: 3283
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
สัปดาห์แห่งความระมัดระวัง
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ทุกคนได้แต่เฝ้ารอไม่ว่าจะเป็นการประชุม กนง. วันพุธ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีผลต่อตลาด เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่คาดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่ในระดับโลก นักลงทุนรอลุ้นว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในทศวรรษนี้หรือไม่ในวันพุธ หากขึ้นจริง วันพฤหัสตลาดน่าจะถูกกดดันหนัก
หุ้นเด่นวันนี้ : AAV (ราคาปิด 4.52 บาท, NR, ราคาเป้าหมาย Bloomberg 5.73 บาท)
ผลประกอบการของ บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น ผู้ให้บริการสายการบินไทยแอร์เอเชีย ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีแนวโน้มสดใสจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันและราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงอย่างมากจากปีก่อน ประเด็นของเรื่องความปลอดภัยของการบินไทยจากการตรวจประเมินโดย lCAO มีผลกระทบจำกัดมากเนื่องจากเส้นทางบินส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นการบินระยะสั้นถึงกลางโดยเฉพาะไปกลับจีน โดยในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 58 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทยเติบโต 31% YoY เป็น 17.5 พันล้านคน และรัฐบาลยังเชื่อมั่นว่าจะถึง 30 ล้านคน แม้จะเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลเอราวัณในเดือนที่ผ่านมา
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 14.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 19% YoY) และอัตราบรรทุกผู้โดยสารที่ 83% ซึ่งในครึ่งปีแรกมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการแล้ว 7.24 ล้านคน บริษัทยังมีแผนรับมอบเครื่องบินอีก 2 ลำในครึ่งปีหลังเพิ่มเติมจากปัจจุบันซึ่งมีฝูงบิน 43 ลำ เพื่อเตรียมใช้ในเส้นทางบินจากอู่ตะเภาซึ่งเป็นฮับแห่งที่ห้าของบริษัทไปยังเมืองสองสามแห่งในจีนเริ่มเปิดบริการตั้งแต่เดือน ก.ย. ตามประมาณการใน Bloomberg consensus คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นถึง 787% ในปีนี้จากฐานที่ต่ำในปี 57 และเติบโตลดลงเป็น 17% ในปี 59 สำหรับ Price Pattern ของ AAV ยังคงเกิดสัญญาณซื้อรายวันและมีแนวโน้มจะขยับขึ้นขึ้นทดสอบเป้าหมายระยะกลางที่ 4.76 บาทในรอบนี้ ก่อนทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 4.96 และ 5.15 ตามลำดับ (แนวต้าน: 4.54, 4.56, 4.60; แนวรับ: 4.50, 4.48, 4.44)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
คณะแพทย์ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามแถลงการณ์สำนักพระราชวังวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปรอท (ไข้) และพระอาการอักเสบ และคณะแพทย์กำลังถวายการรักษาพระอาการ (Bangkok Post)
รัฐบาลแสดงความสนใจที่จะร่วมกลุ่มการค้านำโดยสหรัฐ รองนายกฯ สมคิดกล่าวว่าไทยให้ความสนใจเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ที่นำโดยสหรัฐแต่เบื้องต้นต้องการตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดก่อน ซึ่งเป็นการพลิกผันจากเดิมที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เคยแสดงท่าทีว่าการเข้าร่วมไม่ได้ให้อะไรเพิ่มเติม (Bangkok Post)
ประชุม กนง.วันพุธ คาดคงดอกเบี้ย จากผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์พบว่าส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% รองผู้ว่าฯ และกรรมการ กนง. ล่าสุดต่างออกมาระบุว่าประสิทธิภาพของการผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ลดถอยลงแล้ว
Virgin Group ร่วมทุนท่องเที่ยวไทย Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group กล่าวว่าบริษัทสนใจที่จะทำธุรกิจการท่องเที่ยวบินเข้าออกประเทศไทยและจะเปิดเผยรายละเอียดราวช่วง ม.ค.และ ก.พ. (The Nation)
ต่างประเทศ :
การพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นประเด็นหลักที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ (วันพฤหัส) บดบังข้อมูลทางอุตสาหกรรมของจีนที่ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ ตัวเลขเงินเฟ้อจากยุโรปที่จะประกาศในวันพุธและการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นในวันอังคารนี้ การที่อัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงเกินคาดอยู่ที่ 5.1% และการปรับตัวเลขอัตราการเติบโตของ GDP สหรัฐในไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 3.7% ล้วนแต่เป็นปัจจัยหนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากตลาดแรงงานตึงตัวและอัตราการจ้างงานอยู่ในระดับดีที่สุดนับแต่เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มที่เป็นตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะจีน และภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยต่อต้านต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)
