WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Rebound Further

ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แม้ว่าจะเปิดบวกขึ้นทดสอบ 1,320 จุด แต่ก็เผชิญกับแรงขายหุ้นหลัก โดยเฉพาะ PTTEP และแรงขายหุ้นขนาดกลางและเล็ก กดให้ SET INDEX ย่อตัวลงทดสอบแนว 1,294 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound อย่างแข็งแกรง หุ้นหลักใน SET50 ฟื้นตัวเด่น สอดคล้องกับภาวะตลาดหุ้นเอเชียและยุโรป ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ฟื้นตัว 1.75% หรือ 22.82 จุด มาอยู่ที่ 1,323.88 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 60,200 ล้านบาท
       นักลงทุนต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทย ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 3,312 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 5,323 ล้านบาท และเร่งปิดสถานะ Short ด้วยการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 16,625 สัญญา

ปัจจัยสำคัญวันนี้
นโยบายเรียกความเชื่อมั่นระยะสั้นจากทีมเศรษฐกิจ นำโดย ดร.สมคิด มุ่งเน้นกำลังซื้อจากรากหญ้า เพื่อให้ปริมาณเงินเกิดความหมุนเวียน เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic Play
กสทช. ได้นำร่างประมูลคลื่น 1800 ออกเป็น ราชกิจจานุเบกษา วานนี้
ติดตามการแถลงนโยบายจาก รมว. ICT วันนี้
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 และ RRR อีก 50bps เป็น 18.0%
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว นำโดย WTI ปิดบวก US$1.07 เป็นบวกเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่มพลังงานช่วงสั้น

มุมมองต่อตลาด
มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เรายังคง "เป็นกลาง" ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 หลัง SET INDEX วานนี้ปรับฐานลงไปทดสอบแนว 1,290-1,295 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound อีกทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนในค่ำวานนี้ เชื่อว่าจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่วานนี้ยังคงปรับฐานลงแรงต่อเนื่องอีกกว่า 7%
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว WTI วานนี้ปิดที่ US$39.31 เพิ่มขึ้น US$1.07 ย่อมทำให้กลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น/ ปิโตรเคมี ที่เผชิญกับแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ คลายตัวลงและให้น้ำหนักต่อการเกิด Technical Rebound โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PTTEP ที่ฟื้นตัวช้ากว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม PTT


ขณะที่กลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่ม ICT ที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่วานนี้ เราเชื่อว่าจะไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่องในช่วงสั้น จากมาตรการเรียกความเชื่อมั่นทั้งระยะสั้น - กลาง - ยาว จากทีมเศรษฐกิจ นำโดย ดร.สมคิด ที่เริ่มให้แนวทางการทำงานของ 7 กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เราเชื่อว่า ต่อจากนี้ไปจะเห็นกรอบเวลาและการทำงานในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น หากเป็นไปตามที่เราคาด ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งจะเป็นบวกต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน ระยะสั้น จับตามาตรการช่วยเหลือกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อย หรือ กลุ่มรากหญ้า เป็นนโยบายเร่งด่วน
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เราให้น้ำหนักกับการประชุม Jackson Hole คืนวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.นี้ ประธานเฟด จะเข้าร่วมงานดังกล่าวพร้อมให้ความเห็นต่อทิศทางนโยบายการเงินของเฟดจากนี้ไป ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญจาก ณ ปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ที่ส่อเค้าเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เฟดจะให้น้ำหนักในส่วนนี้ เพื่อส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกในส่วนของเงินทุนเคลื่อนย้าย และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนเลือกเก็งกำไรในหุ้น / กลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ" จากการคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่คาดว่าจะออกมาเป็นรูปธรรมเร็วๆ นี้

Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: KTB / TPIPL
Cut-Loss: THAI

 

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 2.20 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่เร่งผลักดันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ให้สามารถเปิดประมูลได้เร็วขึ้น โดยแบ่งขนาดโครงการให้เล็กลง เพื่อกระชับขั้นตอนการประมูลและความถี่ให้รวดเร็วขึ้น
b) เนื่องจากงบลงทุนของภาครัฐฯที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบจะเป็นตัวแปรสำคัญให้เศรษฐกิจไทยใน 2H58 ฟื้นตัวได้ และเป็นเครื่องมือหลักที่รัฐฯสามารถทำได้ทันที ดังนั้น จึงความว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะเพิ่มขึ้นชัดเจนตั้งแต่ 4Q58 เป็นต้นไป
c) คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะลดลงตั้งแต่ 4Q58 เป็นต้นไป
d) ความสำเร็จในการออกหุ้นกู้จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้สกุลยูโรจำนวน 163 ล้านยูโร รวมทั้งรีไฟแนนซ์เงินกู้ ซึ่งจะส่งผลให้ Cost of Debt ของบริษัทลดลงจากเดิมราว 1% และลดความผันผวนต่องบการเงินของบริษัท เนื่องจากจะไม่ต้องบันทึกผลขาดทุน / กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับ 1H58 ที่ผ่านมา
e) Valuation ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.7 เท่า ต่ำกว่า SCC ที่ 3.1 เท่า และ SCCC ที่ 3.6 เท่า
2. KTB : ราคาปิด 17.90 บาท ราคาเหมาะสม 21.03 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะมี Sentiment เชิงบวก จากการประชุมครม.นัดแรก ของครม.ชุดใหม่ ภายใต้แกนนำของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และคาดว่าจะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
b) KTB ได้ประโยชน์โดยตรง เนื่องจากถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะเป็นธนาคารหลักที่ได้รับอานิสงค์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นลูกค้าสัดส่วนสูงของธนาคาร
c) Valuation ค่อนข้างถูก จึงเชื่อว่าจะช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาหุ้น เนื่องจากซื้อขาย PER 2558 เพียง 7.9 เท่า และ PBV 2558 ที่ 0.9 เท่า
d) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.85 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.8%

