WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTB copyบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวด้วยความสดใสเปิดกระโดดบวกทันที 17.92 จุด โดยสามารถแกว่งตัวอยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน เป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนสามารถทำจุดสูงสุดของวันที่ 1359.23 จุด เพิ่มขึ้น 39.15 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมนำโดย แบงก์ พลังงาน สื่อสาร และอสังหาฯ สำหรับหุ้นที่มี impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ SCB, PTT, PTTEP, CPALL, KBANK, PTTGC, TRUE, AOT, GLOW, BBL ทั้งนี้กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันอยู่ที่ 1336.59-1359.23=22.64 จุด ก่อนที่ดัชนีจะทำปิดที่ 1358.03 เพิ่มขึ้น 37.95 จุด (+2.87) มูลค่าการซื้อขาย 52,392 ล้านบาท

 

ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ด้วยการเปิดกระโดดสร้าง Gap ขาขึ้นที่มีความกว้าง 18.29 จุด (1320.08-1338.37) พร้อมกับแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่อง จนสามารถขึ้นมาปิด Gap ที่เปิดไว้ (24 ส.ค.) และทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน พร้อมกับทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวัน จากภาพดังกล่าวส่งผลให้ค่าของ Oscillators พร้อมใจกันกลับมาอยู่ในเชิงบวกอีกครั้ง ทำให้การขึ้นต่อยังพอคาดหวังได้ โดยยังเหลืออีก 1 Gap ที่รอการปิด (18 ส.ค.) แต่ต้องไม่ลืมว่าแนวโน้มยังคงอยู่ในขาลง การขึ้นมานั้นเป็นเพียงรีบาวน์ ดังนั้นการขึ้นควรขายทำรอบหรือการปรับพอร์ต เป้าหมายของการรีบาวน์ 1385-1392 // 1400 +/- จุด แนวรับ 1343 // 1330 จุด

 

กลยุทธ์ : แกว่งตัวผันผวนในทิศทางขาขึ้น
Support 1330 // 1300 // 1290 จุด Resistance 1385 // 1400 // 1430 จุด

พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124 Email: [email protected]

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

 

ปัจจัยบวกทั้งในและนอกประเทศ
  คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงวันนี้ จากข่าวบวกทั้งภายในและนอกประเทศ ตลอดจนการฟื้นตัวแรงของราคาน้ำมัน ภายในประเทศคำกล่าวของดร.สมคิดที่จะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและนักท่องเที่ยวเร่งตัวในต่างจังหวัด ทำให้อารมณ์ของตลาดดีขึ้น ภายนอกประเทศเศรษฐกิจสหรับที่ขยายตัวแข็งแกร่งมากในไตรมาส 2 และภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นทั้งโลก

หุ้นเด่นวันนี้ : KBANK (180.00 บ.; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 58 AWS 220.00 บ.)
  บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เป็นหุ้นแนะนำวันนี้ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล KBANK รายงานสินทรัพย์และหนี้สินในเดือนกรกฎาคม สินเชื่อเติบโต 0.6% MoM และ 2.8% YTD สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ ตัวเลขดอกเบี้ยค้างรับ ซึ่งถือว่าเป็นตัวชี้วัดแนวโน้ม NPL ที่ดี ในเดือนนี้ค่อนข้างจะทรงตัวโดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2 ล้านบาท เทียบกับ 74 ล้านบาทในไตรมาส 2/58 พัฒนาการที่ดีขึ้นในเดือนนี้ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/58 นอกจากนี้ KBANK จะยังคงได้รับการสนับสนุนจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และจากการร่วมมือกับ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต แม้เราคาดการณ์ กำไรจะลดลง 5.2% ในปี 58 แต่ยังคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 14.6% ในปี 59 ธนาคารยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท/หุ้น และ XD วันที่วันที่ 8 ก.ย.58 และจ่ายเงินวันที่ 25 ก.ย.58 Price Pattern ของ KBANK ปรับฐานมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ย.57 แต่ ล่าสุดได้กลับมาเกิดสัญญาณซื้อรายวันครั้งใหม่ และสัญญาณ Bullish Divergence นอกจากนี้ความไม่สอดคล้องกันระหว่าง Price Pattern และ RSI (Relative Strength Index) ก็บ่งชี้ว่าเกิดสัญญาณ Reversal Pattern ของ KBANK จากการที่ได้เกิดการปรับฐานลงมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน คาดว่าน่าจะได้เห็น KBANK ปรับตัวขึ้นต่อไปเพื่อไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 183.50 บ. และเป้าหมายถัดไปที่ 196.50 บ. ตามลำดับ (แนวต้าน: 181.50, 183.00, 186.50; แนวรับ: 178.50, 177.00, 173.50)

