WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -204.91, NASDAQ -19.76 และ S&P -25.60 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน แม้
จะได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงเป็นครั้งที่สองในรอบ 2 เดือน โดยลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะ 1 ปี ลง 0.25 % สู่ 4.6 % มีผลตั้งแต่วันที่ 26/8/58 เป็นต้นไป พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีลง 0.25 % และปรับลด RRR สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ลง 0.50 % สู่ 18.0 % มีผลตั้งแต่วันที่ 6/9/58 เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถชดเชยความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด
ออกมาสดใส ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดย (1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค – สค. อยู่ที่ 101.5 เพิ่มขึ้น
จาก 91.0 เมื่อกค. และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 93.4 และ (2) ยอดขายบ้านใหม่ – กค. เพิ่มขึ้น 5.4% จาก 0.481 ล้านยูนิต เมื่อมิย. อยู่ที่ 0.507 ล้านยูนิต
  .....ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป FTSE +182.47, CAC +181.40 และ DAX +479.69 ภายใต้ปัจจัยบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจีนข้างต้น
  .....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. +US$1.07 อยู่ที่ US$39.31 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการกลับเข้ามาเก็งกำไร หลังราคาน้ำมันดิบปรับลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง ที่ US$37.75 ต่อบาร์เรล ขณะที่ยังคงมีความกังวลภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในจีน
  ......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$15.3 อยู่ที่ US$1,138.3 ต่อออนซ์ หลังจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่สดใสข้างต้น ทำให้คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -3,312 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -79,367 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

 

ทิศทางตลาด :
  ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดภาพรวมใหญ่ยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว และอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนเข้ามาบ้างในระยะสั้นจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง


  .....ทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดโดยรวมยังได้รับผลกระทบจากความเชื่อในการลงทุน ทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังคงขายสุทธิ ต่อเนื่องอีกกว่า 3,300 ล้านบาท และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงเกือบ 80,000 ล้านบาท ขณะที่คาดหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL และ ERW เป็นต้น) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, THAI, BA และ NOK) เป็นต้น ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ราชประสงค์เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามคาดอาจมีแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้างในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันล่าสุดที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของครม. ชุดใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่คาดเป็น Sentiment บวกต่อตลาดได้บ้าง ซึ่งล่าสุด รมต.คลังเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเน้นช่วยกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย และยังคงนโยบายลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่อไป


  ...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.64 - 35.66 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก และ (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น


  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.14 อยู่ที่ 2.13% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -4.72 มาอยู่ที่ 36.02
หุ้นแนะนำ : KTB  

 

ประเด็นที่ต้องติดตาม (26 - 28 สค.’58)
  26/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน - กค. (2) สต็อกน้ำมัน
  27/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขประมาณการ GDP – 2Q/58 (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) – ก.ค.
  28/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล – กค. (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้าย – ส.ค.

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!