เงินไหลออกจากกองทุนหุ้นทั่วโลก 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากรายงานของ Bank of America และ Merrill Lynch ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ เงินที่ไหลออกจากการขาย emerging stock ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีมูลค่าถึง 5.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ นักลงทุนถอนเงินออกจากกองทุนหุ้นจำนวน 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ก่อนเนื่องจากย้ายเงินลงทุนไปยังพันธบัตรรัฐบาลแทนซึ่งเป็นการไหลเข้าของเงินทุนมายังตลาดเงินนานที่สุดในรอบ 4 ปี การไหลออกของเงินทุนยังดำเนินต่อไปและยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวและความวุ่นวายทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ เงินไหลออกจากกองทุนหุ้นในประเทศที่เกิดใหม่จำนวน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเงินไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐจำนวน 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐและจากตลาดหุ้นยุโรปจำนวน 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่มีเงินทุนไหลเข้า ดัชนีราคาหุ้นทั่วโลกของ MSCl ลดลง 1% ในเดือนนี้ ส่งผลให้ขาดทุนในเดือน ส.ค. 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่แย่ที่สุดนับแต่กลางปี 2555 ตลาดยังคงสั่นสะเทือนจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจของจีนและเศรษฐกิจทั่วโลกที่ซบเซา (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ดัชนี S&P 500 ปิดบวกมากสุดในสัปดาห์นับแต่เดือน ก.ค. เนื่องจากตัวเลขเมื่อวันศุกร์ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเติบโตในระดับพอสมควรและภาวะเงินเฟ้อที่ควบคุมได้จะมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจของเฟดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานได้ปรับตัวลงหลังจาก Goldman Sachs ปรับลดประมาณการราคาน้ำมันถึงปีหน้า(Reuters)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐลดลงต่ำสุดนับแต่เดือน ก.ย. ปีก่อน จากตัวเลขประจำเดือนก.ย. ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐลดลงอยู่ที่ 85.7 เทียบกับตัวเลขเดือนส.ค. อยู่ที่ 91.9 ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มากที่ 91.2 (Reuters)
ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (PPI) ในเดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลง บ่งชี้ความกดดันเรื่องภาวะเงินเฟ้อผ่อนคลายลงแล้ว ดัชนี PPl ในเดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงและตัวเลขเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% นับแต่เดือนส.ค. ย้อนไป 12 เดือน ดัชนี PPl ลดลง0.8% หลังจากที่ดัชนีในเดือน ก.ค. ลดลงเช่นกัน เป็นการลดลงเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันในช่วง 12 เดือน (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน นำโดยการปรับตัวลดลงของราคาหุ้น Actelion ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ หลังจากที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าดีลการเข้าซื้อบริษัทยา ZS Pharma จะส่งผลลบต่อมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามดัชนี FTSEEurofirst 300 ในรายสัปดาห์ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. (Reuters)
เอเชีย :
ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในญี่ปุ่นพลิกเป็นบวกอีกครั้งในงวด 3Q58 โดยดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นประกาศออกมาเป็นบวก 11.0 จุด พลิกจากติดลบ 6.0 ในงวด 2Q58 ก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายลงทุน (CAPEX) ของบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้ยังไม่เห็นการเพิ่มสูงขึ้นมากนัก โดยคาดว่าจะขยายเพียง 6.1% ในปีธุรกิจหน้านับจากเดือน เม.ย. เป็นต้นไป สูงขึ้นเล็กน้อยจากการประเมินก่อนหน้าว่าจะขยายตัว 5.9% อ้างอิงจากโพลล์สำรวจของ Reuters (Reuters)
ตัวเลขการลงทุนและการผลิตในจีนเดือน ส.ค. ประกาศออกมาพลาดเป้า ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในภาวะชะลอตัวในปัจจุบัน โดยการลงทุนสินทรัพย์ถาวรขยายตัวเพียง 10.9% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบเกือบ 15 ปี และน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าจะขยายตัว 11.1% ขณะที่ผลผลิตภาคโรงงานประกาศออกมาน้อยกว่าคาด โดยเพิ่มสูงขึ้นเพียง 6.1% YoY ในเดือน ส.ค. เทียบกับที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 6.4% และเทียบกับเดือน ก.ค. ก่อนหน้าที่ขยายตัว 6.0% (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันลงวันศุกร์หลังซาอุฯ ปฏิเสธไอเดียของที่ประชุมสุดยอดผู้นำประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ประกอบกับ Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ซาอุฯ เห็นว่าที่ประชุมฯ น่าจะไม่บรรลุแนวทางที่จะปกป้องราคาน้ำมันได้ น้ำมันดิบสหรัฐลง 1.29 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 2.8% ปิดที่ 44.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ลบ 75 เซนต์หรือ 1.5% ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
Goldman Sachs หั่นคาดการณ์ WTI ปี 58 สู่ 48.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลงจากเดิมที่เท่ากับ 52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และยังหั่นคาดการณ์ WTl ปี 59 ลงสู่ 45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจาก 57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้าน Brent หั่นลงเหลือ 53.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลสำหรับปีนี้จากเดิม 58.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และหั่นคาดการณ์ปีหน้าลงเป็น 49.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากเดิม 62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองลงจุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือนวันศุกร์ ไปสู่การเป็นลบติดกันสัปดาห์ที่ 3 จากความไม่แน่นอนของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษส่งผลต่อความต้องการถือโลหะ ทองตลาดจรลดลง 0.6% เหลือ 1,104.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำล่วงหน้าส่งสอบ ธ.ค. ปรับลง 0.5% สู่ 1,103.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpan (No.49234) TeI: 02 680 5094