 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิอีก US$63 ล้าน ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าขายสุทธิสูงถึง US$1,049 ล้าน
และเป็นการขาย 5 ใน 6 ตลาดเป็นวันที่ 2

 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงทยอยลดน้ำหนักการลงทุนในไทย
       นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ลดลงเล็กน้อย เป็น 3,312 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิ 26,882 ล้านบาท และ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิใกล้แตะระดับ 8 หมื่นล้านบาท ยอดถึงวานนี้เท่ากับ 79,367 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิอีกครั้งมากถึง 16,625 สัญญา คาดว่าเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า ส่งผลให้ S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันที่ 3 เหลือ 4.33 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 9.64 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเท่ากับ 53,822 สัญญา
        ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 5,323 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 17,032 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 มากถึง 9.55bps จากวันก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 6.27bps ปิดที่ 2.815%
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมามีสถานะ Short ใน Metal Futures เป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ แต่ก็เพียง 269 สัญญา เทียบกับ 11 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 12,350 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ใน Metal บางส่วน หลังค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองคำในตลาดลอนดอนไม่ผ่านแนว US$1,160

 

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นอีกเป็น 1,519 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,301 ล้านบาท

 

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ เป็นการกลับมา Covered Short กลุ่มธนาคารและพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ แต่ก็เพียง 512 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 5,196 ล้านบาท โดยน่าจะเป็นการกลับมา Covered Short กลุ่มธนาคารและพลังงานที่ลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 961 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 331 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 412 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 149 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 90 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 571 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 328 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทิ 200 ล้านบาท และกลุ่มขนส่งขายสุทธิ 99 ล้านบาท

 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

 

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงลบ
ดัชนีราคาบ้าน เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.5% mom
ดัชนีราคาบ้าน S&P CS เดือนมิ.ย. กลับหดตัว 0.1% mom สวนทางกับ Bloomberg consensus คาด +0.1% mom แต่หดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า -0.1% mom โดยราคาบ้าน 11 ใน 20 เมือง ลดลง mom นำโดย Chicago ที่ลดลงมากสุด 1.7% mom
ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น เดือนส.ค. เท่ากับ 55.2 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 54.8 จุด แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อใหม่กลับชะลอตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ยอดขายบ้านใหม่ เดือนก.ค. เท่ากับ 5.07 แสนหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 5.16 แสนหลัง แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 4.81 แสนหลัง

 

ยุโรป
เศรษฐกิจเยอรมันเติบโตในอัตราเร่งจากภาคการส่งออก: ใน 2Q58 เติบโต 0.4% qoq สอดคล้องกับตัวเลขเบื้องต้นก่อนหน้านี้ โดยภาคการส่งออกขยายตัว 2.2% qoq ภาคการบริโภคภายในประเทศ ขยายตัว 0.2% qoq แต่การลงทุนหดตัว 0.4% qoq ขณะที่งบประมาณเกินดุล 2.11 หมื่นล้านยูโรใน 6M58 หรือ 1.4% ของ GDP

จีน
ธนาคารกลางจีนผ่อนคลายนโยบายการเงินชุดใหญ่
ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อายุ 1 ปีลง 25bps เป็น 4.60% ถือเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.
ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอายุ 1 ปี ลง 25bps เช่นกัน เป็น 1.75% มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.
ลด Requirement Reserve Ratio ของธนาคารพาณิชย์จีนลงอีก 50bps เป็น 18.0% มีผลบังคับใช้วันที่ 6 ก.ย.
ทางการจีนยืนยันลดการช่วยเหลือตลาดหุ้นจีน: เพราะภาพรวมตลาดหุ้นจีนที่ ณ ปัจจุบันเป็นเรื่องของอารมณ์ของนักลงทุน มากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ส่งผลกระทบที่จำกัดต่อภาพรวมเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ต้นทุนในการช่วยเหลือ/ประคอง ตลาดหุ้นจีนกลับอยู่ในระดับสูง

 

เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี

 

ไทย
      ประยุทธ์ ขีดเส้น 3 เดือนทีมเศรษฐกิจโชว์ผลงาน: พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวต้อนรับ ครม.ชุดใหม่ โดยหวังให้สานต่องานครม.ชุดเก่าวางรากฐานเศรษฐกิจเอาไว้ ทั้งนี้ต้องมีการกำหนดแผนงานที่ชัดเจนและมีการรายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ ทุก1เดือนและ3เดือน โดยในเรื่องเร่งด่วนต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ในระดับรากหญ้า ช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ให้มีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้นให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจได้ดีขึ้น โดยต้องการเห็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือนต่อจากนี้
คลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น: แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ ดำเนินการผ่านแบงก์รัฐ ด้วยการให้แบงก์รัฐปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำลงไปสู่ระดับรากหญ้าทั่วประเทศ ผ่านสถาบันการเงินในชุมชน เช่น กองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และมีสภาพคล่องในการใช้จ่าย โดยใช้เงินงบประมาณในการอุดหนุน เพราะขณะนี้มีปัญหาว่าประชาชนในระดับรากหญ้า ไม่มีรายได้เลี้ยงปากท้อง และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้

       ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน จะหารือให้ทางธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านลงจากเดิม ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5% เบื้องต้นอาจจะลดให้เหลือ 3%ซึ่งธนาคารทั้ง 2 แห่งมีวงเงินในการปล่อยกู้กองทุนที่มีศักยภาพแห่งละ 2 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 4 หมื่นล้านบาทภายใน 2 ปี ส่วนแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มเติมนั้น ทางธ.ก.ส.จะนำเสนอรมว.คลังพิจารณาเพิ่มเติม

 

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!