- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 September 2015 15:39
- Hits: 1772
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ S-T Profit-Taking
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดบวกและไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,380 จุด และยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย โดยหุ้นหลัก SCC / BH ขึ้นนำ ขณะที่หุ้นรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้างอื่นๆ มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 2 อีก 11.03 จุด มาอยู่ที่ 1,383.48 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,351 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง คงการขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 2 ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 2 อีก 1,499 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 199 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 11 อีก 5,675 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ ในคืนนี้
ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการลงคะแนนรับรองร่างรัฐธรรมนูญ ของ สนช. วันที่ 6 ก.ย.
ติดตามการประชุม BoE วันที่ 10 ก.ย.
ติดตามการเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs ต่อ ครม. ในวันที่ 8 ก.ย.
ติดตามการออกมาตรการคว่ำบาตรการค้าเอกชนจีน ของสหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายในสัปดาห์หน้า
มุมมองต่อตลาด
มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เราคงมุมมอง "กลางถึงบวก" เป็นวันที่ 4 ทั้งนี้ Upside gain ในช่วงสั้นจำกัดมากยิ่งขึ้น ด่านสำคัญ 1,390-1,400 จุด จะยังไม่สามารถปิดยืนแนวดังกล่าวได้ในวันนี้ ด้วยแรงขายทำกำไรระยะสัปดาห์ออกมามากขึ้น แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบโลกจะเป็นกลาง เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 17 ก.ย.นี้ก็ตาม
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการลงคะแนนรับรองร่างรัฐธรรมนูญของ สนช.วันอาทิตย์ที่ 6 ก.ย. เพราะจะมีผลต่อตารางการเลือกตั้งทั่วไป หากเสียงส่วนใหญ่รับรองร่างฯ การทำประชามติในต้นปี 2559 และนำไปสู่การเลือกตั้งใน 3Q59 แต่หากเสียงส่วนใหญ่ไม่รับร่างฯ ตารางเวลาการเลือกตั้งทั่วไปจะถูกเลื่อนออกไปอีก 6 เดือน และอาจกลายเป็นจุดที่สร้างแรงกดดันทางการเมืองในช่วงสั้นได้
และติดตามการผลการประชุม ครม. วันอังคารที่ 8 ก.ย. รมว.คลัง และทีมเศรษฐกิจ เตรียมเสนอแผนช่วยเหลือ SMEs ในระยะสั้น ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและเร็วขึ้น รวมถึงแนวทางการช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจบางส่วน เพื่อให้ SMEs มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น เพื่อรอการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่จะได้รับเงินอัดฉีดผ่าน 3 มาตรการที่ได้อนุมัติไปในสัปดาห์นี้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศระหว่างนี้ เราให้น้ำหนักเป็นกลางเท่านั้น เพราะปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกให้น้ำหนักมากที่สุดในปีนี้คือ การประชุมเฟดในวันที่ 17 ก.ย. จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus ประเมินโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เหลือเพียง 30% เท่านั้น โดยน้ำหนักที่ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 50% ไปตกในการประชุมธ.ค.ที่ให้น้ำหนัก 57%
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจรอจังหวะการเข้าเก็งกำไรอีกรอบ หากราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เราให้น้ำหนักกับกลุ่มที่ล้อไปกับนโยบายเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจชุดปัจจุบัน"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: ITD/ KTB
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 17.80 บาท ราคาเหมาะสม 21.03 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะกลับมา Outperform ตลาดได้ในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น และทำให้การตั้งสำรองลดลงตามลำดับ โดยคาดว่างบการเงินของกลุ่มธนาคารจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนตั้งแต่ 4Q58 เป็นต้นไป
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่ารมว.คลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือ SME ระยะเร่งด่วน ให้ครม.พิจารณา เพื่อช่วยให้ภาค SME มีสภาพคล่องเพียงพอและลดปัญหาการเกิด NPL
c) Valuation ค่อนข้างถูก ซื้อขายระดับ PER2558 เพียง 7.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 9.3 เท่า และ PBV2558 เพียง 0.9 เท่า ต่ำว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.1 เท่า
d) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.85 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.7%
e) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการคือกำไรพิเศษหลังศาลตัดสินให้จำเลยชำระคืนเงินให้กับ KTB จำนวน 10,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นเงินสดต่อหุ้นราว 0.70 บาท
2. ITD : ราคาปิด 7.85 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมีการประมูลงานขนาดใหญ่รออยู่ในเดือน ต.ค. คือ รถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย - จีน ที่คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือน ต.ค.มูลค่างานสูงถึง 2 แสนล้านบาท
b) ITD มีความพร้อมสูงสุดในการประมูลงานก่อสร้างระบบรางรถไฟ เนื่องจากมีโรงงานทำไม้หมอนคอนกรีตรถไฟ, โรงงานปูนซีเมนต์, โรงเหล็กเส้น และสามารถทำระบบ Switching ของรถไฟได้เอง จึงมีข้อได้เปรียบมากด้านต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันรายอื่น
c) คาดจะมีความคืบหน้าในการออกประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปรแตซที่ จ.อุดรธานีในช่วงปลาย 3Q58 หรือ ต้น 4Q58 และเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อหุ้น ITD
d) ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 8.50 บาท จึงเปรียบเสมือนกับได้มูลค่าของธุรกิจที่เหลือฟรี ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมทวายมูลค่า 1.50 บาท และเหมืองแร่โปรแตซแบบ Conservative ที่ไม่ต่ำกว่า 2.00 บาท
e) และมุมมองทางเทคนิคระยะสั้น หากราคาหุ้น ITD ทะลุแนว 8.00 บาท ด่านสำคัญถัดไปจะเป็นที่ 8.30 บาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ US$21 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$168 ล้าน
ทั้งนี้เป็นการซื้อสุทธิ TAIEX เพียงตลาดเดียว
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่2
