- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 August 2015 18:16
- Hits: 1146
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ลบต่อ ปัจจัยภายนอกยังคงไม่ดี
KGI คาด SET วันจันทร์แกว่งลงต่อ (ศุกร์ที่แล้วซึมลง ตามคาด) คาดแรงขายจากต่างชาติยังมีอยู่หลังปัจจัยภายนอกไม่ดี i) ราคาน้ำมันสหรัฐฯ หลุด 44 เหรียญฯ ครั้งแรกรอบเกือบ 5 เดือน รับความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกิน + จิตวิทยาเชิงลบจากมุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯ คาดหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ยังแกว่งลงและกดดัน SET ii) ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนเพิ่มขึ้นหลังส่งออก ก.ค. -8.3% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะ -1.5% ค่อนข้างมาก และ iii) แนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ย. ชัดเจนขึ้น (นักเศรษฐศาสตร์ KGI คาด ก.ย. เช่นกัน) หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ก.ค. ยังสูงกว่า 2 แสนตำแหน่ง และมีการปรับเพิ่มตัวเลขในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ ภาพรวม SET ยังแกว่งลง แนะให้เน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่แนวโน้มกำไรโดดเด่น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร COM7 (เข้าเทรดวันแรก), BKD
COM7 (เป้าพื้นฐาน 4.2 บาท) 1) ราคาจอง IPO 3.35 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินราคาเหมาะสมอิง PE 21 เท่า (ใกล้เคียง SPVI และ JMART) ได้เท่ากับ 4.2 บาท 2) ประเมินกำไรปี 2558 – 2559 โต15% YoY และ 30% YoY ตามลำดับจากการขยายสาขาใหม่ปีละเฉลี่ย 30 – 40 แห่ง และปัจจุบัน COM7 มีจำนวนสาขาที่ได้รับการแต่งตั้งจาก Apple (iStudio, iBeat และ U-Store) 101 แห่ง (มากสุดในกลุ่มคู่แข่ง) 3) จากข้อมูลบทวิเคราะห์ “Apple Insight” ของฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ ประเทศจีน วันที่ 6 ส.ค.58 ประเมิน Apple จะเริ่มผลิต iPhone 6S (เทคโนโลยี Force Touch) เชิงพาณิชย์ ปลายเดือน ส.ค.นี้ คาดเป็น Sentiment บวกต่อผู้จัดจำหน่ายสินค้า Apple อย่าง COM7
BKD (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 4.2 บาท) 1) คาดกำไรไตรมาส 2/58 ±35 ล้านบาท (+170% QoQ) จากการรับรู้รายการส่งมอบงานโครงการมากขึ้น + ไม่มีการบันทึกหนี้สงสัยจะสูญราว 9.8 ล้านบาท จากหน่วยงานราชกาลเช่นในไตรมาสแรก (คาดจะทยอยบันทึกกลับภายในไตรมาสที่เหลือของปีนี้) 2) Backlog ปัจจุบัน 3 พันล้านบาท ทำให้รายได้ปี 2558 – 2559 เติบโตเฉลี่ย 40% ต่อปี 3) ต้นปี 2559 เตรียมบันทึกรายได้งานตกแต่งบ้านจัดสรรที่ประเทศกัมพูชาที่การก่อสร้างล่าช้าในปีที่ผ่านมา (มูลค่างานของ BKD รวม 1.5 ล้านบาทรับรู้ภายใน 3 ปี) 4) คาดบริษัทฯเตรียมสรุปแผนใช้เงินลงทุนธุรกิจใหม่ จากเงินที่จะได้จากการแปลงสภาพ BKD-W1 ใน ก.พ. 59 ราว 600 ล้านบาท (ยังไม่รวมในประมาณการฯ) ... รูปแบบราคาสร้างฐานที่ ±3.4 บาท รอสัญญาณ Breakout แนวต้าน 3.50 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” จุด Stop loss ที่ 3.36 บาท
(+ กลุ่มรับเหมาฯ + วัสดุฯ) นสพ ประชาชาติธุรกิจ ลงข่าว “รถไฟไทย – จีน” ได้ข้อสรุป จีนร่วมลงทุน 40% งานระบบเดินรถ + ซ่อมบำรุง ขณะที่ไทยจะลงทุน 60% งานโยธาฯ เริ่มเปิดประมูลเฟส 1 "กรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช" เปิดประมูล 2 สัญญา เดือน ต.ค.นี้ (อย่างช้า ธ.ค.) คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (CK*, STEC*, ITD*) กลุ่มกลุ่มวัสดุฯ (SCC*)
… กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, EA, GUNKUL*) ราคาหุ้นในกลุ่มฯปรับลงแรงในเดือนที่ผ่านมาเราประเมินว่าเป็นโอกาส “ซื้อสะสมเพิ่ม” โครงการต่างๆ ยังอยู่ระหว่างพัฒนาตามแผนฯ และบางส่วนอยู่ระหว่างรอการเปิดประมูลจากการไฟฟ้าฯ (ความล่าช้าของการไฟฟ้าฯเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในกลุ่มฯ) 1) คาดประกาศร่าง TOR โครงการโซลาร์สหกรณ์ฯภายใน ส.ค.58 (อย่างช้า ก.ย.58) และการเลื่อนกำหนด COD เป็นการยืดเส้นตายการขายไฟฟ้า ผู้ประกอบการที่ทำโครงการเสร็จก่อนจะขายไฟฟ้าก่อนก็ได้ 2) รอผลการประชุม กพช วันที่ 13 ส.ค. คาดมีความชัดเจนเรื่องแผนการประมูล FiT Bidding เพิ่มเติม i) IFEC แนะนำ “สะสม” PE ปี 2559 ลดลงเหลือเพียง ±13 เท่า โครงการฯในปีนี้อาจล่าช้าจากภาครัฐฯเป็นสำคัญ แต่คาดไม่กระทบต่อประมาณการฯ ปี 2559 – 2560 และจะเริ่มขายไฟโครงการพลังงานลมปากพนัง 10MW แห่งแรกของภาคใต้เดือน ก.ย.นี้ ii) GUNKUL* สำหรับนักเก็งกำไรสั้นที่เก็งกำไรตามที่เราแนะนำก่อนหน้า (ต่ำกว่า 22 บาท) แนะนำหาจังหวะขายล๊อกกำไร (เพิ่มทุน 22 บาท) iii) EA งบไตรมาส 2/58 แม้จะโต QoQ และ YoY จากการ COD โซลาร์ฟาร์ม จ.ลำปาง แต่คาดจะออกมาเพียง ±750 ล้านบาท ต่ำกว่า Bloomberg Consensus ที่คาดไว้สูงถึง 880 ล้านบาท แนะนำ “อ่อนตัวสะสม”
… BANPU* (เป้า Consensus 30.5 บาท) 1) คาดงบไตรมาส 2/58 ทรงตัว QoQ ประเมินว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมากว่า 20% สะท้อนแนวโน้มงบไตรมาส 2/58 ไปแล้ว เรายังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 จะเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส จากการเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าหงสา (เฟส 1 เดือน มิ.ย.58, เฟส 2 เดือน พ.ย.58 และเฟส 3 เดือน มี.ค. 59) 2) บ.ลูก BPP (ธุรกิจโรงไฟฟ้า) เข้า IPO ปีหน้า แนะนำ “ทยอยสะสม” สำหรับการลงทุน 1 – 3 เดือน
… SAMART* (เป้า Consensus 30 บาท) 1) ราคาหุ้นปรับลงกว่า 50% สะท้อนงบไตรมาส 2/58 อ่อนแอแล้ว 2) แนวโน้มอุตสาหกรรมฯ จะฟื้นตัวใน 2H58 - 2559 จากการเดินหน้าโครงการลงทุนระบบโทรคมนาคมต่างๆ + Upside จากโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,000MW คาดจะเซ็น MOU กับทาง กฟผ ในไตรมาส 4/58 แนะนำ “ทยอยสะสม” สำหรับการลงทุนระยะ 1 – 3 เดือน
… UWC (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ประเมิน Downside ด้านราคาน้อย ประเมินแนวรับ 0.58 บาท หากวันนี้ยืนเหนือ 0.60 บาทได้มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 0.70 บาท 1) แนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจงานโครงสร้างเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสา 3G+4G โตเด่นใน 1 – 3 ปีนี้ 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9MW เตรียม COD ไตรมาส 3/59 และอยู่ระหว่างปิดดีลซื้อหุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD ไปแล้วเพิ่มเติม (ได้ข้อสรุปภายบางส่วนในไตรมาส 3/58)
… หุ้นอื่นๆ ที่แนะนำก่อนหน้า 1) PLANB (เป้า Consensus 5.9 บาท) แนวรับ 5.95 บาท แนวต้าน 6.40 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” (ต่ำกว่า 5.9 บาท แนะนำ “ขาย”) 2) TSR (เป้าพื้นฐาน 9.5 บาท) แนะนำ “สะสม” กำไรปกติไตรมาส 2/58 โต 20% QoQ (อาจมีบันทึกหนี้สงสัยจะสูญตามมาตรฐานบัญชีทำให้กำไรทรงตัว QoQ) ขณะที่แนวโน้มยอดขายไตรมาส 3/58 – ไตรมาส 4/58 โตเด่น (ภัยแล้ง + เริ่มขายแอร์ยี่ห้อ เฟดเดอร์) 3) DTAC* (เป้า Consensus 88.75 บาท) ประเมินแนวรับ 66.5 บาท (66 เป็นจุด Stop loss) แนวต้าน 70 บาท เป็นจุดขายล๊อกกำไร
