- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 July 2015 18:45
- Hits: 1622
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ซื้อใหม่ยังเน้นเมื่ออ่อนตัว"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: KBANK (ซื้อจังหวะอ่อนตัว)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : EGCO 20%, AIT 16%, TRUE 14%, AP 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ เน้นซื้ออ่อนตัว
Support Resistance Stop loss
SET 1400+/- 1430,1450 ค่าลบ
SET50 920,900 930,950 ค่าลบ
Technical Picks- Today : n.a.
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ร่วงแรง โดยปิด -25.53 จุด ที่ 1412.55 จุด ทั้งนี้ตลาดขาดปัจจัยบวก แต่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัวเข้ามาเพิ่ม ขณะที่ผลประกอบการ 2Q58 ของไทยค่อนข้างอ่อนแอ และแนวโน้ม 3Q58 จะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้กลุ่มพลังงานกลับไปมีผลขาดทุนในสต็อก ส่วนการอ่อนค่าของเงินบาทเกิดผลดีไม่เต็มที่ เพราะหลายอุตสาหกรรมส่งออกของไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไขปรับปรุง ขณะที่อาหารส่งออกก็ถูกกดดันจากการต่อรองราคาและต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่จะสูงขึ้น ในการลงทุนกลุ่มส่งออกจึงต้องเป็น Selective Buy โดยหุ้นที่ยังน่าสนใจเช่น KCE, DELTA เป็นต้น
นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อ โดยเมื่อวานนี้ขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท และ YTD ขายสุทธิรวมแล้ว 4.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 3.9 หมื่นล้านบาท เราคาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนและภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเร็วนัก แต่อาจมีพวก Bargain Hunter เข้ามาเก็งกำไรเป็นระยะๆ
ขณะนี้ทาง DBSV ประเมินกรอบเป้าหมาย SET Index ในช่วงที่เหลือของปี 58 ไว้ที่ 1350-1500 จุด โดยบนกรอบนี้มีค่าโอกาสความเป็นไปได้ ( Probability) อยู่ที่ 75.6% ส่วนค่า Median ของดัชนีเท่ากับ 1432 จุด คำแนะนำการลงทุน : บนหลักการของการบริหารพอร์ตภายใต้ Asset Allocation เราให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ( Accumulate) จากระดับปิดดัชนีเมื่อวานนี้ที่ 1412.55 จุด โดยยังคงให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้น (Equity) ประมาณ 70% ของพอร์ตการลงทุน
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ตลาดหุ้นจีนร่วงลงแรงถึง 8.48%...กังวลภาคการผลิตชะลอตัว นับว่าดัชนีตลาดหุ้นจีนลดลงรุนแรงที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากวิตกเศรษฐกิจชะลอตัว โดยภาคการผลิตอ่อนแอลงมาก ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า บริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนมีผลกำไรในเดือนมิ.ย.58 ลดลง 0.3%YoY สู่ระดับ 5.8857 แสนล้านหยวน หลังจากที่ขยายตัว 0.6%YoY ในเดือนพ.ค. ด้าน PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.58 ลดลงสู่ 48.2 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 15 เดือน และต่ำลงจากเดือนมิ.ย.58 ที่ 49.4
จีน : คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (CSRC) กล่าวว่ารัฐบาลจะเพิ่มการซื้อหุ้นเพื่อกระตุ้นตลาด หลังตลาดหุ้นทรุดตัวอย่างหนักเมื่อวานนี้ ซึ่ง CSRC ยังไม่ได้ตัดประเด็นความเป็นไปได้ที่การทรุดตัวของตลาดหุ้นอาจเกิดจากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่บางรายกำลังสมรู้ร่วมคิดกันในการแห่เทขายหุ้น
+ เยอรมนี : ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค.58 เพิ่มขึ้นเป็น 108.0 จาก 107.5 ในเดือนมิ.ย.58 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 107.5 ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 113.9 จาก 113.1 ในเดือนมิ.ย. ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจเพิ่มขึ้นแตะ 102.4 จาก 102.1 ในเดือนก่อนหน้า
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.58 เพิ่มขึ้น 3.4%MoM ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ทั้งนี้สินค้าคงทน ได้แก่ เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