 

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

รัฐบาลเน้นกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด วานนี้ ได้ชี้แจงนโยบายแก่นักธุกิจ 800 รายว่าจะมุ่งเน้นฟื้นแผนที่จะกระตุ้นความเชื่อมั่นระยะสั้นของนักลงทุนและผู้บริโภค และต้องการกระตุ้นอำนาจซื้อภายในประเทศโดยตรงมากกว่าการกระตุ้นการส่งออก (Bangkok Post)
รัฐบาลกลับมาใช้กองทุนหมู่บ้านและโอทอปใหม่ รัฐบาลจะนำนโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) และนโยบายกองทุนหมู่บ้านกลับมาใช้ใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ตามนโยบายของรองนายกสมคิด รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการอาหารและเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าเกษตร, ยานยนต์และชิ้นส่วน ตลอดจนผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ (The Nation)


ข่าวการท่องเที่ยวไม่เลวร้ายทั้งหมด ขณะที่มีรายงานว่าโรงแรมและทัวร์ถูกยกเลิก สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่กล่าวว่าจำนวนผู้มาเที่ยวเชียงใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เกิดเหตุระเบิด 17 ส.ค. การจองโรงแรมเพิ่มขึ้นกระตุ้นอัตราการเข้าพัก 70-80% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 90-95% เทียบกับ 40-50% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (Bangkok Post)


สต็อกอสังหาเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย 10 อันดับแรกรายงานห้องพักยังไม่ส่งมอบ ที่ดินยังไม่ได้ทำการพัฒนาและโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงบ้านพร้อมอยู่ มีมูลค่ารวมทั้งหมด 322.82 พันลบ. หรือเพิ่มขึ้น 6.52% YoY (The Nation)
LPN (15.60 บ) เชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งคลังของปีนี้หลังจากที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. โดยบริษัทเปิดเผยว่ามีผู้ที่สนใจกลับเข้ามาจับจองซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทในที่สุดหลังจากผ่านการตัดสินใจนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในช่วงที่เหลือของปีนี้ LPN วางแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการมูลค่ารวม 1.0 หมื่นลบ. เป็นไปตามเป้าหมายสำหรับยอด Presales ที่จะแตะระดับ 2.0 หมื่นลบ.ในสิ้นปีนี้ ขณะที่แนวโน้มรายได้ในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าที่ 1.6 หมื่นลบ. เติบโต 23% YoY หลังจากที่บันทึกรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 47% YoY มาอยู่ที่ 7.4 พันลบ. (The Nation)


ต่างประเทศ :

เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างมากในไตรมาส 2/58 จากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งทั้งตลาดแรงงาน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ถึงแม้ว่ามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและความวุ่นวายทางการเงินทั่วโลกที่อาจจะทำให้เฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน (AWS)


สหรัฐ :

ดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 2% เมื่อวันพฤหัสบดี จากตัวเลขการเติบโตของจีดีพีสหรัฐซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ และการพูดเป็นนัยจากเฟดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นซึ่งทำให้มีการมองในแง่ดีว่าความโกลาหลที่เกิดขึ้นในตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ตลาดหยุดร่วงเมื่อวันพุธหลังจากประธานเฟดสาขานิวยอร์ก นายวิลเลียม ดัดลีย์ได้กล่าวว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนกลายเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นน้อยลง (Reuters)


