- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 August 2015 18:35
- Hits: 3008
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"หุ้นกลาง-เล็กเด่นกว่าใหญ่...เลือกซื้อค่าบวก"
Stock Picks-Aug 2015 : Fundamental : INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC ส่วน Dark Horse คือ CK, GL
Fundamental Pick -Today: SYNEX
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, SNC, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : KKP 34%, BJC 16%, HMPRO 14%, BANPU 12%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1440-1450 หลุด 1420
SET50 ซื้อค่าบวก 940-950 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KTB, TRC, WHA, EGCO, MCS, AJP, STAR, CHOW
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ :
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันศุกร์แกว่งแคบ ปิดตลาดลดลงเล็กน้อย 1.79 จุด ปิดที่ 1428.79 มูลค่าซื้อขายเบาบาง เพราะนักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐและอัตราการว่างงานของเดือนก.ค.58 และในประเทศไม่มีปัจจัยใหม่ โดยรายงานกำไรสุทธิ 2Q58 ยังมีน้ำหนักต่อตลาดไม่มาก นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 1.7 พันล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานสหรัฐออกมาตามคาด เรื่องนี้จึงไม่ได้มีน้ำหนักต่อตลาดในระยะสั้น แต่การชะลอตัวชัดเจนของเศรษฐกิจจีนยังคงกดดันตลาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโภคภัณฑ์เพราะจีนเป็นทั้งผู้ผลิตและบริโภครายใหญ่ของโลก สำหรับในประเทศปัจจัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นเป็นตัวเลขรายงานผลประกอบการ 2Q58 ซึ่งจะออกมามากในสัปดาห์นี้ เราเห็นว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กหลายบริษัทมีกำไรสุทธิฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากมาจากฐานรายได้และกำไรที่ต่ำจึงสามารถเติบโตได้ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่จะมีกำไรทรงตัวถึงลดลง กลยุทธ์การลงทุน เลือกซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีเพื่อการลงทุน โดยหุ้นพื้นฐานที่เลือกมาแนะนำในวันนี้เป็น SYNEX
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1440-1450 จุด ค่าลบให้ Wait & See การหลุด 1420 จุดให้ Stop Loss หุ้นที่ SCAN ด้วยเงื่อนไขทางเทคนิคว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นได้ในระยะสั้นที่เข้ามาใหม่ คือ PREB, TRC, STAR, MCS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List ต่อเป็น TIPCO, SAWAD, PTG, CHG, SYNTEC, AJP ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและควรพิจารณาหาจังหวะ Take Profit โดยเฉพาะเมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ BLA, PICO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : การจ้างงานนอกภาคเกษตร & อัตราว่างงานก.ค.2558 เป็นไปตามคาด โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่ง สอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ (ลดลงจาก 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.) ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 5.3% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.51 และเป็นไปตามคาดเช่นกัน
- จีน : PPI ก.ค.2558 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 41 สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระดับค้าส่งร่วงลง 5.4%YoY ในเดือนก.ค.58 มากกว่าที่ลดลง 4.8% ในเดือนมิ.ย.58 โดยตัวเลข PPI เดือนก.ค.ต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายปี 52 และลดลงเป็นเดือนที่ 41 ติดต่อกัน สำหรับในช่วง 7M58 ดัชนี PPI เฉลี่ยอยู่ที่ 4.7%YoY นักสถิติที่ NBS ชี้ว่าการหดตัวของดัชนี PPI มีสาเหตุหลักมาจากการร่วงลงของราคาสินค้าอุตสาหกรรม และต้นทุนผลิตน้ำมัน&ก๊าซที่ปรับตัวลดลง
จีน : CPI เดือนก.ค.2558 ขยับขึ้นจากราคาอาหารที่สูงขึ้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. ปรับขึ้น 1.6%YoY สูงสุดในปี 58 (YTD) และเพิ่ม 0.3%MoM สำหรับในช่วง 7M58 ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.3%YoY สาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนี CPI เดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น คือราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้น นอกจากนี้ ค่าบริการทางการแพทย์ ราคาผัก งานบ้าน ยาสูบ และการศึกษา ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้รัฐบาลจีนตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 2558 ไว้ที่ 3% ซึ่งคาดว่าจะไม่บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
- ราคาโลหะปี 58 ร่วงแรง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าราคาพลังงานในปี 2558 จะต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปี 2557 ราว 39% โดยราคาโลหะลดลง 16% และราคาแร่เหล็กทรุดลง 43%
- ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวลงหลังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรก.ค.58 เพิ่มในระดับที่น้อยลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามคาดของตลาด ดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลงราว 0.3% เพราะนักลงทุนยังคงประเมินว่ามีโอกาสที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ก.ย.2558 (เฟดประชุมครั้งต่อไป 16-17 ก.ย.58)
- ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 79 เซนต์ ปิดที่ 43.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 91 เซนต์ ปิดที่ 48.61 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยอุปทานที่สูงมากยังคงกดดันต่อ และคาดว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะยังไม่ปรับลดปริมาณการผลิตลง ถ้ามองว่าราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวใกล้กับระดับปัจจุบันในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ผลิตและขายในปีนี้ให้ได้มากที่สุดก็จะดีกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ลดลงต่ำกว่า 40 และ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล ปริมาณการผลิตก็อาจชะลอการผลิตลงบ้าง เพราะแหล่งผลิตบางแห่งเริ่มไม่คุ้มทุน สำหรับ PTTEP มีระดับคุ้มทุนอยู่ที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล (เทียบกับราคาน้ำมันดิบ BRENT)
ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อย โดยสัญญา COMEX ส่งมอบธ.ค.2558 เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1094.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
-/+ กลุ่มที่พักอาศัย : อัตราการปฎิเสธสินเชื่อสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของผู้มีเงินเดือนประจำและธุรกิจ SME มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายค่ายมองว่ายังไม่ถึงกับวิกฤต แต่ก็ทำให้ยอดรายได้มีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : โดยภาพรวมแล้ว เราประเมินว่าธุรกิจของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฯ ยังประคองตัวไปได้แต่จะเติบโตไม่มากในปี 58 ส่วนที่ยังดีคือจะอยู่ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าและเน้นลูกค้าระดับกลาง-บนที่มีฐานะการเงินดี แต่ทำเลที่มีอุปทานสูงและเน้นกำลังซื้อระดับกลาง-ล่างชะลอตัวมาหลายเดือนแล้ว ความเสี่ยงเรื่องผู้ประกอบการแข่งขันลดราคายังต่ำ แต่จะมีเคมเปญส่งเสริมการขาย เช่น ของแถม, ยกเว้นค่าโอน ค่าส่วนกลางปีแรก ฯลฯ มากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ เราคาดว่าราคาที่พักอาศัยจะทรงตัวช่วงที่เหลือของปีนี้ (หลังจากปรับขึ้นในช่วงปีก่อน) ด้านราคาที่ดินมีลดลงบ้างแต่ไม่รุนแรง
ในแง่ของ Sentiment การลงทุนหุ้นกลุ่มที่พักอาศัยยังไม่ดี แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำและมีโอกาสลดลงได้อีก เนื่องจากขาดปัจจัยบวกกระตุ้นในเด้านกำลังซื้อที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงว่ายอดขายและผลประกอบการของแต่ละบริษัทอาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งนำไปสู่การปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์อีกรอบ ในเชิงกลยุทธ์ จึงเน้นเลือกซื้ออ่อนตัว หุ้นเด่นเป็น QH (ราคาพื้นฐานระยะยาว 1 ปีเท่ากับ 3.80 บาท)
+ SPCG : กำไรสุทธิ 2Q58 เติบโตแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 672 ล้านบาท (+75%YoY) และกำไรสุทธิงวด 1H58 เท่ากับ 1.23 พันล้านบาท (+88%YoY) โดยมี EPS-1H58 เท่ากับ 1.33 บาท/หุ้น แนวโน้ม 2H58 ยังไปได้ดี โดยปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ 260 MW เต็มปี แนวโน้มระยะยาวเติบโตได้จากการขยายกำลังการผลิต ซึ่งบริษัทประเมินว่าในสิ้นปี 58 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 280-290 MW และจะเป็น 500 MW ในอีก 4 ปีข้างหน้า (สิ้นสุดปี 2562) โดยหลักเป็นการลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ บริษัทคาดว่าจะสรุปเรื่องการลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ในญี่ปุ่นช่วง 3Q58 ส่วนนี้มีกำลังการผลิต 130 MW (SPCG ถือหุ้น 33% หรือคิดเป็นกำลังการผลิตส่วนเพิ่มของบริษัท 43 MW) เงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในกิจการและการกู้ยืม บริษัทจึงไม่มีแผนเพิ่มทุน
นักวิเคราะห์ประมาณการว่า EPS ปีนี้จะเติบโตเป็น 2.45 บาท/หุ้น (ปี 57 อยู่ที่ 1.89 บาท/หุ้น) ณ ราคาปัจจุบัน 24.60 บาท ซื้อขายที่ P/E ปีนี้ที่ 10 เท่า นับว่าต่ำเมื่อเทียบกับราคาหุ้นบริษัทไฟฟ้าโซลาร์อื่นๆ และคาดการณ์ว่าจะให้ Dividend Yield ปี 58 ที่ 4% ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 30 บาท เทียบเท่ากับ P/E เป้าหมายปีนี้ที่ 12.2 เท่า
+ ธุรกิจสื่อมีกำไรดีขึ้นใน 2Q58 โดย NBC รายงานกำไร 2Q58 เพิ่มเป็น 10 ล้านบาท จาก 1.8 ล้านบาทใน 2Q57 และจาก 3.4 ล้านบาทใน 1Q58 ส่วนกำไร 1H58 เท่ากับ 13.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านบาทใน 1H57 นับว่าธุรกิจมีการฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่า WORK จะมีกำไร 2Q58 ดีขึ้นมากเช่นกัน โดยมาจากค่าโฆษณาและอัตราการใช้ช่องที่สุงขึ้น ผนวกกับมีรายได้จากงาน Event ต่างๆเข้ามาช่วยเสริมด้วย ส่วน RS คาดว่าจะมีกำไรเล็กน้อยใน 2Q58 ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 42 ล้านบาทใน 1Q58 แต่เทียบ YoY แล้วกำไรจะลดลงมากเพราะลูกค้าเลื่อนการใช้โฆษณา
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]