- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 August 2015 22:40
- Hits: 2325
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ " ดิ่งตามตลาดโลก"
SET ปิดปรับตัวลดลง ด้วยความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก จากประเด็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและราคา commodity ที่ซบเซา ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง ดัชนี SET index ปิด 1,301.06 จุด ลดลง 64.55 จุด (-4.73%) Vol 6.0 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เริ่มลดลงหลังการเจรจา โดยเกาหลีใต้ยอมปิดลำโพงชนวนสงครามในวันอังคาร
(+) เริ่มเห็นการอนุมัติซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียน เริ่มจาก PTTGC อนุมัติ Treasury Stock วงเงิน 4.5 พันล้านบาท ซื้อหุ้นคืนร้อยละ 2 เริ่มเข้าซื้อในวันที่ 8 ก.ย.58-7 มี.ค.59
(+) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เผยเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการหมุนเวียนเศรษฐกิจของกลุ่มรากหญ้า ตั้งเป้า 3 เดือนฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(-) ช่วงเช้าดัชนีนิเกอิปรับตัวลดลงหลุด 18,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน จาก Sentiment ลบของตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงแรงวานนี้
(-) Fund Flow ต่างชาติไหลออก โดยมี Net Sell 4.7 พันล้านบาท รวมยอดสะสม Net Sell 5 วัน ที่ระดับ 2.3 หมื่นล้านบาท
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 2.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ 38.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
(+/-) รมต.ต่างประเทศรัสเซียเผย สหรัฐส่งสัญญาณพร้อมที่จะรื้อฟื้นสัมพันธ์กับรัสเซียหลังจากสหรัฐและสหภาพยุโรปออกมาคว่ำบาตรจากกรณียูเครน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
* เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ
* ความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
* การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ หลังจากมีการปรับเปลี่ยนครม.
* ประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมืองแจ๊กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ระหว่างวันที่ 27-28 ส.ค.
กลยุทธ์การลงทุน "ต่างประเทศกดดัน "
คาดหมายการปรับตัวลดลงของดัชนีในวันนี้ แม้ว่าจะมีความผ่อนคลายจากประเด็นเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ แต่ความกังวลในเศรษฐกิจโลกยังปกคลุมตลาดทุน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงต่อเนื่องยังกดดันดัชนี จากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยหนุนในระยะกลางเพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับตัวลงของดัชนี เช่นกลุ่มส่งออก และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการภาครัฐ
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
SCB เก็งกำไร
* ปัจจุบันราคาหุ้น อยู่ที่ 131.50 บาท เทียบเท่า PER ปี 58 ที่ 8.9 เท่า ลงมาใกล้เคียงกับ PER ตอนเกิด Hamburger Crisis ที่ระดับ 7-8 เท่า แล้ว อีกทั้งค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีของ SCB อยู่ที่ 13 เท่า
* คาดการ Rebound ของตลาดรอบนี้ จะนำโดยกลุ่ม Bank เนื่องจากเป็น Sector ที่ปรับตัวลดลงแรงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 58 (-26%YTD) เทียบ
SET ที่ -13%YTD
RATCH เก็งกำไร
* คาดเห็นผลการดำเนินงานเติบโต HoH ใน 2H58
* รอข้อสรุปโครงการไฟฟ้ามะริดในพม่า และการพัฒนาโครงการร่วมกับกลุ่ม PTT ทั้งในอินโดนีเซียและเวียดนาม
* มองเป็นหุ้น Defensive สำหรับประเด็นเศรษฐกิจโลกซบเซา ด้วย Dividend Yield 4% ก่อน XD ปันผลระหว่างกาล 1.1 บาท 28 ส.ค.
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