สหรัฐ : จับตาการประชุมเฟดวันที่ 28-29 ก.ค.58 เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เน้นย้ำในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสครั้งล่าสุดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และล่าสุดมีกระแสข่าวรั่วจากเจ้าหน้าที่เฟดที่ไม่ได้เป็นกรรมการกำหนดนโยบายการเงินว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐจะเพิ่มเป็น 0.35% ในสิ้นปีนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งต่อ...วิตกเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน โดยดัชนี DJIA ลดลง 127.94 จุด (-0.73%), ดัชนี Nasdaq -0.96% และดัชนี S&P500 -0.58% โดยเป็นการลดลง 5 วันทำการต่อเนื่อง ปัจจัยกดดันตลาดเมื่อคืนนี้ คือ การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนและยุโรป ทั้งนี้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีนนำตลาดร่วงลง เช่น หุ้น แอปเปิล อิงค์ ซึ่งมีฐานการผลิตที่ใหญ่ในจีน, หุ้น Yum! Brand, หุ้นอาลีบาบา, หุ้นยาฮู ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในอาลีบาบา เป็นต้น
- ราคาน้ำมันดิบลดลงอีก สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 75 เซนต์ ปิดที่ 47.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.47 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังคงกังวลกับอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์เติบโตจำกัด
+ ราคาทองคำมีรีบาวด์ตามคาด โดยสัญญา COMEX ส่งมอบส.ค.ปรับขึ้น 10.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1096.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
DBSV ประเมินกรอบเป้าหมาย SET Index ในช่วงที่เหลือของปี 58 ไว้ที่ 1350-1500 จุด โดยบนกรอบนี้มีค่าโอกาสความเป็นไปได้ (Probability) อยู่ที่ 75.6% ส่วนค่า Median ของดัชนีเท่ากับ 1432 จุด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้ได้สะท้อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ไทยลง 0.25% เป็น 1.25% แล้ว ทั้งนี้ค่า Median ของเป้าหมายดัชนีที่ประเมินว่าวิธี ERP ระดับ 1432 จุดนั้นเทียบเท่ากับค่า P/E-Median + 1SD ในช่วง 15 ปีย้อนหลังของตลาดหุ้นไทย และจากการวิเคราะห์ด้วยโมเดลนี้พบว่าโอกาสความเป็นไปได้ที่ SET Index จะลดลงไปยังระดับ 1250-1300 จุดในช่วงที่เหลือของปี 58 นั้นมีเพียง 0.8% ขณะเดียวกันโอกาสความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะเหนือ 1600 จุดก็มีเพียง 0.4% เท่านั้น คำแนะนำการลงทุน : บนหลักการของการบริหารพอร์ตภายใต้ Asset Allocation เราให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ( Accumulate) จากระดับปิดดัชนีเมื่อวานนี้ที่ 1412.55 จุด โดยยังคงให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้น (Equity) ประมาณ 70% ของพอร์ตการลงทุน
มูลค่าส่งออกเดือนมิ.ย. -7.87%YoY แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -4.6%YoY สำหรับ 6M58 มูลค่าส่งออก -4.84%YoY ส่วนมูลค่านำเข้า -7.91%YoY นับว่าภาคการค้าต่างประเทศซบเซากว่าที่คาด และการฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า เมื่อพิจารณาร่วมกับองค์ประกอบด้านการบริโภคและการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่ชะลอตัวแล้ว มีโอกาสสูงที่ GDP Growth ของไทยในปี 58 จะเติบโตน้อยกว่า 3% และมีโอกาสที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันที่ 1.50%
+/ ช่วงสั้นเงินบาทอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวดี เฟดกำลังจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และกนง.มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงอีกรอบ ซึ่งการอ่อนค่าเป็นบวกกับบริษัทที่มีรายได้รูปดอลลาร์สหรัฐ เช่น อิเลคทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อาหาร & เกษตรส่งออก, ยานยนต์, อัญมณี & เครื่องประดับ, สิ่งทอ & เครื่องนุ่งห่ม แต่...ภาคส่งออกของไทยก็มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทในรอบนี้ไม่เต็มที่ โดยหลายอุตสาหกรรมมีการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน และมีอัตราค่าแรงงานต่ำกว่าไทย อุตสาหกรรมอาหารส่งออกมีประเด็นราคาผลิตภัณฑ์ต่ำลงแต่ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ในเชิงกลยุทธ์ การลงทุน Theme บาทอ่อนจึงควรเป็น Selective Buy ซึ่งหุ้นที่เราคาดว่าจะได้ประโยชน์จากบาทอ่อนและเห็นว่าน่าสนใจลงทุน ได้แก่ KCE (ราคาพื้นฐาน 55 บาท), DELTA (ราคาพื้นฐาน 88 บาท) สิ่งที่ควรระวัง คือ การ Sell on Fact / Take Profit ระยะสั้นหลังจบการประชุมกนง.ในวันที่ 5 ส.ค.58
- สหรัฐเปิดเผยรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 58 พบว่าของไทยยังคงอยู่ที่ Tier-3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดต่อเป็นปีที่ 2 (ทั้งหมดมี 4 Tier คือ Tier-1, Tier-2, Tier-2 ที่ต้องจับตามอง และ Tier-3) ด้านมาเลเซียปรับขึ้นเป็น Tier-2 ที่ต้องจับตามอง
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]