- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 August 2015 16:25
- Hits: 1065
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น นำโดย SCC หลังตลาดทยอยปรับประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้น รวมถึงกลุ่มธนาคาร นำโดย KBANK / SCB ด้วยความคาดหวังว่ากนง.จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 5 ส.ค.นี้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกทั้งสิ้น 22.63 จุด มาอยู่ที่ 1,440.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,144 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 2,904 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 5,456 สัญญา และคงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 2,624 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการรายงานงบ 2Q58 วันนี้จะมี ADVANC รายงาน
ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของไทยส่งสัญญาณการฟื้นตัว จากภาคการท่องเที่ยว และการใช้จ่าย/ลงทุนจากภาครัฐ
ธปท.ส่งสัญญาณปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงต่ำกว่า 3% หลังการส่งออกไม่ฟื้นตัว
มุมมองต่อตลาด
เราคงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น "กลาง" วันที่ 19 แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้นจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่แนวต้าน 1,450 จุด +/- ยังไม่น่าผ่านได้ในช่วงสั้นนี้ แรงขายทำกำไรรอบสั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ท้ายที่สุด SET INDEX จะทะลุแนว 1,450 จุดขึ้นไปเคลื่อนไหวในกรอบ 1,480-1,500 จุดได้ในระยะถัดไป ภายใต้เงื่อนไข 1) ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจะออกมาใกล้เคียง หรือ ดีกว่าคาด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยในปีนี้และปีหน้าลง และ / หรือ 2) การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสะท้อนถึงกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราเชื่อว่า 35.50-36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะสะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทย และความเสี่ยงที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ เราประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย อย่างน้อยต้นทุนทางการเงินที่ถูกลงจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ากว่า 5% YTD และผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาลในหุ้นหลักราว 2.0% +/-
ขณะที่ตลาดเริ่มพูดถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ข้อจากรมว.คลัง ที่จะเสนอต่อครม.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ เรากลับให้น้ำหนักเป็นกลางเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินสนับสนุนกับสหกรณ์ การเร่งปล่อยสินเชื่อผ่านนาโนไฟแนนซ์ หรือ เร่งการลงทุนผ่านโครงการลงทุนต่างๆ เป็นโครงการเดิมที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
เราเชื่อว่าปัจจัยที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ในภาวะเช่นนี้ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบลง และ/หรือ 2) การปรับครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเศรษฐกิจ แม้ว่าปัญหาต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้การทำงานของครม.ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจภายในประเทศที่เดินหน้าในระดับต่ำเพียงเพราะขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ หากการปรับเปลี่ยน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่สะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,400-1,410 จุดอาจพิจารณาขายทำกำไรรอบสั้นไปบางส่วน บริเวณ 1,450 จุด +/- และถือพอร์ตหุ้นที่เหลือ เพื่อรอประเมินภาพรวมในระยะถัดไป เพื่อดูแรงฟื้นตัวของ SET INDEX ว่าจะทะลุผ่าน 1,500 จุดในรอบสั้นนี้ได้หรือไม่"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC/ INTUCH
Accumulative Buy: ADVANC / ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. ADVANC : ราคาปิด 250.00 บาท ราคาเหมาะสม 290.00 บาท
a) ADVANC จะรายงานผลประกอบการ 2Q58 ในว้นนี้ และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q58 จะเติบโต +12.1% yoy เป็น 9.5 พันล้านบาท
b) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผล 1H58 หุ้นละ 6.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.6% และทั้งปี 2558 หุ้นละ 13.16 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.3%
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากการประมูล 4G ทั้งคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ใน 4Q58 จะเป็นตัวปลดล็อกสัญญาสัมปทานเดิม และส่งผลบวกทั้งรายได้การให้บริการ Data ที่จะเร่งตัวขึ้นภายใต้ระบบ 4G และต้นทุนค่าธรรมเนียมลดลงจากเดิม
d) ให้เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มสื่อสาร
2. ITD : ราคาปิด 7.35 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น ITD จะ Outperform ตลาดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีปัจจัยบวกรออยู่คือการเซ็นสัญญา SPV ระหว่างเอกชน - รัฐบาลเพื่อพัฒนาโครงการทวาย ในวันที่ 5 ส.ค.
