- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 August 2015 18:31
- Hits: 2358
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อตามค่าบวก ค่าลบ/หลุด 1370 ให้ Wait & See'
Stock Picks-Aug 2015 : Fundamental : INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC ส่วน Dark Horse คือ CK, GL
Fundamental Pick -Today: CK
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, SNC, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : ESSO 76%, LPN 35%, EGCO 34%, M 29%, KKP 21%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1390-1400 หลุด 1370
SET50 ซื้อค่าบวก 910-920 หลุด 890
Technical Picks- Today : SEAFCO, KBANK, UNIQ, BCP, GLOBAL, TVO, WORK, HMPRO
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : WHA (จากถือเป็นซื้อ), SVI (จากขายเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ 6.51 จุดปิดที่ 1379.12 ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ เพราะนักลงทุนยังมีความกังวลกับสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศ หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดรุนแรงที่ราชประสงค์ในวันที่ 17 ส.ค.58 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีก็เข้ามาช่วยหนุน Sentiment การลงทุนได้ในระดับหนึ่ง นักลงทุนมีการซื้อกลับหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงแรง นักลงทุนสถาบันในประเทศพลิกเป็นซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาท ต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อ 4.5 พันล้านบาท พอร์ตบล.ขายสุทธิ 731 ล้านบาท
ในระยะสั้นหุ้นในกลุ่มโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะพลังงาน ถูกดันจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า นักวิเคราะห์บางสำนักประเมินว่าราคาน้ำมันมีโอกาสร่วงลงไปถึง 30 ดอลลาร์ต้นๆ/บาร์เรลภายในปลายปีนี้ ส่วนในประเทศนักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนและติดตามสถานการณ์เรื่องความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าไม่มีความรุนแรงไปอีกระยะหนึ่งก็จะค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะยังเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ Sentiment ดีขึ้น กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังคงแนะนำให้ถอยรับหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเป็น Step ทั้งนี้ถ้าทีมเศรษฐกิจใหม่สามารถจุดพลุเศรษฐกิจสำเร็จ หุ้นในกลุ่ม Domestic Play ก็จะเริ่มฟื้นตัวได้ใน 1H59 เป็นต้นไป หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CK ส่วนการเก็งกำไรรอบสั้น แนะนำให้ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคประกอบดังด้านล่างนี้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ แต่การซื้อใหม่ให้เน้นตามด้วยค่าบวก เพราะค่าลบของดัชนีและหุ้นจะดูไม่ดี โดยมีสิทธิลงไปที่แนวรับ 1360-1350 จุด ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้านระยะสั้น 1390-1400 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ SEAFCO, KBANK, UNIQ, BCP, GLOBAL, TVO, WORK, HMPRO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : เงินเฟ้อเดือนก.ค.ขยับขึ้นเล็กน้อย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1%MoM ในเดือนก.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%
- ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรง...สะท้อนความกังวลเฟดเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก โดยดัชนี DJIA ลดลง 162.61 จุด หรือ -0.93% (ในวันลงไปต่ำสุดที่ -216.6 จุด) รายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ก.ค.บ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นก็ตาม แต่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายประเมินว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.58 น้อยลง
- สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นสวนกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 456.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
- นักวิเคราะห์มองราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงได้อีก ฝ่ายวิจัยของคอมเมริซ์แบงก์ เอจี คาดว่าความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนจะฉุดราคาน้ำมัน WTI ลงสู่ช่วง 30 ดอลลาร์/บาร์เรลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทไลพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์ มองว่าราคาน้ำมันจะยังคงเผชิญแรงกดดันจนถึงเดือนมี.ค.59 โดยคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32-34 ดอลลาร์/บาร์เรลในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยมาจากอุปทานล้นเกิน ขณะที่อุปสงค์เติบโตจำกัด
