- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 August 2015 17:16
- Hits: 2683
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เด้งตามตลาดภูมิภาค"
Stock Picks-
Aug 2015 : Fundamental : INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC ส่วน Dark Horse คือ CK, GL
Fundamental Pick -Today: KTB (ดูรายละเอียดในหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : ESSO 25%, BCP 25%, KKP 18%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบได้อีก
Support Resistance Stop loss
SET 1280-1250 1330, 1350 ต่ำกว่า 1300
SET50 820-800 870-880 ต่ำกว่า 850
Technical Picks- Today : KBANK, CK, VNG, SUPER, STAR, MINT, CPR
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวน โดยปรับขึ้นไปสูงสุด 1333.30 (+9.42 จุด) แล้วถูกขายทำกำไรมาปิดตลาดที่ 1320.08 (-3.80 จุด) โดยแรงซื้อในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังเด่น แต่ในกลุ่มโภคภัณฑ์ยังอ่อนต่อ เพราะความวิตกผลกระทบจากโครงสร้างราคาพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มูลค่ากิจการลดลงอย่างมีนัยสำคัญและอาจจะลดลงอย่างถาวร นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่ออีก 4.4 พันล้านบาท แต่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิเพิ่มเป็น 5.5 พันล้านบาท
Sentiment การลงทุนในระยะสั้นมากดีขึ้น ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกตอบรับการเพิ่มขึ้น 600 กว่าจุดของดัชนีดาวโจนส์และ VIX ที่ลดลงเป็นประมาณ 30% (จากที่ขึ้นไปกว่า 50% ใน 3 วันก่อน) แต่ยังต้องระวังการปรับขึ้นแบบจำกัด เพราะราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์ที่อ่อนแอยังคงกดดันผลประกอบการ 3Q58 ของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี ปัจจัยของกลุ่มที่เป็น Domestic Play ของไทยดูกระเตื้องขึ้น ล่าสุดกระทรวงการคลังประกาศให้ KTB ปล่อยกู้ในโครงการบริหารจัดการน้ำ-ขนส่ง 5 พันล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี และคาดว่าจะมีโครงการลงทุนอื่นๆ ทยอยตามมา ส่งผลดีกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ KTB ที่เป็นแบงค์รัฐ รวมถึงมีโอกาสที่จะได้รับ Windfall จากกรณี KMC เข้ามากรณีที่บริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อฯไว้แล้ว หุ้นพื้นฐานที่เลือกวันนี้จึงเป็น KTB (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหน้า 2) ส่วนกลยุทธ์โดยภาพรวม ยังคงเห็นว่าการเก็งกำไรรอบสั้นไม่ควรหวัง Gap กำไรมาก ส่วนการลงทุนระยะยาว หลังจากที่เราแนะนำให้ลดการลงทุนในหุ้นและถือเงินสดมากขึ้นไปแล้ว (ซึ่งก็แล้วแต่ความสามารถของพอร์ตว่าจะกลับมาถือเงินสดได้มากแค่ไหน) ก็ให้ถอยรับเป็น Step (ไม่เน้นการซื้อครั้งเดียวจบ) สำหรับหุ้นที่คงค้างอยู่ในพอร์ต เน้น Domestic Play ที่เป็น Defensive & ปันผลสูง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่สามารถพลิกเป็นลบได้อีก การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1330-1340, 1350 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1300 จุด จะแนวรับถัดไป 1280-1250, 1200 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ KBANK, CK, VNG, SUPER, STAR, MINT, CPR
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ตลาดหุ้นสหรัฐมีแรงซื้อกลับช่วงท้าย จากช่วงแรกที่ตลาดบวกเพียงเล็กน้อย ปิดตลาดดัชนี DJIA พุ่งขึ้น 619.07 จุด หรือ +3.95% หนุนโดยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้น้อยลง
+ VIX ลดลงเป็น 30.32% หลังจากขึ้นไปสูงสุดกว่า 50% เมื่อ 3 วันก่อน บ่งชี้ว่าสถานการณ์ผ่อนคลายลง แต่การที่ VIX สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 25% บ่งชี้ว่านักลงทุนยังระมัดระวังในการลงทุนมาก
+ Sentiment ตลาดเอเชียเช้านี้เป็นบวก โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1-2% นำโดยดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น (+2.2%) และดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.4%
+ สหรัฐ : คาดการณ์โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.ลดลงเหลือ 26% จากสัปดาห์ก่อนที่ 28% และจาก 2 สัปดาห์ก่อนที่เกือบ 60% ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวแสดงความคิดเห็นว่าแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลง และยังไม่เหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 2%MoM ในเดือนก.ค.58 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%MoM
