- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 September 2015 17:59
- Hits: 2128
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Strategy
ตลาดหุ้นวานนี้: SET ปรับขึ้น +16.47 จุด (+1.21%) ปิดที่ 1,382.41 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงบ่าย นำโดยกลุ่มสื่อสาร AOT และกลุ่ม commerce นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 388 ล้านบาท เป็นวันแรกในรอบ 10 วัน และ Net long TFEX 1,326 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แต่ยังขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 878 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: ภาพรวมตลาดดีขึ้นต่อเนื่อง SET น่าจะปรับขึ้นต่อ หุ้นกลุ่มพลังงานจะยังนำตลาด รวมไปถึงหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 เดือนที่จะเข้าครม. วันนี้ด้วย โดยคาดว่าจะมีวงเงินสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท มากกว่าที่ตลาดคาดเพียง 5-6 หมื่นล้านบาท ระยะกลางเรามอง SET ฟื้นตัวหลังปรับฐาน 14.4% รอบนี้น่าจะปรับขึ้นกลับมา 7-8% หรือกลับมาแตะที่ 1,400 จุด ได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นทั้งแนวต้านจิตวิทายาและระดับก่อน Panic Sell แต่ระยะยาวเรายังกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเพราะตัวเลข PMI เดือนส.ค. ปรับลงมาอยู่ที่ 49.7 จากระดับ 50.20 ในเดือนก.ค 2015 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
กลยุทธ์วันนี้: ระวังแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้าครม. วันนี้ แต่จังหวะที่ SET ย่อลงจะเป็นโอกาสในการซื้อเพิ่มในหุ้นกลุ่มเหล่านี้ เพราะเราเชื่อว่า Theme การเล่นรอบนี้ยังไม่จบเนื่องจากตลาดยังรอรายละเอียดของมาตรการหรือโครงการที่รัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจ
Trading วันนี้: FSMART (ตู้บุญเติมที่สามารถเติมเงินและโอนเงินสำหรับผู้มีรายได้น้อย)
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: พลังงานทดแทน (GUNKUL EA) กลุ่ม Health care (BDMS) และสื่อสาร (TRUE) High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS, BJCHI KSS report วันนี้: Media Sector (Overweight) – Top pick; RS (เป้า 12.5 บาท) WORK (เป้า 47 บาท)
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:
(+) คาดวันนี้ครม. จะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 เดือน วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้เพียง 5-6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้จะยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้อีก : มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 เดือน มี 3 มาตรการ เม็ดเงินรวมประมาณ 1.3 แสนล้านบาท คือ 1) ปล่อยกู้ให้กองทุนหมู่บ้าน 6 หมื่นล้านบาท 2) จัดสรรวงเงินให้เปล่าตำบลละ 5 ล้านบาท รวม 3.6 หมื่นล้านบาท และ 3) จัดงบลงทุนให้ส่วนราชการที่เสนอโครงการขนาดเล็กวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท นโยบายนี้จะเป็นบวกกับกลุ่ม Domestic Play ทั้งหมด (หุ้นที่จะได้ประโยชน์มีดังนี้ SINGER (อิงรายได้ต่างจังหวัดประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า) TK (สินเชื่อมอร์เตอร์ไซด์) GCAP (สินเชื่อเครื่องจักรการเกษตร) GLOBAL HMPRO DCC TGCI (วัสดุก่อสร้างซ่อมแซมบ้าน) BIGC ROBINS MAKRO (สินค้าอุปโภค บริโภค) KBANK TMB (มีพอร์ทสินเชื่อ SME มากที่สุด) SCC SCCC TPIPL TASCO (งานซ่อมสร้างถนน)
(+) เมื่อคืนราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น US$3.98/บาร์เรล ในช่วงท้ายตลาด ปิดที่ US$49.2/บาร์เรล ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เราเชื่อว่าจะหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ : สาเหตุหลักมาจาก EIA รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐเดือน มิ.ย ลดลง 1.1% จากเดือน พ.ค สู่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกลุ่ม OPEC เริ่มเป็นห่วงราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำจน Venezuela เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉิน รวมถึงเหตุการณ์ความตึงเครียดใน Yamen เพิ่มขึ้น สำหรับราคาน้ำมันดูไบวานนี้อยู่ที่ US$52.12/บาร์เรล ซึ่งใกล้เคียบกับทาง KSS ที่คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ US$52/บาร์เรล และปีหน้า US$55/บาร์เรล เราคาดว่าราคน้ำมันดิบระยะสั้นยังผันผวนสูง แต่อย่างไรก็ตามหุ้นน้ำมันที่คาดว่าจะปรับขึ้นวันนี้จะเป็นจังหวะที่ขายเพื่อปรับพอร์ตให้เข้ามาลงทุนใน Domestic Play
(-) ธปท. มองแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า : ภาคการส่งออกยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดไว้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้มีโอกาสเติบโตได้น้อยกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ทั้งนี้ ในด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงในขณะนี้จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ธ.ค. 2015 เดิมที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาเป็นบวกอาจจะยังติดลบต่อเนื่อง โดยล่าสุดในเดือน ก.ค. 2015 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.05%