- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 June 2014 17:27
- Hits: 2622
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังแกว่งพักฐานก่อนกลับไปขึ้นใหม่ ดังนั้นซื้อลบแล้วเน้นถือ...
กลยุทธ์ : คาดว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องได้อีก เพื่อรอติดตามปัจจัยลบต่างๆ ว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใดก่อน ซึ่งถ้าผลกระทบไม่ได้รุนแรงมากนัก คาดว่าโอกาสที่ดัชนีจะพลิกกลับขึ้นไปหาเป้าหมายทางเทคนิคแถว 1500 จุดหรือใกล้เคียงในช่วงถัดไปยังเป็นไปได้ ดังนั้นเรายังแนะนำให้ทยอยซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงแล้วเน้นถือต่อเนื่องได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : HANA, AKR, GLOBAL(short)
แนวโน้ม : SET เริ่มปรับตัวลงจริงจังอีกครั้ง หลังมีข่าวว่า EU ชะลอ FTA ที่อยู่ระหว่างเจรจาของไทย ทำให้ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและชิ้นส่วนรถยนต์ และทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยด้วย นอกจากนี้ในช่วงบ่ายยังมีข่าวที่ศาลปกครองสูงสุดรับพิจารณาคดีเขื่อนไซยะบุรีอีก จึงทำให้ SET ปรับตัวลงแรงพอควรสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ยังขยับบวกได้อยู่ อย่างไรก็ตามเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มกลับมาปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ลงแรงเมื่อคืนนี้ จากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในอิรักต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีก็ตาม ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET จะอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องอีกสักพัก เพื่อให้นักลงทุนได้ประเมินผลกระทบเกี่ยวกับกรณี EU ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยก่อน รวมทั้งติดตามสถานการณ์ในอิรักว่าจะผ่อนคลายลงได้หรือไม่ด้วย ดังนั้นช่วงนี้ถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อจึงยังน่ารอช่วงตลาดปรับลงเป็นลบเช่นเดิม
แนวรับ 1455-1453 , 1450-1444 จุด แนวต้าน 1462-1464 , 1466-1468 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่ค่อนข้างเบาบางต่อเนื่อง ส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$131.4 ล้าน เกาหลีใต้ US$29.4 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$15.9 ล้าน อินโดนีเซีย US$11.7 ล้าน และเวียดนาม US$1.2 ล้าน ยกเว้นไทยที่ขายสุทธิ US$6.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ทรงตัว Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) สถานการณ์ในอิรักกดดันตลาดหุ้นเอเชีย ดาวโจนส์เมื่อคืนร่วงลงกว่า 100 จุดทั้งที่ยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่ความรุนแรงในอิรักกลับกดดันให้ตลาดหุ้นร่วงและมีผลต่อตลาดในเอเชียเช้านี้ โดยกลุ่มกบฎยึดได้อีก 2 เมืองแต่ยังไม่สามารถเข้าถึงโรงกลั่นที่สำคัญของอิรักได้ สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เพราะอิรักเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมันในตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะ PTTEP เป็นลบกับกลุ่มสายการบิน
(0) ศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องคดีเขื่อนไซยะบุรีเฉพาะข้อหาที่ 3 ที่ให้กฟผ. (ผู้ถูกฟ้อง) ไปจัดทำประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เพิ่ม ส่วนคำฟ้องที่ให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เป็นอันตกไป คำตัดสินดังกล่าวไม่มีผลต่อ CK ซึ่งยังคงเดินหน้าก่อสร้างตามปกติ และรับรู้รายได้เป็นค่าก่อสร้างและส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรีตามสัดส่วนที่ถือหุ้น 30% เราจึงยังคงประมาณการและราคาเป้าหมาย 24.50 บาท และแนะนำถือตามเดิม รวมทั้งไม่มีผลต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นคือ Natee Synergy (บ.ลูกของ PTT) 25%, EDL 20%, EGCO 12.5%, BECL 7.5%, PT Construction and Irrigation Co.,Ltd. 5% เช่นกัน โดย PTT ก็ยังคงรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนตามเดิม ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 0.3% ของกำไรของ PTT สำหรับความเสี่ยงที่การทำ EHIA จะล่าช้า เราคิดว่ามีโอกาสน้อยเพราะโครงการนี้ยังต้องก่อสร้างอีกกว่า 4 ปีก่อนจะเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2019 กฟผ.น่าจะมีเวลามากพอ