จีดีพีสหรัฐขยายตัวอยู่ที่ 3.7% YoY ในไตรมาส 2/58 เทียบกับรายงานในเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 2.3% นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีในไตรมาส 2/58 จะถูกปรับตัวเลขเป็น 3.2% เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น 0.6% YoY ในไตรมาส 1/58 ตัวเลขจีดีพีขยายตัว 2.2% YoY ในครึ่งแรกปี 58 เทียบกับครึ่งแรกปี 57 ซึ่งขยายตัว 1.9% (Reuters)


เศรษฐกิจภายในประเทศมีความแข็งแกร่ง อุปสงค์ในประเทศในภาคเอกชนของสหรัฐซึ่งไม่รวมภาคการค้าขายกับต่างประเทศ สินค้าคงคลังและการใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2/58 ต่างจากที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.5% การใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นมากกว่าสองในสามของจีดีพีสหรัฐโตขึ้น 3.1% สูงกว่าตัวเลขในเดือนก่อนที่ 2.9% การใช้จ่ายของผู้บริโภคเริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3/58 จากยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเดือนกรกฎาคม (Reuters)


จำนวนผู้ขอรับสิทธิการว่างงานของสหรัฐลดลง 6,000 ราย อยู่ที่ 271,000 รายในสัปดาห์ก่อน เป็นสัปดาห์ที่ 25 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ขอรับสิทธิต่ำกว่า 300,000 ราย ซึ่งโดยปกติเป็นตัววัดถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน (Reuters)


ยุโรป :

หุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัส หนุนโดยการปรับตัวขึ้นแรงของ ตลาดหุ้นเอเซีย และสหรัฐ หลังจากเจ้าหน้าที่ของ Fed กล่าวว่าโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ลดลงมาก (Reuters)
การเปลี่ยนสินเชื่อภาคธุรกิจในยุโรปในเดือน ก.ค. ขยายตัวแรงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2012 สินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัว 0.9% MOM ในเดือน ก.ค.จากที่ขยายตัว 0.2% MOM ในเดือน มิ.ย. และการเปลี่ยนแปลงสินเชื่อภาคครัวเรือนขยายตัว 1.9 % จาก 1.7% จากตัวเลขของ ECB (Reuters)
กรีซแต่งตั้งผู้พิพากาศาลฎีกาเป็นนายกรักษาการก่อนเลือกตั้ง เมื่อวันพฤหัสหลังจากอดีตนายก อเล็กซิส ไซปลาส ลาออกก คาดว่ากรีซจะมีการเลือกตั้วันที่ 20 ก.ย.(Reuters)


เอเชีย :

แรงกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อและการใช้จ่ายที่ชะลอตัว BOJ กำลังเผชิญ โดยตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคพื้นฐาน (Core Consumer Inflation) เดือน ก.ค. ทรงตัวจากปีก่อนหน้า เทียบกับที่ตลาดประเมินว่าจะหดตัวลง 0.2% ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือน ก.ค. เพิ่มสูงขึ้นเพียง 0.2% YoY น้อยกว่าที่ตลาดประเมินว่าจะขยายตัว 1.3% (Reuters)


สินค้าโภคภัณฑ์ :

ราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่น่าจะอ่อนตัวลงวันนี้ โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวสูงขึ้น 0.16 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ จากวันก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1,125.931 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามราคาทองคำวันนี้น่าจะได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่ได้รับการทบทวนสูงขึ้นอย่างมีนัยฯ (Reuters)
ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันพฤหัสบดีดีดตัวแรงถึง 10% มากที่สุดในรอบ 6 ปี โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาด ประกอบกับแรงหนุนจากทางด้าน Supply หลังจากที่ Shell ประกาศการหยุดผลิตน้ำมันดิบฉุกเฉินในประเทศไนจีเรีย ขณะที่ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ณ แหล่ง Cushing ได้ปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวสูงขึ้น 3.96 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (+10.3%) จากวันก่อนหน้ามาอยู่ที่ 42.56 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 4.42 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 47.56 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)

 

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!