- สัญญาน้ำมันดิบลดลง โดยสัญญา WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.8 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 1.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- Sentiment หุ้นกลุ่มพลังงานยังไม่ดีนัก เพราะราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแอกดดันผลประกอบการ 3Q58 และอาจต่อเนื่องถึง 4Q58 ถ้าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันดิบจะลดลงไปยังระดับ 30 ดอลลาร์ต้นๆนั้นถูกต้อง สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงาน เราให้ BCP เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากมีธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (118 MW) เข้ามาช่วยลดความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่น และจ่ายปันผลสูง คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ราว 5%
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 11 ดอลลาร์ หรือ +0.98% ปิดที่ระดับ 1,127.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
กำไรสุทธิบจ.ประจำ 2Q58 เติบโต 6%YoY เป็น 2.13 แสนล้านบาท (จาก 80% ของจำนวนบจ.ทั้งหมด) ในส่วนของยอดขายเพิ่มขึ้น 8%YoY เป็น 2.59 ล้านล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 8.22% สูงขึ้นจาก 2Q57 ที่ 7.17% สำหรับงวด 6M58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4%YoY เป็น 4.42 แสนล้านบาท โดยมียอดขายลดลง 9%YoY เป็น 5.12 ล้านล้านบาท (โดยหลักมาจากราคาขายหมวดพลังงานที่ลดลง) อัตรากำไรสุทธิงวด 6M58 เท่ากับ 8.65% ดีขึ้นจาก 7.55% ในงวด 6M57 ด้านฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีสัดส่วน D/E (ไม่รวมภาคการเงิน) ณ สิ้นมิ.ย.58 เท่ากับ 1.32 เท่า สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรช่วง 2Q58 และ 6M58 คือ อสังหาริมทรัพย์, พาณิชย์, การแพทย์, ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์, ไฟแนนซ์ (ประเภทสินเชื่อรายย่อย)
กลุ่มสื่อสาร : บอร์ดกทค.รับร่างหลักเกณฑ์หลังทำประชาพิจารณ์แผนคลื่นความถี่ 1800 MHz เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.) โดยจะให้กสทช.ปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์การใช้ใบอนุญาต 1800 MHz เป็น 2 ชุดๆละ 15 MHz กรณีที่มีผู้ประมูลมากกว่าใบอนุญาตให้ปรับราคาเริ่มต้นประมูลเป็น 80% ของมูลค่าคลื่นที่แท้จริง หรือราว 15,912 ล้านบาท/ใบอนุญาต และลดระยะเวลาใบอนุญาตเป็น 18 ปี (จากเดิมกำหนดไว้ที่ 70% หรือราว 13,920 ล้านบาท อายุใบอนุญาต 19 ปี) กรณีที่มีผู้ประมูลน้อยกว่าหรือเท่ากับใบอนุญาตให้ใช้ราคาเริ่มต้นที่ 100% ของมูลค่าคลื่นที่แท้จริงหรือประมาณ 19,890 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมบอร์ดกสทช.จะพิจารณาเรื่องนี้ในวันศุกร์ที่ 21 ส.ค.58 นี้
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เรามีมุมมองที่ดีกับกลุ่มสื่อสารในด้านการเป็นหุ้น Defensive และจ่ายปันผลสูงของ ADVANC, INTUCH, DTAC แต่เห็นกว่าราคาหุ้นมี Upside เหลือไม่มากเพราะได้ Price in ปัจจัยบวกไปพอควรแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้ประมูล 4G ในเดือนพ.ย.58 ก็มีโอกาสที่จะเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มนี้และกลุ่มวางระบบ ICT กันอีกรอบ หุ้นเด่นกลุ่มสื่อสารหลักเป็น INTUCH, ADVANC ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มวางระบบเป็น AIT, SAMTEL แต่คาดว่ากว่าจะเห็นการเปิดประมูลเรื่องวางระบบที่ต่อเนื่องจาก 4G ก็จะเป็นปี 59 จึงเน้นเป็นการซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดย AIT มีความโดดเด่นเรื่องปันผลสูงที่ราว 5% สำหรับปีนี้
+ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจคนใหม่และทีมงานเตรียมเดินสายฟื้นฟูความเชื่อมั่น หลังได้รับโปรดเกล้าฯเข้ารับตำแหน่ง โดยจะรีบชี้แจงต่างประเทศถึงสถานการณ์ในไทย การเดินหน้านโยบายและมาตรการสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ รวมถึงเร่งแก้ปัญหาประมงไทยกับ EU , ความปลอดภัยทางการบินกับ ICAO ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ความเชื่อมั่นค่อยๆกลับคืนมา
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]