WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ความวิตกจีนลดค่าเงินยังคงกดดัน
  คาดหุ้นไทยขยับลงต่อวันนี้ ประเด็นการลดค่าเงินของจีนยังคงกดดันตลาดแม้ธนาคารกลางจีนจะออกมากล่าวว่าไม่มีเหตุผลของการที่ค่าเงินหยวนจะลดต่ำลงไปกว่าที่เป็นก็ตาม ดังนั้นการกำหนดค่าเงินหยวนของ PBOC วันนี้จะเป็นการพิสูจน์คำกล่าวข้างต้น วันนี้แทบไม่มีปัจจัยบวกหนุนตลาด ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งกลับสนับสนุนแนวคิดการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed

หุ้นเด่นวันนี้ : SVI (ราคาปิด 4.48 บาท, บลูมเบิร์ก 5.14 บาท)


  เราเลือก บมจ.เอสวีไอ ในฐานะที่เป็นหุ้น Turnaround ที่จะกลับมามีอัตราการเติบโตของกำไรเร่งขึ้นหลังจากเกิดเหตุอัคคีภัยครั้งใหญ่ไปเมื่อปีที่แล้วและอาจจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวด้วย แม้ว่าภาพการส่งออกโดยรวมของไทยจะชะลอตัวแต่เราเชื่อว่ายังคงมีอุปสงค์ต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรุดหน้าไปทุกวันอันเป็นประเด็นหนุนพื้นฐานของ SVI ผลิตภัณฑ์ของ SVI ประกอบอยู่ในหลากหลายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ อุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม วิดีโอ เซนเซอร์รถยนต์ อุปกรณ์ใยแก้วนำแสงรวมไปถึงการแพทย์ SVI ประกาศกำไรไตรมาส 2/58 ที่ 1.14 พัน ลบ. เพิ่มขึ้น 312% QoQ และ 347% YoY ซึ่งมากกว่าคาดการณ์บลูมเบิร์กที่ 171 ลบ. ไม่ใช่เพราะเพียงแค่มีเงินเคลมประกันเข้ามา 940 ลบ. แต่เพราะรายได้ที่ยังเติบโตถึง 66% อัตรากำลังการผลิตตอนนี้ได้กลับไปเท่าก่อนเกิดไฟไหม้เรียบร้อยแล้ว หากอ้างอิงค่าเฉลี่ยประมาณบลูมเบิร์ก กำไรจากการดำเนินงานของ SVI จะลดลงก่อน 6% ในปี 58 และจะกลับมาฟื้นตัวแรง 25% ในปี 59 รูปแบบราคาของ SVI ยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ หลังจากกลับมาเกิด daily buy signal ครั้งใหม่ เพราะสัญญาณรายสัปดาห์และรายเดือนที่ยังคงเป็นสัญญาณขายคอยกดดันขาขึ้นไว้อยู่ อย่างไรก็ตามระยะสั้นคาดว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายเบื้องต้นที่ 4.62 บาท หากสามารถยืนเหนือ 4.62 บาทได้สำเร็จ คาดราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 4.74 บาท และเป้าหมายสำคัญที่ 4.86 บาท ได้ตามลำดับ (แนวต้าน: 4.56, 4.66, 4.74; แนวรับ: 4.40, 4.32, 4.22)

 

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

       การปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่คาดว่าจะเกิดครั้งเดียว นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ กล่าวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีโดยจะมีคนใหม่เข้ามาร่วมและมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนในบบางตำแหน่ง (The Nation)


     รมว. กระทรวงพาณิชย์มองเห็นการฟื้นตัวของการส่งออกรถยนต์ เครื่องประดับและอาหาร ในช่วงที่เหลือของปีนี้ซึ่งได้รวมไว้ในประมาณการส่งออกที่คาดว่าจะติดลบ 3% YoY จากภาวะการชลอตัวของเศษฐกิจโลกและการลดค่าเงินหยวนของจีน ประเทศไทยยังนับว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีเทียบกับหลายประเทศที่เป็นผู้ส่งออก 20 อันดับแรกของโลก การส่งออกของมาเลเซียลดลง 13.8% YoY และการส่งออกของสิงค์โปร์ลดลง 13.3% YoY ในช่วง 5 เดือนแรกของปี เทียบกับไทยซึ่งติดลบ 4.2% (The Nation)


      การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยกระตุ้นความต้องการใช้เหล็กในประเทศ โดยสภาเหล็กและเหล็กกล้าอาเซียน (ASEAN Iron & Steel Council) ระบุว่าความต้องการใช้เหล็กในอาเซียนจะขยายตัวได้ 4-5% ในปีนี้ จากระดับการบริโคค 65 ล้านตันในปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ขยายตัวและการลงทุนโครงสร้างฟื้นฐานของรัฐบาล ทั้งนี้ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้เหล็กมากเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม โดยมีการใช้เหล็กทั้งสิ้น 18 ล้านตันในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 300 กิโลกรัมต่อหัว และคาดว่าจะเห็นความต้องการใช้ดังกล่าวขยายตัวในปีนี้หากรัฐบาลสามารถเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ตามแผน ประกอบกับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของภาคเอกชน (Bangkok Post)


สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่าการลงทุนภาครัฐที่ชะลอออกไปส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ล่าสุดในเดือน มิ.ย. หนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ระดับ 42.36% หรือเทียบเท่า 5.68 ล้านล้านบาท และประเมินว่าในสิ้นปีนี้จะสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 44.9% นอกจากนี้ยังคาดว่าการกู้ยืมจะขยายตัวสูงขึ้น 6.38 แสนลบ. และหนี้สาธารณะจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 48.3% ต่อ GDP ในปีงบประมาณ 2559 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 51% ในปีงบประมาณ 2560 52% ในปีงบประมาณ 2561 และ 53% ในปีงบประมาณ 2562 ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยเป็น 52% ในปีงบประมาณ 2563 (The Nation)


กสทช. สั่งทรู-ดีพีซีจ่ายเงิน สัปดาห์หน้าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะส่งคำสั่งทางปกครองให้แก่ทรูมูฟและดีพีซีที่เป็นบริษัทในเครือเอไอเอสเพื่อให้จ่ายเงินรวมมูลค่า 1.7 พัน ลบ.จากการให้บริการลูกค้าในช่วงมาตรการเยียวยาหลังสัมปทานได้หมดไปแล้ว โดยทรูมูฟจะต้องจ่าย 1.07 พัน ลบ.ส่วนดีพีซีต้องจ่าย 627 ลบ. (Bangkok Post)
BANPU :รายงานผลขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในงวด 2Q58 อยู่ที่ 54 ลบ. พลิกจากกำไรในงวดก่อนหน้าที่ 69 ลบ. และกำไรในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 686 ลบ. และแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 40 ลบ. (อ้างอิงจาก Bloomberg consensus) (SET) ความเห็น: ผลการดำเนินงานของ BANPU ถูกกดดันจากธุรกิจถ่านหินเป็นหลักหลังจากที่ปริมาณขายถ่านหินหดตัวลงเนื่องจากการหยุดผลิตของเหมืองในออสเตรเลียเพื่อย้าย Longwall ขณะที่อัตราการทำกำไรลดลงเช่นกัน โดยถูกกดดันจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
ERW : (4.10 บ, ราคาเป้าหมายปี 58 5.50 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q58 ขาดทุน 25 ลบ. ลดลง 118% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 70% YoY รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันลบ. ลดลง 17% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 38% YoY (SET) ความเห็น: ผลประกอบการสอดคล้องกับ Bloomberg consensus ประมาณการไว้ที่ขาดทุน 25 ลบ. ทั้งนี้ ปกติไตรมาสสองจะเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวที่อ่อนแอที่สุด เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มสดใส


WORK : (39.25 บ, ราคาเป้าหมายปี 58 39.00 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q58 อยู่ที่ 113 ลบ. เพิ่มขึ้น 1,093% QoQ และ 901% YoY รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 679 ลบ. เพิ่มขึ้น 59% QoQ และ 36% YoY โดยหลักมาจาก รายได้จากช่องวิร์คพอยท์ ทีวีดิจิตอล เพิ่มขึ้น 59% QoQ และ 36% YoY และรายได้จากละครเวทีจำนวน 67 ลบ. ซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจใหม่ที่บันทึกเป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้จากละครเวทีเรื่องโหมโรง WORK ยังประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.19 บาทต่อหุ้นจากผลประกอบการในรอบครึ่งปีแรก (XD 2 ก.ย.) (SET) ความเห็น: ผลประกอบการออกมาดีกว่า Bloomberg consensus ที่ 66 ลบ. หรือมากกว่า 71%. ผลประกอบการไตรมาส 2/58 ออกมาดีทั้งรายได้และผลกำไร เรามีแนวโน้มเชิงบวกต่อการปรับประมาณผลกำไรปี 58


