- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 July 2015 17:47
- Hits: 2433
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"Earnings Season…ซื้อเก็งกำไรตามค่าบวก"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: GL (ดูในหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : RATCH 34%, BEC 27%, TTW 25%, IVL 23%, HMPRO 20%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่ซื้อค่าบวก
Support Resistance Stop loss
SET 1430-1420 1460,1470 ค่าลบ
SET50 940,920 960-970 ค่าลบ
Technical Picks- Today : UMI, PTTEP, RCI, FSMART, SPF, ASIMAR, KKC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PS (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1444-1453 จุด โดยนักลงทุนยังขาดความมั่นใจในการเข้าซื้อหุ้นแม้ว่าราคาหุ้นหลายบริษัทจะลดลงพอสมควรแล้วก็ตาม เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยกระตุ้น (Catalyst) ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจซบเซาและคาดการณ์กำไรบจ.ยังมีความเสี่ยงขาลง รวมถึงวิตกกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดว่าจะหนัก-เบาแค่ไหน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่ออีก 2.8 พันล้านบาท พอร์ตบล.ขายสุทธิ 711 ล้านบาท สถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ
ระยะสั้นมากยังไม่มีปัจจัยใหม่ แต่มีการซื้อ/ขายเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q58 มากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่ากลุ่มปิโตรเคมี เช่น PTTGC, SCC, IVL ฯลฯ จะมีผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด YoY รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์ประเภทเช่าซื้อ & รับจำนำสินทรัพย์ เช่น GL, MTLS, SAWAD ฯลฯ ก็จะมีผลประกอบการขยายตัวก้าวกระโดดเช่นกัน ส่วนปัจจัยต่างประเทศ สัปดาห์หน้า (28-29 ก.ค.) จับตาการประชุมเฟด ซึ่งตลาดประเมินว่าจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่ต่างจากที่ประธานเฟดให้ข้อมูลกลางปีกับสภาคองเกรสในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้มีกระแสคาดการณ์กันมากขึ้นว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ก.ย.58 นี้ และที่จับตากันต่อคือความหนักเบาและความถี่ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งสวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกที่คงดอกเบี้ยต่ำหรือจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก กลยุทธ์ เล่นสั้นซื้อตามค่าบวก ลงทุนยาว เน้นถอยรับเป็น Step หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อเก็งกำไรวันนี้เป็น GL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ แต่เน้นซื้อค่าบวก (เล่นเด้ง) โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1460, 1470 จุด แต่ถ้าอ่อนต่อจะมีแนวรับเก็งกำไรถัดไป 1430-1420 จุด หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรแบบหวัง Gap ไม่มาก ได้แก่ UMI, PTTEP (ลงมามาก มีสิทธิรีบาวด์), RCI, FSMART, SPF, ASIMAR, KKC เป็นต้น
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานแข็งแกร่ง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์สิ้นสุด 18 ก.ค.58 ลดลง 26,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี
สหรัฐ : ประชุมเฟดวันที่ 28-29 ก.ค.58 ซึ่งคาดว่าจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับที่แล้วมา และกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.58 มีมากขึ้น และตลาดจับตาความหนักเบาและความถี่ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะต่อไปเป็นสำคัญด้วย
+ ความเชื่อมั่น & ไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยต่อตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น...แต่ความรู้สึกเป็นกลางลดลง ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) ระบุว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ค.58 เป็น 32.54% จาก 30.81% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ความรู้สึกไม่เชื่อมั่นขยับขึ้นสู่ระดับ 25.60% จาก 23.24% ส่วนความไม่รู้สึกเชื่อมั่นหรือวิตกต่อตลาดมีจำนวนลดลงสู่ 41.87% จาก 45.95%
+ กรีซ : จะเริ่มเจรจาอย่างเป็นทางการกับเจ้าหนี้กลุ่มทรอยก้า หลังรัฐสภากรีซได้ให้การอนุมัติต่อมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ 2 ฉบับเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี, เงินบำเหน็จบำนาญ, การธนาคาร และกระบวนการยุติธรรมไปแล้ว โดยหวังว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปภายใน 20 ส.ค.58 ซึ่งจะปูทางให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือวงเงิน 8.6 หมื่นล้านยูโร แต่หากการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุปก่อนเส้นตายดังกล่าว กลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปได้จัดเตรียมเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 7 พันล้านยูโร &เงินกู้ระยะสั้นก้อนใหม่เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่กรีซเป็นการชั่วคราว
