- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 September 2015 15:48
- Hits: 1942
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดซึมตัวลงสู่แนว 1,360 จุด กลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / วัสดุก่อสร้าง ปรับตัวลง จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ซึมตัวลง อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าหลุดแนว 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เมื่อตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกเด่น รวมถึง DJIA Futures +270 จุด ส่งผลให้บรรยากาศรอบบ่ายกลับมาเป็นบวก SET INDEX ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,379.32 จุด บวก 7.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,757 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 5 ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 5 อีก 1,150 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 เท่ากับ 3,119 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 14 เร่งขึ้นเป็น 3,151 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ครม. อนุมัติแผนช่วยเหลือ SME วงเงิน 1.0 แสนล้านบาท ตามที่ รมว.คลัง เสนอ
ติดตามการประชุม ครม.เศรษฐกิจวันนี้ อาจมีการเสนอแผนเศรษฐกิจเพิ่มเติม
วานนี้ ผลตอบแทนจากพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ปิดทะลุ 3.0% เป็นวันแรกนับตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับแนวทางการผลักดันรัฐวิสาหกิจของจีนเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้น เพื่อความโปร่งใส่ และขยายขนาด market cap ของตลาดหุ้นจีน
มุมมองต่อตลาด
เรายังคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 7 พร้อมให้น้ำหนักที่ SET INDEX จะกลับมาปิดยืนเหนือ 1,380 จุดได้อีกครั้ง แต่เรายังคงยืนยัน นักลงทุนที่เก็งกำไรช่วง 2-3 วันทำการที่ผ่านมา ควรพิจารณาขายทำกำไรเล่นรอบสั้นไปก่อน เพราะภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวน เพราะต่างรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. นี้
ประเด็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus ให้โอกาสเพียง 28% ที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า เราประเมินผลของการตัดสินใจของเฟดในครั้งนี้ไว้ 3 แนวทาง ดังนี้
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกับที่นักลงทุนทั่วโลก ประเมินไว้ ณ ปัจจุบัน หากออกมาในแนวนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ สัญญาณของเฟดจะยังยืนยันที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หรือ เลื่อนไปเป็นปีหน้า แต่ในแนวทางนี้ จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่จะฟื้นตัวเด่นในช่วงสั้นๆ
หรือ เฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากปัจจุบัน 0.00-0.25% เป็นการขึ้นที่น้อยกว่า 25bps หากออกมาแนวทางนี้ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก เป็นการขึ้น เพื่อลดแรงกดดันจากการเมือง ดังนั้น ตลาดหุ้นทั่วโลก จะฟื้นตัวเด่น
หรือ เฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps หากออกมาแนวทางนี้ เราเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่า และตลาดหุ้นทั่วโลก อาจเกิดการปรับฐานลงในช่วงต้น แต่ท้ายสุดจะฟื้นตัว เพราะทำให้เห็นทิศทางชัดเจนของนโยบายการเงินของเฟด เงินทุนจากไหออกจากตลาดตราสารหนี้ และวิ่งสู่ตลาดทุน
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนติดตามการประชุมครม.เศรษฐกิจในวันนี้ อาจมีความคืบหน้าต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล หลัง ครม. อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น สู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และกลุ่ม SME ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่เก็งกำไรรอบสั้นไปก่อนหน้านี้ อาจพิจารณาขายทำกำไรรอบสั้น เหนือ 1,380 จุดขึ้นไป เพื่อรอกลับมาสะสมหุ้นเป้าหมายเมื่อราคาย่อตัวระหว่างทาง"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: KTB/ ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 8.00 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมีการประมูลงานขนาดใหญ่รออยู่ในเดือน ต.ค. คือ รถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย - จีน ที่มูลค่างานสูงถึง 2 แสนล้านบาท
b) ITD มีความพร้อมสูงสุดในการประมูลงานก่อสร้างระบบรางรถไฟ เนื่องจากมีโรงงานทำไม้หมอนคอนกรีตรถไฟ, โรงงานปูนซีเมนต์, โรงเหล็กเส้น และสามารถทำระบบ Switching ของรถไฟได้เอง จึงมีข้อได้เปรียบมากด้านต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันรายอื่น
c) คาดจะมีความคืบหน้าในการออกประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปรแตซที่ จ.อุดรธานีในช่วงปลาย 3Q58 หรือ ต้น 4Q58 และเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อหุ้น ITD
d) ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 8.50 บาท จึงเปรียบเสมือนกับได้มูลค่าของธุรกิจที่เหลือฟรี ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมทวายมูลค่า 1.50 บาท และเหมืองแร่โปรแตซแบบ Conservative ที่ไม่ต่ำกว่า 2.00 บาท
2. KTB : ราคาปิด 18.20 บาท ราคาเหมาะสม 21.03 บาท
a) ครม.มีมติอนุมัติ 5 มาตรการช่วยเหลือ SME วานนี้ ได้แก่
I. ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ 4% วงเงิน 1 แสนล้านบาท
II. มาตรการภาษี โดยลดหย่อนภาษีให้กับ SME ที่มีกำไรเกิน 3 แสนบาท เหลือ 10% ใน 3 ปีบัญชี
III. ส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กับผู้ประกอบการ SME รายใหม่ที่จดทะเบียนประกอบกิจการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2558 - 31 ธ.ค.2559 เป็นเวลา 5 ปีบัญชี
IV. ตั้งกองทุนวงเงิน 6 พันล้านบาท เพื่อขยาย SME ใหม่ ผ่าน 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย และธนาคาร SME