ต่างประเทศ :

ยังมีความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินหยวนของจีน นักลงทุนรอดูเหตุการณ์ในวันศุกร์นี้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) จะประกาศลดอัตราอ้างอิงลงอีกเป็นวันที่ 4 หรือไม่ ธนาคารกลางจีนลดอัตราอ้างอิงสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐลง 2% เมื่อวันอังคาร ซึ่งธนาคารมีจุดมุ่งหมายให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนตอบสนองกับตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าการอ่อนค่าของเงินหยวนกำลังชะลอตัวหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศค่ากลางหรืออัตราอ้างอิงสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อวานนี้ที่ 6.4010 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งไม่ได้อ่อนค่าลงมากอย่างที่คาดไว้ (Reuters)


สหรัฐ :

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทรงตัวเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่งชดเชยข่าวผลประกอบการของ Cisco ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ข้อมูลค้าปลีกสหรัฐที่แข็งแกร่งและตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (US Jobless Claims) ที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังอยู่ภาวะตึงตัวซึ่งสนับสนุนมุมมองที่ว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า (Reuters)


ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เป็นไปในทางเดียวกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และไม่เปลี่ยนในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวเลขในทางบวกจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าลดลง 0.3% ตัวเลขเดือนพ.ค. ถูกแก้ไขให้สูงกว่าเดิมจึงเพิ่มน้ำหนักในทางบวกให้กับรายงานดังกล่าวซึ่งหมายถึงว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเติบโตอย่างมั่นคงตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/58 และกระตุ้นให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานบ่งขี้ว่าตลาดอยู่ในภาวะตึงตัว ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของรัฐเพิ่มขึ้น 5,000 ราย มาอยู่ที่ 274,000 รายในเมื่อสัปดาห์ก่อน ถึงแม้ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นสามสัปดาห์ติดต่ออกัน แต่ตัวเลขติดต่อกันทั้ง 23 สัปดาห์ยังต่ำกว่า 300,000 รายซึ่งหมายถึงตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว (Reuters)


ยุโรป :

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวกลับเมื่อวันพฤหัส หลังจากร่วงลง 4% ในสัปดาห์นี้ ตามตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจากมีความพยายามจากธนาคารกลางจีนที่จะรักษาค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ หุ้นในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งร่วงลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้เป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดหลังจากธนาคารจีนประกาศว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงไปกว่านี้แล้ว (Reuters)


เอเชีย :

ธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อวันพฤหัสนี้ว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงไปกว่านี้แล้ว เนื่องจากจีนมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จีนตัดสินใจลดค่าเงินหยวนเมื่อวันอังคารโดยปรับลดอัตราอ้างอิงลง 2% ซึ่งทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิด “สงครามค่าเงิน” และทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนส่งผลให้สกุลเงินในเอเชียอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี (Reuters)


สินค้าโภคภัณฑ์ :

ทองร่วงเมื่อวันพฤหัส หลังจากเป็นบวกมา 5 วันทำการเพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าจากตัวเลขสหรัฐที่ดูดีขึ้นและความกังวลเรื่องการขาดทุนจากหยวนผ่อนคลายหลังจากจีนได้ลดค่าเงิน ทองคำตลาดจรปรับลง 1% สู่ 1,114.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำล่วงหน้าสหรัฐส่งมอบ ธ.ค. ลดลง 0.7% เหลือ 1,115.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)


ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่งต่ำกว่าระดับ 42 ดอลลาร์แล้วในวันพฤหัส จากข้อมูลที่แสดงว่ามีการเพิ่มสต็อกน้ำมันอย่างมากของสหรัฐในขณะที่อุปทานโลกก็ล้นอยู่แล้ว น้ำมันดิบสหรัฐปิดลง 1.07 ดอลลาร์สู่ระดับ 42.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังเคยลงไปแตะ 41.91 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับแต่เดือน มี.ค. 52 ช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ส่งผลหายนะต่อตลาดน้ำมันขณะนั้น น้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 44 เซนต์หรือเกือบ 1% มาอยู่ที่ 49.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!