- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 August 2015 17:21
- Hits: 3423
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Stock Picks-Aug 2015 : Fundamental : INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC ส่วน Dark Horse คือ CK, GL
Fundamental Pick -Today: CPALL
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, SNC, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : ANAN 25%, THAI 22%, BANPU 22%, TRUE 17%, STEC 16%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่ต้อตามด้วยค่าบวกเท่านั้น
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1420-1430 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 930-940 ค่าลบ
Technical Picks- Today : TCMC, UNIQ, PTTEP, EGCO, CPALL, KKC, WORK, BIGC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ROJNA (จากถือ เป็น Fully Valued), CPF (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันอังคารปิด -11.81 จุด ที่ 1408.32 จุด ปัจจัยกดดัน คือ การประกาศลดค่าเงินหยวนของจีน ทำให้ Sentiment ตลาดหุ้นเอเชียและทั่วโลกเป็นลบ เพราะค่าเงินเอเชียมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงตามเงินหยวน นักลงทุนในตลาดหุ้นจึงมีการขายหุ้นอ่อนไปก่อน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือกระจายกันซื้อสุทธิ
คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในทิศทาง Sideways down โดยการลดค่าเงินหยวนอาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและท่องเที่ยวของไทย ซึ่งพึ่งพิงกับจีนค่อนข้างมาก (มูลค่าการค้าไทย-จีนสูงถึง 15% ในช่วง 5M58 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยก็สูงราว 25-26% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด) ส่วนรายงานผลประกอบการ 2Q58 ที่ออกมา พบว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กหลายบริษัทเติบโตได้ดีจากฐานที่เล็กหรือต่ำในปีก่อน ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ทรงตัวถึงลดลง แนวโน้ม 3Q58 คาดว่าจะยังไม่สดใสโดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่จะมีขาดทุนจากสต็อกเข้ามากดดัน อย่างไรก็ตาม PTT จะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าบริษัทอื่น เพราะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SPRC เข้ามาช่วยชดเชย ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยถอยรับเป็น Step โดยหุ้นพื้นฐานที่เลือกมาแนะนำในวันนี้เป็น CPALL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดเป็นลบ แต่การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดีมีสิทธิลงไปที่ 1400-1380 จุด ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้านระยะสั้น 1420-1430, 1440 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกวันนี้เป็น TCMC, UNIQ, PTTEP, EGCO, CPALL, KKC, WORK, BIGC
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- จีน : ประกาศลดค่าเงินหยวน ล่าสุดตามข้อมูลใน Aspen เงินหยวนอยู่ที่ 6.377 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนลง 2.86% (ในตลาดอ่อนไปไปสูงสุด 6.4374 หยวน/ดอลลาร์) อันเป็นผลมาจากการที่จีนเปลี่ยนแปลงวิธีการกำหนดค่ากลางใหม่ให้สอดคล้องกับกลไกตลาดมากขึ้น ซึ่งการลดค่าเงินเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นภาคส่งออกให้ดีขึ้น หลังจากที่หดตัวมากในช่วงที่ผ่านมา
+ จีน : ยอดขายค้าปลีกเพิ่มขึ้นดีในช่วง YTD ของปีนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.58 เพิ่มขึ้น 10.5%YoY เป็น 2.43 ล้านล้านหยวน (3.838 แสนล้านดอลลาร์) ลดลงเล็กน้อยจากอัตราการเพิ่มขึ้น 10.6%YoY ของเดือนมิ.ย. สำหรับยอดค้าปลีกช่วง 7M58 เพิ่มขึ้น 10.4%YoY
/- จีน : ภาคการผลิตและอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวช้า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 6%YoY ลดลงจาก 6.8%YoY ในเดือนมิ.ย.58 ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 7M58 เติบโต 4.3%YoY เป็น 5.26 ล้านล้านหยวน ลดลงจาก 6M58 บ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ยังฟื้นตัวค่อนข้างช้า
-/ ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลงรับข่าวจีนลดค่าเงินหยวน โดยวันอังคารดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงแรง 1.21% แล้วทรงตัวในวันพุธ ปัจจัยที่กดดันคือ การลดค่าเงินหยวนของจีน แต่ก็ได้รับแรงพยุงจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบดีดขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นที่มีธุรกิจในจีนอย่าง Apple, Intel, Alebaba, GM ร่วงลงทั้งจากผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าคาด และคาดว่าได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินหยวน
- อิรักผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.58 กลุ่มโอเปกระบุว่าอิรักผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 46,700 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.58 และผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 4.07 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 39,200 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 10.35 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนสหรัฐผลิตลดลง 260,000 บาร์เรล/วัน แต่โอเปกคาดว่าการผลิตของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 320,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า
/- ราคาน้ำมันดิบบวกเล็กน้อยหลังร่วงลงแรงในวันก่อนหน้า โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 43.3 ดอลลาร์/บาร์เรล จากที่ลดลง 1.88 ดอลลาร์เมื่อวันอังคาร ส่วนน้ำมันดิบ BRENT เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 49.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังร่วงลง 1.23 ดอลลาร์เมื่อวันอังคาร ทั้งนี้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล เป็น 453.6 ล้านบาร์เรล ช่วยกระตุ้นในระยะสั้น
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ปรับขึ้นต่อ เมื่อคืนนี้สัญญาส่งมอบธ.ค.58 เพิ่มขึ้น 15.9 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,123.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
ไทยค้าขายกับจีนเป็นสัดส่วนสูงเกือบ 15% รายงานของธปท.ระบุว่าในช่วง 5M58 มุลค่าการค้าระหว่างไทยและจีนมีสัดส่วนสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 14.8% ของมูลค่าการค้ารวม และสัดส่วนการใช้เงินหยวนเพื่อการชำระค่าสินค้าและบริการประมาณ 1% ของมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน ค่าเงินบาทของไทยอ่อนตัวลงน้อยกว่าบางประเทศในเอเชีย โดยค่าเงินวอน เกาหลีใต้อ่อนลงประมาณ 1% หลังจากจีนประกาศลดค่าเงินหยวน, ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนลง 0.7% ส่วนค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนลงใกล้เคียงกับเงินบาทไทย
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : คาดว่าค่าเงินหยวนที่อ่อนลงจะกดให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนตามไปด้วย และจะอ่อนลงได้อีกเมื่อสหรัฐมีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งแนวโน้มค่าเงินที่อ่อนลงทำให้นักลงทุนโยกย้ายการลงทุนออกจากภูมิภาคเอเชีย และเข้าไปถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐที่อยู่ในทิศทางแข็งค่ามากขึ้น โดยภาพรวม ประเมินได้ว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายจะมีความผันผวนมากขึ้น นับจากนี้ไปทั้งจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินของประเทศขนาดใหญ่ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ส่วนภาคเศรษฐกิจจริงของไทย คาดว่าจะได้ทั้งผลบวกและลบจากการลดค่าเงินหยวน โดยการส่งออกจากไทยไปจีนมีโอกาสชะลอลง เพราะค่าเงินหยวนที่อ่อนตัว แต่การส่งออกของไทยไปประเทศอื่นมีโอกาสดีขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนลงโดยเปรียบเทียบ อย่างไรก็ดี ความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะค่าเงินของประเทศต่างๆ ในเอเชียก็อ่อนค่าเช่นกัน สำหรับภาคท่องเที่ยวและการบิน อาจได้รับผลกระทบทางลบบ้าง จากการที่นักท่องเที่ยวจีนมีกำลังซื้อที่แท้จริงต่ำลง ซึ่งต้องรอดูตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไทยในช่วงหลังเดือนก.ค.58 ว่าจะถูกกระทบจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ตลาดหุ้นดิ่งลงแรง และทางการจีนประกาศลดค่าเงินหยวนหรือไม่ ทั้งนี้ AOT มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 25-26% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด
กกร.นัดประชุมเรื่องจีนลดค่าเงินหยวน 1 ก.ค.58 โดยขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผลกระทบไม่รุนแรงมาก โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่จับตา คือ กลุ่มอาหาร อิเลคทรอนิกส์ และวัสดุก่อสร้าง ที่อาจจะได้รับผลกระทบทางลบมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ
- THAI : คาดว่าจะขาดทุนสุทธิใน 2Q58 ประมาณ 1-.12 หมื่นล้านบาท เพราะธุรกิจเข้าสู่ช่วย Low Season, ขาดทุนจาก FX และมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรด้วย ขณะที่ผลประกอบการของ AAV, BA พลิกเป็นกำไรได้ อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นหุ้นสายการบินยังถูกกระทบจาก Sentiment ที่เป็นลบหลังจีนประกาศลดค่าเงินหยวน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]