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 1,499 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 2,501 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,266 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิสูงเกิน 8 หมื่นล้านบาท เป็น 88,615 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง 199 สัญญาเท่านั้น รวม 2 วันทำการ Short สุทธิเพียง 891 สัญญา เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 45,511 สัญญา น่าจะคงการมาเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง แต่เป็นเพียงเบาบาง หลัง SET50 Index กลับมาปิดยืนเหนือ 900 จุดได้อีกครั้ง โดย S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันที่ 2 เป็น 8.36 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 9.89 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 25,827 สัญญา
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 11 หนาแน่น 5,675 ล้านบาท รวม 11 วันทำการ ขายสุทธิ 35,787 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 1.30bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 2.84bps ปิดที่ 2.848%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือเพียง 383 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,073 ล้านบาท
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือเพียง 383 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,073 ล้านบาท
การซื้อขายผ่าน NVDR ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 เพียง 186 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 927 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,606 ล้านบาท โดยเป็นการเลือกลงทุนเป็นรายตัวมากขึ้น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มอาหารถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 143 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 129 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 114 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 247 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 231 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 222 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ดุลการค้า เดือนก.ค. ขาดดุล US$4.19 หมื่นล้าน ใกล้เคียงที่ Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$4.20 หมื่นล้าน แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล US$4.52 หมื่นล้าน โดยการส่งออกฟื้นตัว 0.4% mom จากการส่งออกยานยนต์ และการนำเข้าที่หดตัว 1.1% mom
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน 2.82 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.73 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้า 2.70 แสนตำแหน่ง
ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนส.ค. เท่ากับ 56.1 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 55.2 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 55.7 จุด เป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน โดยคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี ISM ภาคบริการ เดือนส.ค. เท่ากับ 59.0 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 58.5 จุด แต่ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 60.3 จุด ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่ยังคงแข็งแกร่ง
ยุโรป
ECB คงอัตราดอกเบี้ยตามคาดและปรับเงื่อนไขโครงการ QE: อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.05% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และ Marginal Lending rate ที่ -0.2% และ 0.3% ตามลำดับ สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาด นอกจากนี้ ECB ได้ปรับสัดส่วนการเข้าซื้อสินทรัพย์รายเดือน จากเดิมกำหนด 25% ของวงเงิน 6.0 หมื่นล้านยูโรในการเข้าซื้อพันธบัตร ปรับเป็น 33% รวมถึงส่งสัญญาณอาจมีการปรับขนาดของ QE ได้หากจำเป็น และอาจไม่จำเป็นต้องยุติโครงการ ณ สิ้นเดือนก.ย. 2559
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตเท่ากับการประเมินครั้งก่อนหน้า: ขยายตัว 2.2% yoy ใน 2Q58 นอกจากนี้ยังเป็นการขยายตัว 0.3% qoq นำโดยการลงทุนภาคการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 1.6% qoq รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น 0.8% qoq ขณะที่การบริโภคหดตัว 0.2% qoq
ไทย
เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ SME เทแสนล้านช่วย: รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 ก.ย.58 นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะสรุปและจัดทำมาตรการ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมนั้นในเบื้องต้นจะเสนอแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาประมาณ 10,000 ราย โดยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) ซึ่งแบ่งเป็น 4 ด้าน คือด้านการเงิน การคลัง การเพิ่มรายได้ และมาตรการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน โดยในส่วนของด้านการเงินกรอบใหญ่จะแบ่งเป็น 3 แนวทาง
คือ 1.สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูจากสถาบันการเงินวงเงิน 1 แสนล้านบาท 2.กองทุนพลิกฟื้นเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาทางการเงิน 1,000 ล้านบาท และ 3.กองทุนสตาร์ทอัพนักรบใหม่วงเงิน 1,500 ล้านบาท
กกร.ถกคมนาคมเร่งเข็น 17 เมกะโปรเจกท์: นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ว่า ในการประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามและต้องการทราบความก้าวหน้าของโครงการเมกะโปรเจกท์ของกระทรวงคมนาคมทั้ง 17 โครงการของภาคเอกชนที่จะมีการเร่งรัดในการดำเนินงานในปี 2558-2559 โดยแบ่งเป็นโครงการมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง, รถไฟฟ้า 1 เส้นทาง, รถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง และรถไฟความเร็วสูง 3 เส้นทาง และมีมติให้จัดการประชุมระหว่างทางกระทรวงคมนาคมกับ กกร.ทุก 2 เดือน จากเดิมทุกๆ 3 เดือน ซึ่งก่อนจะมีการประชุมใหญ่ร่วมกันในแต่ละครั้งจะมีการแบ่งกลุ่มย่อยในการประชุมร่วมกันเพื่อนำข้อมูลเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย
ได้แก่ ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยประเด็นที่กลุ่มย่อยจะหารือร่วมกันจะมีทั้งหมด 3 ข้อ 1)การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2) กฎกติกาและปัญหาอุปสรรค และ 3)ปัญหาเร่งด่วนที่เอกชนต้องการให้มีการเร่งแก้ไข
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดในรอบ 15 เดือน: ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 72.3 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 73.4 จุดและเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย, การส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง, ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงเดือน ส.ค.
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530