(+) KTB สินเชื่อเดือน พ.ค. ขยายตัวที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยเพิ่มขึ้น 1.87% M-M ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และรายย่อย (คาดว่าเป็นสินเชื่อบุคคล) รวมถึงสินเชื่อภาครัฐที่มีการเบิกเงินกู้มากขึ้นจากเดือนก่อน ทำให้สินเชื่อใน 5 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 4.76% YTD เกือบเท่าเป้าหมายทั้งปีที่ KTB และเราคาดการณ์ไว้ เราจึงมีแนวโน้มปรับประมาณการการขยายตัวของสินเชื่อขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรปีนี้เพิ่มขึ้นจากที่คาดโต 3% Y-Y ยังคงแนะนำซื้อ จาก PBV ที่ต่ำเพียง 1.3 เท่า PE 8.4 เท่า ราคาเป้าหมาย 23.40 บาท
(+) CSS ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q14 (20 ล้านบาท -30% Q-Q, -55% Y-Y) แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้นและทำให้กำไรทั้งปี 2014 เติบโตก้าวกระโดด 81% Y-Y จากงานติดตั้งเสาโทรคมนาคมที่มีงานในมือสูงถึง 1.6 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานของ TRUE โดย CSS จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ปลาย 2Q14 ถึงปี 2015 งานติดตั้งเสาโทรคมนาคมเป็นงานที่มี margin สูงกว่าการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกณ์ไฟฟ้ากว่า 3 เท่า จึงยิ่งเป็นผลดีต่อกำไร แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมา 15% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (+36%YTD) แต่ยังมี PE เพียง 11.4 เท่า ต่ำกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันที่ 12.50 บาท และเรายังคาด Dividend yield 6% จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท (PE 13 เท่า)
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 119.13 จุด โดยประเด็นกดดันตลาดยังคงเป็นเรื่องของสถานการณ์ในอิรักซึ่งบดบังตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นในช่วงหลายวันก่อนหน้า
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบต่อเนื่อง โดยนักลงทุนผิดหวังกับตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น โดยบรรยากาศการลงทุนยังคงเป็นลบจากสถานการณ์ในอิรัก
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้าง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.37-32.50 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.14 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 106.03 ดอลลาร์/บาร์เรล จากกังวลต่อสถานการณ์รุนแรงอิรัก แต่ราคาน้ำมันดิบปรับลงจำกัดเนื่องจากมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐรวมถึง Supply จากลิเบียจะปรับตัวลดลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นอีก 2.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,321.30 ดอลลาร์/ออนซ์ บวกเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงรวมถึงการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 มิ.ย. - ไทย: SAPPE เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 13.50 บ.)
- สหรัฐ: 1Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
27 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (พ.ค.), ธปท.แถลงประมาณการเศรษฐกิจปี 2014-15, คสช.แถลงผลงานครบรอบ 1 เดือน
- อังกฤษ: 1Q14 GDP
30 มิ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน พ.ค.
1 ก.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
- จีน: Manufacturing PMI (มิ.ย.)
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มิ.ย.)
2 ก.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (มิ.ย.) ตลาดคาดเพิ่มขึ้นเป็น 2.05แสนตำแหน่งจาก 1.79 แสนตำแหน่งเดือน เม.ย.
3 ก.ค. - จีน: Non-manufacturing PMI (มิ.ย.)
- สหรัฐ: การจ้างงานและอัตราการว่างงาน (มิ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852