- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 August 2015 17:51
- Hits: 2800
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +5.74, NASDAQ -10.83, S&P -2.66, FTSE -2.86, CAC +61.42 และ DAX +90.02 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทรงตัวจากวันก่อนหน้า โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทซิสโก ในขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
.....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากทางธนาคารจีนพยายามชะลอการอ่อนค่าของค่าเงินหยวน หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับปัจจัยลบจากการที่จีนลดค่าเงินหยวนลงอย่างต่อเนื่อง โดยจีนถือเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของตลาดยุโรปรองจากสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลลบโดยตรงต่อผู้ผลิตรถยนต์, ผู้ผลิตสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคของยุโรป
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. -US$1.07 อยู่ที่ US$42.27 ต่อบาร์เรล หลังจากสหรัฐประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกินคาด ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานของน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$8.0 อยู่ที่ US$1,115.6 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,254 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -52,422 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : คาดยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลง? คาดตลาดยังคงมีโอกาสลดลงโดยเฉพาะจากหุ้นกลุ่มหลัก โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่การอ่อนค่าของค่าเงินหยวนส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนตัวลงตามด้วย จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากเอเชียได้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอดูท่าทีของเฟดในการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ก่อนหน้านี้ประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หากการเติบโตเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด
….ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังคงเป็นประเด็นเดิมที่กดดัน (-) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาคเอกชน และส่งออก รวมถึง Fund Flow ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิยังขายสุทธิต่อเนื่อง และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงกว่า 52,400 ล้านบาท ซึ่งยังแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่า และคาดยังส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้มีการขายออกมาต่อเนื่อง
.....ประเด็นดังกล่าวส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังไม่เหมาะในการเข้าซื้อเก็งกำไร
...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP หลังผลการดำเนินงาน 2Q/58 ออกมาโดดเด่น เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.15 – 35.25 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น และ (5) กลุ่มท่องเที่ยวยังคงได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่ได้รับผลดี เช่น CENTEL
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.06 อยู่ที่ 2.19% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.12 มาอยู่ที่ 13.49
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (14 สค.’58)
14/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - กค. (2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต - ก.ค.
(3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้น - สค.
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789