- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 August 2015 16:29
- Hits: 1272
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ แต่เสี่ยงผันผวนมากขึ้น
KGI คาด SET วันจันทร์ขึ้นต่อแต่ผันผวนมากขึ้น (ศุกร์ที่แล้วบวกแรงกว่าคาด) คาดแรงซื้อเก็งกำไรจากฝั่งกองทุนยังอยู่ ผนวกเงินบาทที่เริ่มทรงตัว (ไม่อ่อนค่าต่อ) ลดแรงกดดันต่อต่างชาติ แต่ SET ดีดค่อนข้างเร็วและเสี่ยงเผชิญแรงขาย เพราะปัจจัยของจีนวันนี้ไม่ดีนัก i) ดัชนี official PMI ก.ค. ลดลงสู่ 50.0 จาก 50.2 ใน มิ.ย. และ ii) ทางการจีนจะอนุญาตให้หุ้นบางส่วนที่ติด lock-up (4.4 หมื่นล้านหยวน) เข้าซื้อขายเพื่อทดสอบตลาด อาจสร้างความผันผวนต่อหุ้นจีนและ sentiment ในเอเชียได้บ้าง ด้านราคาน้ำมันลงกว่า 3% หลังสหรัฐฯ รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และอาจกดดันหุ้นพลังงานใน SET ภาพรวมแนะถือหุ้นต่อไป รอดูค่าเงินบาท + ผลประชุม กนง. วันที่ 5 ส.ค. นี้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
รับเสี่ยงได้เก็งกำไรกลุ่มบ้าน AP*, SPALI* / “สะสม” หุ้นพื้นฐานดี SAMART*, BANPU*
กลุ่มบ้าน (AP*, SPALI*) 1) ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯปรับลงแรงกว่าตลาดฯ จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจฯชะลอตัว + กนง มีมติคงดอกเบี้ยในรอบที่แล้ว (10 มิ.ย.58) จนล่าสุด PE กลุ่มฯปรับลงมาอยู่ในระดับ 6 – 7 เท่า และปันผลต่อปี 4 – 5% เราประเมินว่า Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ + คาด กนง ลดดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมวันที่ 5 ส.ค. (อย่างช้า 16 ก.ย.) แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอจึงแนะนำเพียง “เก็งกำไร” i) AP* แม้งบไตรมาส 2/58 จะอ่อนแอ ลดลง QoQ และ YoY แต่ Presales ใน 1H58 เด่นที่สุดในกลุ่มฯ ราคาหุ้น Oversold ด้วย RSI ±25 จุด ประเมินแนวรับ 5.8 บาท (เป็นจุด Stop loss) แนวต้าน 6.2 บาท และ 6.35 บาท ตามลำดับ ii) SPALI* ราคาหุ้น Oversold ด้วย RSI ±30 จุด ประเมินแนวรับ 16.7 บาท (เป็นจุด Stop loss) แนวต้าน 17.4 บาท และ 18 บาท ตามลำดับ คาดกำไรไตรมาส 2/58 โต YoY และ QoQ เด่นสุดในกลุ่ม ... ดูบทวิเคราะห์ประมาณการฯไตรมาส 2/58 วันที่ 29 ก.ค.58 เพิ่มเติม
SAMART* (เป้า Consensus 30 บาท) 1) Consensus คาดกำไรไตรมาส 2/58 ราว ±250 ล้านบาท (-39% YoY และ -8% QoQ) อย่างไรก็ดีราคาหุ้นปรับลงจากจุดสูงสุดกว่า 50% สะท้อนประเด็นลบดังกล่าวแล้ว ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมฯของ SAMTEL คาดจะฟื้นตัวใน 2H58 จากการเดินหน้าโครงการลงทุนระบบโทรคมนาคมต่างๆ + Upside จากการประมูล PPA โรงไฟฟ้าชีวมวลรอบนี้ และโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,000MW คาดจะเซ็น MOU กับทาง กฟผ ในไตรมาส 4/58 2) ราคาเริ่มสร้างฐาน ±20.5 บาท แนะนำ “ทยอยสะสม”
BANPU* (เป้า Consensus 30.5 บาท) 1) คาดงบไตรมาส 2/58 ทรงตัว QoQ ประเมินว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมากว่า 20% สะท้อนแนวโน้มงบไตรมาส 2/58 ไปแล้ว เรายังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 จะเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส จากการเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าหงสา (เฟส 1 เดือน มิ.ย.58, เฟส 2 เดือน พ.ย.58 และเฟส 3 เดือน มี.ค. 59) ... วันศุกร์ที่ผ่านมาบอร์ดมีมติอนุมัตินำ บ.ลูก BPP (ธุรกิจโรงไฟฟ้า) เข้า IPO ปีหน้า