V. และลดหย่อนค่าธรรมเนียมค้ำประกันของ บสย.
b) MBKET ประเมินว่าเป็นบวกต่อ KTB เนื่องจากเป็นแบงค์หลักที่รัฐบาลใช้เป็นช่องทางในการปล่อยสินเชื่อให้กับภาค SME
c) KTB มีสภาพคล่องคงเหลือเพียงพอ เนื่องจาก Loan to Deposit Ratio อยู่ที่ระดับเพียง 90% และจะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของสินเชื่อให้ขยายตัวตั้งแต่เดือน ต.ค. และต่อเนื่องถึง 4Q58 ที่เป็น High Season ของความต้องการใช้ทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจ
d) Valuation ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER2558 เพียง 8.07 เท่า และ PBV2558 ที่ 1.01 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 4.67%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เท่ากับ US$435 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$354 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 4
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ชะลอตัวเหลือ 1,150 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ขายสุทธิ 6,853 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิเกิน 9 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 92,517 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 ชะลอตัวเล็กน้อย เป็น 3,119 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิเท่ากับ 17,891 สัญญา น่าจะการเร่งเปิดสถานะ Short มากขึ้น หลัง SET50 Index ทรงตัวต่ำกว่า 900 จุด เป็นวันที่ 3 อย่างไรก็ตาม S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือเพียง 4.45 จุดจากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 9.37 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 42,827 สัญญา
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 14 เร่งขึ้นเป็น 3,151 ล้านบาท รวม 14 วันทำการ ขายสุทธิ 41,508 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรง เป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 มากถึง 14.86bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.39bps ปิดที่ 3.020%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 600 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 523 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง เน้นสะสมกลุ่ม ICT แต่คงการลดน้ำหนักกลุ่มธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อย 306 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 542 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการเลือกพักเงินในกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่ม ICT และลดน้ำหนักกลุ่มธนาคาร ต่อเนื่อง สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 223 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 654 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 222 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 40 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT กลับถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 344 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 110 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
World Bank เตือนเฟดควรเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย: นักเศรษฐศาสตร์ ของธนาคารโลก ประเมินว่า หากเฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ค่อนข้างมาก เฟดควรจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนกว่าเศรษฐกิจโลกมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้
ยุโรป
เศรษฐกิจอียูใน 2Q58 เติบโตชะลอตัว: เติบโต 0.4% qoq ชะลอตัวจาก 1Q58 ที่ขยายตัว 0.5% qoq และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 0.3% qoq ทั้งนี้
ภาคการบริโภค เติบโต 0.4% qoq
การใช้จ่ายภาครัฐ เพิ่มขึ้น 0.3% qoq
ดุลการค้าเกินดุลให้สัดส่วนการเติบโตเท่ากับ 0.3%
ขณะที่การลงทุนกลับหดตัว 0.5% qoq
จีน
ตัวเลขการค้าเดือนส.ค.ออกมาดีกว่าคาด
การส่งออกเดือนส.ค. หดตัว 5.5% yoy ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวน้อยกว่า Bloomberg consensus คาด -6.6% yoy และดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -8.3% yoy และทำให้ยอดส่งออก 8M58 ลดลง 1.4% yoy ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ทางการวางไว้ที่ 6%
การนำเข้า เดือนส.ค. ลดลง 13.8% yoy หดตัวมากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 8.1% yoy และทำให้การนำเข้าลดลง 14.5% yoy ใน 8M58
ดุลการค้าเดือนส.ค. เกินดุล US$6.02 หมื่นล้าน
แผนปฎิรูปรัฐวิสาหกิจของจีน จะต้องนำไปสู่การแปรรูป: เอกสารจากคณะกรรมการคอมมิวนิสต์แห่งชาติ และ รัฐสภา เปิดเผยว่า ทางการจีนเตรียมที่จะผลักดันให้รัฐวิสาหกิจมีการปฎิรูป และเตรียมตัวสู่การเป็นบริษัทมหาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในอุตฯ ที่มีการแข่งขัน จะต้องมองหาความเป็นเจ้าของที่กระจายความเสี่ยง ด้วยการขายหุ้นให้แก่ทางการจีน และ นักลงทุนที่ไม่ใช่ทางการจีน
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือ SME วงเงิน 1.0 แสนล้านบาท: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) ประกอบด้วย มาตรการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 1 แสนล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินเป็นแกนนำร่วมกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ย 4%, รวมทั้งมาตรการภาษี ซึ่งจะลดหย่อนภาษีให้กับ SME ที่มีรายได้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือ 10% ใน 3 ปีปัญชี พร้อมเตรียมเม็ดเงินจากธนาคารของรัฐรวม 6,000 ล้านบาทตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือฐานทุนให้กับ SME เน้นรายใหม่
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530