- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 August 2015 22:58
- Hits: 3448
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Strategy
ตลาดหุ้นวานนี้: SET ดิ่งลง -64.55 จุด (-4.73%) มาอยู่ที่ 1,301.06 จุด ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นภูมิภาคที่กลัวเศรษฐกิจจีนแย่กว่าคาดหลังดัชนีเชี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่ดิ่งลง 8.5% ราคาหุ้นร่วงลงเกือบทุกกลุ่ม โดยกลุ่มพลังงานร่วงหนักสุด นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 4,775 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 และขายในตลาดพันธบัตร 6,421 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และกลับมา Net Short TFEX 1,914 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: ยังผันผวนตามตลาดหุ้นภูมิภาค และมีโอกาสรีบาวด์หลังร่วงแรงวานนี้ แต่ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นจีน รวมถึงตลาดหุ้นล่วงหน้าอย่างใกล้ชิดเพราะจะมีอิทธิพลกับตลาดช่วงนี้
กลยุทธ์วันนี้: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำซื้อเล่นเด้งช่วงดัชนีปรับลงแรง
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: พลังงานทดแทน(GUNKUL EA) กลุ่ม Healt care (BDMS) และสื่อสาร (TRUE) High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS, BJCHI KSS report วันนี้: Bank (Underweight), Oil&Gas Sector (Downgrade to Neutral)
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:
(-) ไม่ใช่เพียงแต่เกิดฟองสบู่แตกในตลาดหุ้นจีน แต่เศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวอย่างรวดเร็วและน่ากลัว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตลาดหุ้นโลกดิ่งเหว: ความโกลาหลนี้จะจบลงได้ต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นจีนและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวตามที่คาดไว้หรือไม่ ฉะนั้นการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีนและตัวเลขเศรษฐกิจจีนจะมีอิทธิพลต่อตลาดในช่วงนี้เป็นอย่างมาก นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด วันนี้เราเริ่มเห็นผลกระทบแล้วคือการอ่อนอย่างรวดเร็วของค่าเงินในภูมิภาค ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง ดังนั้นหากเศรษฐกิจจีนแย่จริงจะกระทบต่อเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะเอเชียจะได้รับผลกระทบมากสุด
(-) เราอาจเข้าสู่ภาวะตลาดหุ้นขาลงอย่างเต็มรูปแบบ หาก SET Index หลุด 1,200 จุด หรือปรับลงอีก 5% จากระดับปัจจุบัน เพราะนับตั้งแต่จุดต่ำสุดของวิกฤติ Subprime เมื่อเดือนมี .ค 2009 ตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกอยู่ในภาวะตลาดกระทิงมาเป็นระยะเวลานานกว่า 6 ปี โดยดัชนีตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกได้ปรับเพิ่มขึ้น 100-300% (SET +288%) จากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการพิมพ์พันธบัตรของสหรัฐ (QE) ที่ไหลเข้าสินทรัพย์เกือบทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่การขยายตัวของเศรษฐกิจที่แท้จริงไม่ได้ดีเหมือนกับดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นเป็นอย่างมาก และวันนี้เราเห็นกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาร่วงลงอย่างมาก เช่น ราคาน้ำมันดิบต่ำสุดในรอบ 6.5 ปี ทองคำต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ดัชนี้ตลาดหุ้นเริ่มเห็นการ Correction (ปรับฐาน) จากจุดสูงสุดแล้วประมาณ 15% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ภาวะตลาดหุ้นขาลงหลังปรับขึ้นมานานกว่า 6 ปีแล้วก็เป็นได้
(-) จีนยังมีเครื่องมือพร้อมรับมือ หากเกิดวิกฤตในจีน แต่ตลาดหุ้นยังไม่ไว้วางใจ : ทางการจีนเตรียมใช้กองทุนบำนาญหลักพยุงตลาดหุ้น : ทางการจีนเปิดเผยว่า มีแผนที่จะใช้กองทุนบำนาญหลักแห่งรัฐในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อหวังผลักดันให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว เพราะกองทุนสามารถลงทุนในหุ้นในประเทศได้ถึง 30% จากทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ราว 3 ล้าน 5 แสนล้านหยวน นอกจากนี้ยังสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ที่จะกระตุ้นให้มีแรงซื้อมากขึ้น แต่ดัชนีตลาดหุ้นจีนก็ยังปรับลดลงวานนี้
(-) สศช. เผยภาวะหนี้ภาคครัวเรือน 1Q15 อยู่ที่ 10.57 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% คิดเป็น 79.9% ต่อ GDP : โดยมียอดค้างสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในช่วง 2Q15 เพิ่มขึ้น 7% และมีการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น 15.5% ส่วนการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 28% ซึ่งไม่อยู่ในระดับสัญญาณอันตราย แต่ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังการผิดนัดชำระหนี้อย่างใกล้ชิด
(-) VIX Index (ดัชนีวัดความกลัว) พุ่งขึ้น 12.7 จุด อยู่ที่ 40.74 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกิน 30 จุด โดยพื้นฐานถือว่าความกลัวมีอิทธิพลเหนือกว่าความโลภ จะทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานอย่างรุนแรง ทำให้เมื่อคืนวานนี้ดาวโจนส์ร่วง 588 จุด และราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลงต่ำกว่า US$39/บาร์เรล ส่วนทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 มาอยู่ที่ 1.156 ยูโร/ดอลลาร์
(+) Fund Flow ไหลเข้าตลาดพันธบัตรสหรัฐ : หลัง Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลง 0.024% อยู่ที่ 2% ซึ่งเป็นการปรับลงต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าเฟดอาจเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นสิ้นปีหรือปีหน้าได้