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงต่อ โดยนักลงทุนกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจหลังหลายบริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรสุทธิที่แย่กว่าคาด และผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอีกไม่นานนี้ ดัชนี DJIA ลดลง 0.67%, ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 0.49% ส่วนดัชนี S&P500 อ่อนลง 0.57%
- วิตกอุปทานสูงกดดันราคาน้ำมันดิบต่อ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบก.ย.58 ลดลง 0.74 และ 0.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.45 และ 55.27 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการลดลงต่อเนื่องมาจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบที่สูงจากสหรัฐ, กลุ่มประเทศโอเปกประกาศไม่ลดปริมาณการผลิต และอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้นหลังกลุ่มประเทศชาติตะวันตกยกเลิกการคว่ำบาตร
ราคาทองคำรีบาวด์เล็กน้อย โดยสัญญาส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1094.10 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นในทองคำหลังราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาทองคำก็ยังมีแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า จากกระแสคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปลาย 3Q58 นี้ ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ กลุ่มปิโตรเคมี : คาดกำไร 2Q58 เติบโตแข็งแกร่ง มาร์จิ้นสายโอเลฟินส์แข็งแกร่งใน 2Q58 ทำให้คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ PTTGC, SCC, IVL จะออกมาดีในไตรมาสนี้
# ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ 2Q58 ของ PTTGC จะเติบโตก้าวกระโดดถึง 55%QoQ และ 43%YoY โดยหลักมาจากราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นและมีกำไรจากสต็อก แนะนำซื้อ PTTGC ให้ราคาพื้นฐาน 75 บาท
# ส่วน SCC คาดว่ากำไรใน 2Q58 จะอยู่ในระดับสูง 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท (1Q58 มีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท) และเติบโต 30-50% เมื่อเทียบ YoY โดยมาจาก Spread ของธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสายโอเลฟินส์ ซึ่งส่วนนี้ไปชดเชยกับปริมาณขายที่ต่ำลง QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาลได้ ด้านปูนซีเมนต์อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยอุปสงค์ของภาคเอกชนที่ลดลงได้รับการชดเชยด้วยอุปสงค์ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มไปได้ดีต่อใน 2H58 โดยส่วนต่างราคาปิโตรเคมียังสูงต่อและส่งออกปูนซีเมนต์ได้มากอันเนื่องจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น แนะนำซื้อ SCC ให้ราคาพื้นฐาน 550 บาท
# ด้าน IVL คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q58 จะเพิ่มขึ้นเด่นชัดจาก 1Q58 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 249 ล้านบาท ขณะที่ 2Q58 ประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.3-2.4 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดจาก 2Q57 ที่มีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท โดยมาจาก Spread ของ MEG ที่เพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนต่ำลง และ Spread ของ PTA ดีขึ้นจากการปรับราคาในอเมริกาเหนือและ Spread ของ PET สูงขึ้นจากอุปสงค์ที่ดีขึ้นตามฤดูกาล ด้านปริมาณขายก็สูงขึ้นราว 7%QoQ และ 10%YoY จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังเข้าซื้อกิจการ คาดบริษัทมีกำไรจากสต็อกราว 1 พันล้านบาท (1Q58 ขาดทุน 1.4 พันล้านบาท) และมีกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ แนวโน้มใน 2H58 ยังไปได้ดี และบริษัทยังพิจารณาเข้าซื้อกิจการต่อเนื่อง แนะนำซื้อ IVL ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท
+ GL : คาดกำไรสุทธิ 2Q58 โตก้าวกระโดด YoY เนื่องจากธุรกิจในกัมพูชาเติบโตสูงมากต่อเนื่อง และฐานกำไรสุทธิ 2Q57 ต่ำเพียง 7 ล้านบาท ส่วน QoQ คาดว่าจะเติบโต 13% สำหรับ Key Growth ของปี 58-59 เป็นการเติบโตของธุรกิจในกัมพูชา (มีความเสี่ยงด้าน NPL ต่ำเพราะผู้ที่เข้ามากู้มีฐานะการเงินดี และมี LTV อยู่ที่ 50-60%) คาดว่าสัดส่วนกำไรของธุรกิจจากกัมพูชาจะเพิ่มเป็น 40% ของกำไรรวมในปี 58 (จาก 15% ในปี 57) ส่วนใบอนุญาตทำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในลาวได้รับแล้วเมื่อพ.ค.58 และคาดว่าจะทำกำไรได้ชัดเจนตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 13 บาท (อยู่ระหว่างปรับปรุง)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]