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: SCC*, KTB*, SAMART*, BANPU*
พอร์ตเก็งกำไร: IFEC, TSR, PLANB
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
CBG* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 48.5 บาท (ปรับลงจาก 52.5 บาท) รายงานกำไรไตรมาส 2/58 = 355 ล้านบาท (+13% QoQ และ +39% YoY) สูงกว่าที่เราคาดไว้ 8% (สูงกว่า consensus 10%) แต่ปรับประมาณการฯกำไรปี 2558 – 59 ลงเล็กน้อย 6 – 9%
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
(+) TMT รายงานกำไรในไตรมาสที่ 2/58 เท่ากับ 104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.9% YoY (ที่มา: Set.or.th) โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับขึ้นเป็น 8.09% จาก 6.8% ในไตรมาสที่ 2/57 เนื่องจากผลบวกจากบริษัทมีต้นทุนราคาถูก ขณะที่ราคาขายสามารถปรับขึ้นตามการขยับขึ้นของราคาเหล็กในประเทศ ทั้งนี้แนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังที่คาดจะกลับมาขยายตัวดีต่อเนื่อง อีกทั้งกำไรในครึ่งปีแรกคิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรปี 2558 ที่ 380 ล้านบาท ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท
THAI* เผชิญกับการตรวจสอบที่มากขึ้นจากหน่วยงานตรวจสอบต่างประเทศ (บางกอกโพสต์) ข่าวดังกล่าวเป็นลบต่อบริษัท แต่เป็นสิ่งที่ THAI เผชิญมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ ICAO ขึ้นธงแดงกับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการตรวจสอบที่จะเกิดขึ้น ทำให้คาดว่า การตรวจสอบมาตรฐานของบริษัทที่เข้มงวดและความถี่ที่สูงขึ้นจะไม่เป็นปัญหาต่อ THAI สำหรับระยะไกลกว่านี้ เรายังคงให้น้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญต่อการปฏิบัติตามแผนปฏิรูป (transformation plan) ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานและฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น ส่วนราคาเป้าหมายตาม Consensus ในขณะนี้อยู่ที่ 12.03 บาท (ซึ่งต่ำกว่าราคาหุ้นล่าสุดที่ระดับ 12.30 บาท)
(+) ITD* วางเป้ารายได้ปีนี้ 9 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) หลังตุนแบ็กล็อกเต็มมือ 3 แสนล้านบาท พร้อมเล็งยื่นประมูลงานใหม่อีกกว่า 1ล้านล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ทุกเส้นทาง โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟร่วมระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน รวมถึงโครงการมอเตอร์เวย์ทุกเส้นทางและโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จำนวน 3 โรงมูลค่าโครงการมากกว่า 15,000 ล้านบาท
(+) FORTH กำไร Q2 โตต่อเนื่อง (ข่าวหุ้น) จากกำไรในบริษัทย่อย ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART มีผลการดำเนินงานออกมาดี นอกจากนี้ ธุรกิจรับจ้างการผลิต, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในงานค้าปลีก และการเข้าไปประมูลงานของภาครัฐก็ได้รับงานในสัดส่วนที่โตขึ้น โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% YoY
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘กรอบราคา 1427 – 1432 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1432 จุด อาจผลักราคาขึ้นทดสอบต้าน 1446 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1427 จุดนั้น อาจลดลงสู่กรอบแนวรับ 1419-1412 จุด
แนวรับวันนี้: 1427/1419/1412 แนวต้านวันนี้: 1432/1446
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]