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างใน 2H58 จากการประมูลงานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯที่จะเปิดประมูลต่อเนื่อง เช่น รถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทาง และ Motorway
c) นอกจากนั้น ITD เป็นตัวเต็งที่จะได้งานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 6.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเคยมีประสบการณ์ในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟสแรก และมีความเชี่ยวชาญงานระบบรถไฟใต้ดินเชื่อต่อระหว่างเฟส 1 และเฟส 2
d) Upside Risk ที่มีนัยสำคัญคือโครงการเหมืองแร่โปรแตซที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 3Q58 และเป็นปัจจัยบวกระยะยาวต่อปัจจัยพื้นฐานของ ITD เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงและได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯเพื่อเป็นอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$165 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$46 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 2,904 ล้านบาท เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 11,849 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 42,092 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 5,456 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 10,188 สัญญา และ 7 วันทำการก่อนหน้า short สุทธิ 17,213 สัญญา คาดเป็นการกลับมาเปิดสถานะ short อีกครั้ง กดดันให้ S50U15 ปิดต่ำกว่า Set50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 20.12 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 11.99 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเท่ากับ 53,557 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 2,624 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 3,531 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าหลุดแนว 35.00 บาท/US$ ในอัตราเร่ง ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยทรงตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเล็กน้อย 0.63bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.58bps ปิดที่ 2.815%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 769 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 617 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,815 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,699 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นสะสมกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่นอีกครั้ง สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 736 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 696 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 351 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 163 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 221 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 299 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิสูงสุด 275 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขายสุทธิ 72 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมากลางถึงลบ
ดัชนี Chicago PMI เดือนก.ค. 54.7 จุด ดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 50.0 จุด และดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 49.4 จุด
ดัชนี Consumer Sentitment เดือนก.ค. เท่ากับ 93.1 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 94.1 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 93.3 จุด
ยุโรป
ตลาดการเงินของกรีซจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 3 ส.ค.: หลังทางการปิดตลาดการเงินตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. โดยจะเปิดทำการทั้งตลาดหุ้น, ตลาดตราสารหนี้, ตลาดอนุพันธ์ และวอแรนต์ ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. ภายใต้เงื่อนไขการซื้อขายด้วยเงินใหม่ เช่น การโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน, เงินฝากที่เป็นเงินสด, เงินสดที่ได้จากการขายหุ้นล่วงหน้า หรือ จากการลงทุนปัจจุบันที่ถือในโบรกเกอร์ต่างๆ ส่วนนักลงทุนต่างชาติจะไม่รวมในเงื่อนไขดังกล่าว
จีน
ทางการจีนตรวจเข้ม 24 บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์: เพราะสงสัยว่าจะเป็นการซื้อขายที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการตั้งราคาซื้อ (Bid) หุ้น หรือ การยกเลิกการตั้งราคาซื้อ ที่ผิดปกติ ทำให้ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนรายอื่นๆ
ดัชนี PMI ภาคการผลิต - บริการ ใกล้เคียงคาด
ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนก.ค. เท่ากับ 50.0 จุด ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาดที่ 50.1 จุด ทั้งนี้ความต้องการสินค้าทั้งในและต่างประเทศยังเป็นไปอย่างอ่อนแอ รวมถึงภาวะภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต และราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนก.ค. เท่ากับ 53.9 จุด ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด 53.8 จุด
เอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจไต้หวันเติบโตต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2555: ขยายตัว 0.64% yoy ใน 2Q58 ชะลอตัวจาก 1Q58 ที่เติบโต 3.37% yoy และต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 2.55% yoy เนื่องจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงจากความต้องการในตลาดโลกที่อ่อนแอ และภาวะการแข่งขันสูงภายในภูมิภาค ขณะที่ภาคการบริโภคภายในประเทศได้รับผลกระทบจากตลาดบ้านและตลาดหุ้นที่ชะลอตัว
อิหร่านเตรียมส่งออกน้ำมัน หากยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร: รมว.พลังงาน อิหร่าน ให้ความเห็นว่า อิหร่านสามารถเร่งกำลังการผลิตได้ภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากที่นานาชาติ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 500,000 บาร์เรล/วัน ภายในสัปดาห์ ซึ่งคาดว่ามาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวน่าจะยกเลิกภภายในปลายเดือนพ.ย. ขณะที่กลุ่มโอเปคจะไม่นับการส่งออกของอิหร่านเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ต่ำกว่า
ยอดส่งออกเกาหลีใต้หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7: หดตัว 3.3% yoy ในเดือน ก.ค. จากเดือนก่อนที่หดตัว 2.4% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 6.8% yoy โดยการส่งออกในภูมิภาคที่ลดลงได้แก่ญี่ปุ่นหดตัว 28% yoy รวมถึงจีนที่หดตัว 6.4% yoy โดยยอดส่งออกมีทิศทางหดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง, ราคาน้ำมันที่ลดลง รวมถึงค่าเงินเยนและยูโรที่อ่อนค่า ด้านยอดนำเข้าหดตัว 15.3% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ระดับ US$7.76 พันล้าน
ไทย
ธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน มิ.ย.ยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวเล็กน้อย ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมได้รับผลกระทบจากส่งออกที่หดตัวตามอุปสงค์จากจีนและอาเซียน
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลงอยู่ที่ 49.1 จุด จากเดือน พ.ค. ที่ 50.3 จุด ความกังวลของผู้ประกอบการต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และภาวะส่งออกที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ฟื้นตัวช้า ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 51.0 ลดลงจาก 52.0 ที่สำรวจในเดือนก่อน
ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ค.เกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ที่ US$893 ล้าน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ US$2.13 พันล้าน แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ US$1.1 พันล้าน
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530