- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 August 2015 16:57
- Hits: 3971
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -10.22, NASDAQ +34.40, S&P +6.52, FTSE +65.84, CAC +84.59 และ DAX +180.23 หลังสหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน – กค. เพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 215,000 ราย และ (2) ตัวเลขขาดดุลการค้า – มิย. เพิ่มขึ้น 7.1% อยู่ที่ 4.384 หมื่นล้านUSDสูงกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น และความต้องการในต่างประเทศที่ซบเซา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้คาดว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงปัจจัยบวกจากดัชนีภาคบริการ – กค. อยู่ที่ 60.3 เพิ่มขึ้นจาก 56.0 เมื่อมิย. และสูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 56.1ทำให้ DJIA ปรับลดลงอย่างจำกัด
.....ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส และหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของกรีซอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันเป็นการเจรจาในช่วงสุดท้าย ซึ่งคาดจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการที่กรีซจะอยู่ในยูโรโซนต่อไปหรือไม่
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน กย. -US$0.59 อยู่ที่ US$45.15 ต่อบาร์เรล แม้สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฯ ล่าสุด ลดลง 4.4 ล้าน (มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 455.3 ล้านบาร์เรล แต่ยังไม่สามารถชดเชยความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาด จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 52,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.465 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน เพิ่มขึ้น 5 แห่ง เป็น 664 แท่น โดยปรับขึ้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์
......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธค. -US$5.1 อยู่ที่ US$1,085.6 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น หลังข้อมูลภาคบริการ – กค. แข็งแกร่ง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -421 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -45,000 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(0) กนง. มีมติ (7 : 0) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามคาด โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และจะยังผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : Sideway? ภายใต้ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยให้น้ำหนักปัจจัยเดิมในประเทศ (-) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาคเอกชน และส่งออก ขณะที่ Fund Flow ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิยังขายสุทธิต่อเนื่อง และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงถึง 45,000 ล้านบาท ซึ่งยังแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่า และคาดยังส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
.....อย่างไรก็ตามคาดมีแรงเก็งกำไร (1) หุ้นในกลุ่มพลังงาน + / - ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น / ลดลง (2) กลุ่มธนาคาร จากแรงกดดันส่วนต่างดอกเบี้ยลดลงในช่วง 2H/58 หลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% และ (3) อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – กลางสค.
….ทางด้านประเด็นต่างประเทศ คาดได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน ขณะที่ยังคงมีประเด็นที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี) ภายในปีนี้ หลังที่ผ่านมาประธานเฟดส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง ภายใต้ความคาดหวังในเชิงบวกหลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความผันผวน ทำให้คาดเฟดอาจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC และ BCP คาดผลการดำเนินงาน 2Q/58 จะออกมาโดดเด่น เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, CK, SEAFCO และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.15 – 35.17 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น (5) กลุ่มท่องเที่ยวยังคงได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่ได้รับผลดี เช่น CENTEL และ (6) หุ้นในกลุ่มเดินเรือ เช่น TTA และPSL หลังดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1,222 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับจากต้นปี’58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.06 อยู่ที่ 2.7 1% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.49 มาอยู่ที่ 12.51
หุ้นแนะนำ : AAV
ประเด็นที่ต้องติดตาม (6 – 7 สค.’58)
6/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
7/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - กค.