- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 August 2015 22:23
- Hits: 793
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ใกล้ลุ้นจังหวะดีดขึ้นแล้ว จึงเน้นถือและซื้อช่วงลบได้!
กลยุทธ์ : เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงมาลึกมากเพื่อตอบรับข่าวลบต่างๆ ซึ่งล่าสุดพอที่จะมีข่าวบวกเริ่มกลับเข้ามาหนุนได้บ้าง ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET ใกล้ที่จะเข้าสู่รอบรีบาวด์แล้ว ดังนั้นส่วนที่ซื้อแล้วยังเน้นถือต่อเนื่อง ส่วนช่วงนี้ถ้า SET ลบลงต่ออีกแนะนำให้เลือกหุ้นซื้อเพิ่มได้ด้วย
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CBG, BEC, SAWAD(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังปรับตัวลงรุนแรงต่อเนื่อง จากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดปรับตัวลงกว่าพันจุดในช่วงแรก ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวมาปิดลบน้อยลงได้ แต่ก็ยังเน้นหนักทางด้านแกว่งตัวด้านลบ และตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็ยังปิดลบรุนแรงอยู่ในระดับ 4-5% จึงทำให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งยังเปิดปรับตัวลงต่ออีก อย่างไรก็ตามกรอบการปรับลงของตลาดเอเชียเช้านี้ถือว่าเริ่มมีกรอบจำกัดมากขึ้นและบางแห่งเริ่มพลิกกลับมาแกว่งตัวด้านบวกได้ด้วย หลังจากมีข่าวว่าความร้อนแรงในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลาย เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเจรจาหาข้อยุติกันได้แล้ว ขณะที่ในบ้านเรายังมีประเด็นบวกจากการเร่งดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ ที่น่าจะช่วยสร้างความหวังเกี่ยวกับโอกาสในการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยให้กับนักลงทุนได้บ้าง รวมทั้งความผันผวนรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงนี้จากปัญหาเศรษฐกิจโลก อาจทำให้เฟดยังไม่ตัดสินใจขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนหน้าได้ ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET ใกล้ที่จะมีจังหวะกลับไปแกว่งตัวด้านบวกได้ในเร็วๆ นี้แล้ว
แนวรับ 1300-1296 , 1292-1286 จุด
แนวต้าน 1310-1320 , 1330-1337 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นที่สุดในรอบปีรวม US$1,048 ล้าน ส่วนใหญ่ออกจากเกาหลีใต้ US$616 ล้าน ตามด้วยไต้หวันและไทย US$187 ล้าน และ US$134 ล้าน ตามลำดับ แต่ไหลเข้าประเทศเดียวคือเวียดนาม US$4.6 ล้าน กระแสเงินทุนมีแนวโน้มไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันร่วงลงต่ำกว่า US$40/บาร์เรล และการออกสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ตลาดเอเชียลุ้นรีบาวนด์วันนี้ ดาวโจนส์เมื่อคืนไหลลงระหว่างวันลึกถึง 1 พันกว่าจุดก่อนจะกลับมาปิดติดลบ 588 จุด ทำให้ดาวโจนส์ในปีนี้ -12% YTD ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชีย -11% YTD ตลาดที่ลบแรงสุดคืออินโดนีเซีย (-20.3% YTD) ไต้หวัน (-20.0% YTD) สิงคโปร์ (-15.5% YTD) และไทย (-13.1% YTD) ส่วนตลาดหุ้นจีนจากที่เคยสูงสุด +60% เหลือ +1.4% YTD ในปัจจุบัน ทำให้ Forward PE ของตลาดหุ้นในเอเชียลดลงจากจุดสูงสุดที่ 16.4 เท่าเหลือ 13.3 เท่าสิ้นปีนี้ และเหลือเพียง 11.7 เท่าสิ้นปีหน้า ส่วน SET มี PE เพียง 13.6 เท่าในปัจจุบัน และ RSI ลดลงเหลือเพียง 16% เช้านี้ค่าเงินบาทเริ่มมีแรงซื้อกลับ SET วันนี้มีลุ้นรีบาวนด์ตามตลาดเอเชีย ข่าวดีเริ่มมีเข้ามาบ้างคือเกาหลีเหนือ-ใต้เจรจากันได้