+ สหรัฐ : ดัชนีการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่ม 0.2%WoW ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดต่ำลง โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อที่อยู่อาศัยแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐลดลงสู่ 4.08% ในสัปดาห์ที่แล้ว จาก 4.11% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
- ราคาน้ำมันดิบขยับลงเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบต.ค.ลดลง 71 เซนต์ ปิดที่ 38.6 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT อ่อนลง 7 เซนต์ ปิดที่ 43.14 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหลักมาจากการกลับมาแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และสต็อกน้ามันดิบสหรัฐที่ยังสูงมาก แม้ว่า EIA จะรายงานล่าสุดว่าสต็อกน้ำมันดิบรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด 21 ส.ค.ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรลแล้วก็ตาม...การลงทุนในหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ (Commodities) ยังต้องระมัดระวังสูง และการรีบาวด์ในช่วงสั้นอาจจะมีระยะทางจำกัด
- ราคาทองคำดิ่ง โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.58 ลดลง 13.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1124.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งด้วย
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ KTB : ปล่อยกู้โครงการน้ำ-ขนส่ง 5 พันล้านบาท & มีโอกาสได้ Windfall จากกรณี KMC อีกด้วย กระทรวงการคลังออกประกาศให้ปล่อยกู้โครงการบริหารจัดการน้ำ-ขนส่งครั้งที่ 2 วงเงิน 5 พันล้านบาท เป็นเวลา 2 ปี โดยกระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ในช่วง 14 ส.ค.58 - 14 ก.พ.59 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 6 เดือน +0.1% ต่อปี ปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ชำระเงินต้นเมื่อสิ้นสุดสัญญาคือ 14 ส.ค.60 โดยกระทรวงการคลังสามารถชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : นับเป็นข่าวดีกับ KTB และภาพรวมที่ได้เห็นการลงทุนเดินหน้า และคาดว่าโครงการลงทุนอื่นๆ จะทยอยตามมา ขณะเดียวกัน KTB อาจจะได้รับผลดีจากข่าวการตัดสินของศาลฎีกามีคำตัดสินให้ KMC (ปัจจุบันคือ AQ) จ่ายคืนเงินกู้ 1 หมื่นล้านบาทให้กับ KTB ซึ่งกรณีนี้กำลังรอความชัดเจนว่าหลักประกันที่วางไว้นั้นเพียงพอจริงหรือไม่ และถ้า KTB ตั้งสำรองฯสำหรับกรณีนี้ไปแล้ว โดยจะคงค้างไว้ก็ทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองฯใหม่เพิ่มขึ้นมาก หรือธนาคารอาจจะ Reverse สำรองฯกลับมาเป็นรายได้ ถ้าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้นนี้ทำให้ประมาณการของฝ่ายวิจัยฯ DBSV มี Upside Risk เชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ KTB
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : คาดว่าจะเห็นการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้นในช่วงปลาย 3Q58 - 4Q58 หลังจากที่โครงการลงทุนภาครัฐทยอยเข้าสู่ระบบ และการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอไว้ในช่วงก่อนหน้าเริ่มขยับตัว อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมทั้งปี 58 การเติบโตของสินเชื่อจะยังจำกัด ต้องไปหวังการขยายตัวที่ดีขึ้นในปี 59 เลย ในด้านกำไรสุทธิก็เช่นกัน ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดว่ากำไรสุทธิปี 58 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะหดตัว 8% เนื่องจากตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้น (โดยกำไรก่อนสำรองเติบโตได้เล็กน้อย) แต่จะขยายตัวสูง 17% ในปี 59 และทำให้กำไรในปี 59 เพิ่มจากปี 57 ได้ 7% (นับว่าเติบโตที่ต่อเนื่องแม้ว่าจะสะดุดไปชั่วคราวในปีนี้ก็ตาม) ในด้าน Valuation ก็ไม่แพงทั้งใน Term P/E ที่เพียง 9 เท่าในปีนี้และ 7.7 เท่าในปี 59 รวมถึง P/BV ที่เพียง 1.2 เท่าในปี 58 เชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยให้ KBANK เป็นหุ้น Top Pick ส่วนระยะสั้น KTB โดดเด่น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]