(+) กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL*, DEMCO*, EA, SOLAR, TPCH) ราคาหุ้นในกลุ่มฯปรับลงแรงในเดือนที่ผ่านมาเป็นผลจากข่าวลบต่างๆ (โดยเฉพาะใน Social Media) โดยเราประเมินว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” โดย 1) การเลื่อนประกาศเกณฑ์ FiT Bidding จากวันที่ 29 ก.ค.58 เป็นปลายเดือน ส.ค.นี้ เป็นเพราะเรกูเลเตอร์ต้องการเพิ่มการรับซื้อไฟจาก 3 จ.ชายแดนภาคใต้ ... นสพ โพสต์ทูเดย์ (เป็นข่าวบวก) 2) คาดโครงการโซลาร์สหกรณ์ประกาศกฏระเบียบได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ และคาดจะเลื่อนวัน COD ออกไปจากกลางปีหน้าเป็นปี 2560 -2561 เพื่อช่วยผู้ประกอบการฯ (เป็นข่าวบวก) 3) จากประเด็นข่าวลือใน Social Media เรื่องการดึงใบ LOI พลังงานลมกลับ เราประเมินหากเป็นจริงจะเป็นข่าวบวกต่ออุตสาหกรรมฯเพราะจะเป็นการเริ่มต้นเดินหน้าประมูล FiT Bidding (เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบอยู่แล้วรอภาครัฐฯดำเนินการเท่านั้น) ... แนะนำ “สะสม” IFEC, SOLAR และ “เก็งกำไร” GUNKUL* (ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 19 ส.ค. อนุมัติการเพิ่มทุน 6:1 ที่ราคา 22 บาท ... ราคาปิดวันศุกร์ยังต่ำกว่าราคาเพิ่มทุน)
… UWC (ยังไม่มีเป้า Consensus) สำหรับนักลงทุนที่ “รับความเสี่ยงได้สูง” แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ประเมิน Downside ด้านราคาน้อย ประเมินแนวรับ 0.54 บาท แนวต้านใกล้ 0.60 บาท (หาก Break ผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 0.70 บาท) 1) แนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจหลัก (งานโครงสร้างเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสา 3G+4G) โตเด่นใน 1 – 3 ปีนี้ 2) ธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าชีวมวลขณะนี้ 9.9MW เตรียม COD ไตรมาส 3/59 และอยู่ระหว่างปิดดีลซื้อหุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD ไปแล้วเพิ่มเติม (ได้ข้อสรุปภายบางส่วนในไตรมาส 3/58 และในไตรมาส 4/58 นี้)
… TSR (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 9.5 บาท) แนะนำ “ซื้อสะสม” รูปแบบราคาวานนี้ส่งสัญญาณการกลับตัว (Bullish Reversal) ต่อเนื่อง หากวันนี้ปิดสูงกว่า 6.75 บาท จะเป็นการยืนยันสัญญาณการฟื้นตัว คาดไตรมาส 2/58 กำไร >30 ล้านบาท (+ มากกว่า 20% QOQ), ไตรมาส 3/58 คาดได้อานิสงค์จากภัยแล้ง (น้ำประปาเป็นน้ำกร่อย) และไตรมาส 4/58 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายแอร์ยี่ห้อ เฟดเดอร์ … PE ปี 2558 ตอนนี้ลดลงเหลือ <20 เท่า ถูกกว่าหุ้นกลุ่มลีสซิ่งตัวอื่นที่ PE> 30 เท่า
... ADVANC*, INTUCH* แนะนำ “ซื้อสะสม” 1) เป็นหุ้นปันผลสูง ADVANC* 5.5% ต่อปี (คาดจ่ายปันผลรอบกลางปี ±6.4 บาท/หุ้น คิดเป็น 2.6%) INTUCH* คาดปันผล 6.3% ต่อปี 2) รอ Catalyst เรื่องการประมูล 4G เดือน พ.ย.58
… หุ้นอื่นๆ ที่แนะนำก่อนหน้า 1) PLANB (เป้า Consensus 5.9 บาท) วันศุกร์กลับไปยืนเหนือ 5.90 บาทได้ ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อ แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 5.9 บาท แนวต้าน 6.4 บาท 2) SCC* (เป้าพื้นฐาน 575 บาท) แนะนำ “Let profit run” สำหรับนักเก็งกำไรสั้น อาจพิจารณาขายล๊อกกำไรหากวันนี้ไม่ผ่านแนวต้านที่ 530 บาท ขึ้น XD ปันผล 7.5 บาท วันที่ 10 ส.ค. 3) KCE* (เป้า Consensus 57 บาท) สำหรับนักเก็งกำไรสั้น หากวันนี้ปิดสูงกว่า 53 บาท แนะนำ “Let profit run” แต่หากปิดต่ำกว่า แนะนำ “ขาย”
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: SCC*, KTB*, SAMART*, BANPU*
พอร์ตเก็งกำไร: IFEC, TSR, PLANB
สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลยุทธ์เดือน ส.ค. คาด SET รีบาวด์สั้น หลังแรงซื้อ bargain hunting น่าจะกลับเข้าตลาดตามราคาหุ้นที่ลงมาแรง แต่ upside ยังจำกัดเพราะเศรษฐกิจไทยยังอ่อน และสหรัฐฯ ยังไม่มีความแน่นอนของจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยเฟด หุ้นแนะนำซื้อคือ KTB*, KCE*, TASCO, BANPU*, CK*, UNIQ และ ADVANC*
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
(+) คิง พาวเวอร์ ทุ่มพันล้านเข้าถือหุ้นใหญ่ RS บิ๊กล็อต 94 ล้านหุ้น ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น (ข่าวหุ้น) ถือเป็นข่าวบวกต่อหุ้น RS ในด้านที่บริษัทจะมีสภาพคล่องของกระแสเงินสดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชย์ในการลงทุนและพัฒนาคอนเทนต์ใหม่สำหรับช่องทีวีอย่างต่อเนื่องในอนาคต อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการของเราใน 2558 ที่รายได้ 3.6 พันล้านบาท ลดลง 16.5% YoY และ กำไรที่ 136 ล้านบาท ลดลง 63.4% YoY บนพื้นฐานที่เราคาดว่ารายได้หลักที่ได้จากช่อง CH8 ยังคงไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร เราจึงยังคงคำแนะนำ ขาย ราคาเป้าหมาย 8.0 บาท
(+) DCC คาด GPM แตะ45% อานิสงส์ราคาก๊าซลด (กรุงเทพธุรกิจ) เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 30 % ของต้นทุนการผลิตรวมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 42% ต่ำกว่าที่บริษัทคาดการณ์ เนื่องจากคาดบริษัทอาจได้รับผลจากการออกแคมเปญกระตุ้นการตลาดในช่วงที่อุปสงค์การใช้กระเบื้องยังชะลอตัว แต่ GPM ที่ 42% ก็เพียงพอที่จะทำให้กำไรปีนี้กลับมาเติบโตอีกครั้ง 11.3% YoY เป็น 1.3 พันล้านบาท ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.4 บาท
ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะถูกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ 35 บาท (บางกอก โพสต์) ทางด้าน AOT* เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะเริ่มดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียม 35 บาทจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เข้า-ออกสนามบิน 6 แห่งภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทตั้งแต่ 1 ธ.ค.58 เพื่อรองรับกับต้นทุนส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นจากการติดตั้งระบบตรวจสอบผู้โดยสารแบบใหม่ อย่งไรก็ตาม ทางด้าน AOC เห็นว่า ในส่วนสายการบินยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากมีการจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน ส่วนมุมมองของเราเป็นกลางต่อเรื่องดังกล่าว เนื่องจากค่าธรรมเนียม 35 บาทไม่ได้ก่อให้เกิดกำไรส่วนเพิ่มสำหรับ AOT แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการรองรับการติดตั้งระบบใหม่เข้ามา ส่วนระยะยาว เรายังคงมุมมองที่เป็นบวกต่อ AOT เนื่องจากการเติบโตที่จะเกิดจากการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เรายังคง
แนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายเท่ากับ 345 บาท
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘ค่าเฉลี่ยเก้าวันที่รับ 1437 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือรับ 1437 จุด อาจรักษาแรงขึ้นต่อเนื่องทดสอบต้าน 1460 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1437 จุดนั้น อาจกดราคาลงทดสอบแนวรับ 1423 จุด
แนวรับวันนี้: 1437/1429/1423 แนวต้านวันนี้: 1448/1458/1464
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]