(+) กลุ่ม Tourism ระยะยาวยังดูดี เราเชื่อว่าเหตุระเบิดที่ราชประสงค์กระทบชั่วคราว จำนวนนักท่องเที่ยวอาจซาไปในระยะ 2-3 เดือนเหมือนทุกวิกฤตในอดีต ก่อนจะฟื้นกลับสู่ภาวะปกติ เราปรับลดเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2015 เหลือ 27.5 ล้านคน +11% Y-Y และคาดกำไรปกติปีนี้ของกลุ่มโต 24% Y-Y ดีขึ้นจากปีก่อนที่โตเพียง 1% Y-Y ERW ถูกกระทบมากที่สุดเพราะ 66% ของรายได้มาจากโรงแรมในกรุงเทพฯ ขณะที่ CENTEL และ MINT ได้รับผลกระทบรองลงมาตามลำดับ สำหรับ MINT แม้ธุรกิจจะกระจายความเสี่ยงมากสุด แต่ธุรกิจในต่างประเทศไม่แข็งแกร่งเหมือนในอดีต เราจึงชอบ CENTEL มากที่สุดและเป็นหุ้นที่มีกำไรโตมากสุด ยังเลือกเป็น Top pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 45 บาท
(-) VGI เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2016 (เม.ย. 2015 - มี.ค. 2016) ลงอีก 21% เหลือ 883 ล้านบาท หดตัว 12% Y-Y สะท้อนกำไร 1Q16 (เม.ย.-มิ.ย. 2015) ที่ต่ำกว่าคาดและมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ฟื้นตัวช้ากว่าเคยคาดซึ่งกระทบต่อตลาดโฆษณาโดยรวม ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2016 ลดลงเหลือ 3.80 บาท จากเดิม 4.40 บาท แม้ราคาหุ้นปรับลงมาแต่ยังเต็มมูลค่า ขณะที่ Growth story ไม่มี คาดกำไร 2Q16 (ก.ค.-ก.ย. 2015) ลดลง Y-Y ต่อเนื่อง จึงยังคงคำแนะนำขาย
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังร่วงแรงแรงกว่า 500 จุด โดยช่วงเปิดตลาดร่วงลงราว 1,000 จุดก่อนที่จะรีบาวด์กลับขึ้นมา โดยปัจจัยกดดันยังเป็นเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดลบต่อเนื่องเฉลี่ยอีกราว 5% จากบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่ย่ำแย่
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังปรับตัวในแดนลบต่อเนื่อง แต่กรอบการลบเริ่มแคบลงเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้และไม่รุนแรงเท่าตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น
(0) ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.55-35.70 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 38.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2009 จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ฝั่งอุปทานยังคงล้นตลาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,153.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาได้บ้างหลังเปิดร่วงแรง 1,000 จุด รวมถึงแรงกดดันจากราคาโลหะอื่นๆที่ร่วงลงจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25-ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.), ยอดขายรถ (ก.ค.)
- สหรัฐ: S&P/CaseShiller Index (มิ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ค.)
27-ส.ค. - ไทย: ATP30 เข้าเทรด (ราคา IPO 0.95 บาท), ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (ก.ค.)
- ฟิลิปปินส์: 2Q15 GDP
- สหรัฐ: 2Q15 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 2)
28 ส.ค. - สหรัฐ: Personal income, Personal spending (ก.ค.)
31-ส.ค. - ไทย: ธปท.รานงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ฟิลลิปปินส์: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
1-ก.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
2-ส.ค. - ออสเตรเลีย: 2Q15 GDP
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research