- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 July 2015 17:13
- Hits: 1143
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เริ่มทรงตัวดีขึ้น แกว่งระหว่าง 1,445-1,455 จุด โดย PTT / PTTEP เริ่มฟื้นตัวหลังปรับฐานลงแรงตลอด 2 วันที่ผ่านมา และ PTTEP รายงานกำไรออกมาใกล้เคียงคาด เพียงแต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงเป็นไปอย่างเปราะบาง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,444.66 จุด ลบ 3.18 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 29,170 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่นเป็นวันที่ 2 อีก 2,739 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 3,632 สัญญา และขายสุทธิสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 1,563 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 34.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการหารืออย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลกรีซ และ เจ้าหนี้กลุ่ม Troika วันนี้ เพื่อพิจารณาวงเงินการช่วยเหลือ 8.6 หมื่นล้านยูโร อายุ 3 ปี
ติดตามการแถลงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดย พล.อ.อ.ประจิณ จั่นตอง วันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการประกาศผลการดำเนินงาน 2Q58 ของกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร เด่นสุด SCC
ติดตามผลการประชุมเฟดวันที่ 30 ก.ค. Bloomberg consensus คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% แต่ความเห็นของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยถือเป็นประเด็นสำคัญ
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย เดือนมิ.ย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขการส่งออก - นำเข้า
ติดตามประเด็นการปรับครม.ด้านเศรษฐกิจ จะมีการพิจารณาหรือไม่
มุมมองต่อตลาด
เราคงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น "กลาง" วันที่ 14 แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาขายสุทธิหนาแน่นตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา แต่เราประเมินจาก Bottom-up / Valuation ทั้ง 1Yr Forward PE Ratio และ P/BV ของ SET INDEX เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับ -1SD นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนระยะกลางถึงยาว น่าจะเริ่มทยอยเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 3-4% ต่อปี ช่วยจำกัด downside risk ในช่วงนี้ เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้น / เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
แม้ว่านักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองการประชุมเฟดในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ว่าเฟดจะให้ความเห็นอย่างไรต่อทิศทางเศรษฐกิจ / เงินเฟ้อ เพื่อชี้นำไปสู่ช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ เราเชื่อว่านักลงทุนทั่วโลกได้วางแผนปรับพอร์ตการลงทุนจากตลาดตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ไปแล้วตั้งแต่ต้นปี จะเห็นได้จากผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 5 ปี ปิดวานนี้ 0.6942% และ 2.2677% ตามลำดับ เทียบกับต้นปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 2.95bps สำหรับอายุ 2 ปี และ 15.72bps สำหรับ 5 ปี แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว อาจเกิดลักษณะเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ เข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง เพราะเป็นการยืนยันว่า เฟดเชื่อมั่นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างมีเสถียรภาพ
แต่ปัจจัยต่างประเทศดังกล่าว อาจมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด เพราะ ณ ปัจจุบัน นักลงทุนต่างกลับมาให้น้ำหนักกับการทยอยประกาศงบ 2Q58 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย เพื่อประเมินถึงโอกาสที่นักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับประมาณการปีนี้ลงอีกระลอกหรือไม่ หลังผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารใกล้เคียงคาด
และแนะนำให้ติดตามการเคลื่อนไหว การปรับครม.ทีมเศรษฐกิจที่มีเสียงเรียกร้อยจากฝั่งเอกชน มากขึ้น ณ ขณะนี้ หากได้ผู้เข้าร่วมทีมที่เป็นที่ยอมรับในเวทีเศรษฐกิจโลก เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนระยะกลาง กลับมาเลือกสะสมหุ้นในลักษณะ Bottom Fishing เน้นที่ประเด็นพื้นฐานการลงทุน และ/หรือ ผลตอบแทนปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4.0% เป็นเกณฑ์การเลือกหุ้นลงทุน ภายใต้ภาวะการลงทุนที่อ่อนแอในปัจจุบัน"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC/ INTUCH
Speculative buy: TIPCO
Accumulative Buy: ADVANC
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. ADVANC : ราคาปิด 248.00 บาท ราคาเหมาะสม 290.00 บาท
a) ADVANC จะรายงานงบ 2Q58 ในวันที่ 3 ส.ค. และคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q58 จะเติบโต +12.1% yoy เป็น 9.5 พันล้านบาท
b) คาดการณ์เงินปันผล 1H58 หุ้นละ 6.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.6% และทั้งปี 2558 หุ้นละ 13.16 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.2%
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากการประมูล 4G ทั้งคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ใน 4Q58 จะเป็นตัวปลดล็อกสัญญาสัมปทานเดิม และส่งผลบวกทั้งรายได้การให้บริการ Data ที่จะเร่งตัวขึ้นภายใต้ระบบ 4G และต้นทุนค่าธรรมเนียมลดลงจากเดิม
d) ให้เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มสื่อสาร
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. TIPCO : ราคาปิด 12.40 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 - 22.00 บาท***
a) ราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้ากว่าบริษัทร่วม โดย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้น TIPCO -8.8% เทียบกับ TASCO ที่ +0.8%
b) TIPCO ถือหุ้น 24.1% ใน TASCO ดังนั้น หากอิงราคาตลาดของ TASCO ที่ 24.20 บาท จะเทียบเท่า NAV ต่อหุ้น TIPCO หุ้นละ 18.56 บาท สูงกว่าราคาในกระดานของ TIPCO ณ ปัจจุบัน
c) คาดผลประกอบการ 2Q58 ของ TIPCO เติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทั้งทำระดับสูงสุดใหม่เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นที่รออยู่
d) ประเมินเบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ของ TIPCO ที่ 1,100 ล้านบาท เทียบเท่า EPS ราว 2.27 บาท ดังนั้น ราคาหุ้นของ TIPCO ปัจจุบันจะซื้อขายระดับ PER2558 เพียง 5.5 เท่า
e) หากอิง PE ที่ 8-10 เท่า จะได้ราคาเหมาะสมในช่วง 18.00 - 22.00 บาท
*** เนื่องจาก TIPCO ไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณในการลงทุนมากกว่าปกติ****
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิวันที่ 2 อีก US$454 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$511 ล้าน
ขายสุทธิแทบทุกตลาดยกเว้นตลาดเวียดนาม
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเร่งลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 2,739 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 5,411 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 38,559 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 6 เร่งขึ้นเป็น 3,632 สัญญา รวม 6 วันทำการ short สุทธิ 17,037 สัญญา คาดเป็นการเปิดสถานะ short ต่อเนื่อง กดดันให้ S50U15 ปิดต่ำกว่า Set50 Index กว้างถึง 18.27 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 16.40 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเท่ากับ 58,113 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ มากถึง 1,563 ล้านบาท สูงกว่า 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,199 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นอีก 1.48bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.21bps ปิดที่ 2.838%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,275 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,070 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นกลุ่มพลังงานและธนาคารเช่นเดิม
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,398 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 829 ล้านบาท ยังคงเน้นการลดน้ำหนักใน KBANK/ PTT เช่นเดิม สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 764 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 656 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 535 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 138 ล้านบาท
2. ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี ถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 160 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 104 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 127 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 226 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.55 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 2.79 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.81 แสนตำแหน่ง
ดัชนีชี้นำ เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% mom สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 0.2% mom แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.8% mom แนวโน้มตลาดบ้านที่แข็งแกร่ง อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวม
ยุโรป
พัฒนาการในกรีซ
สภากรีซ ผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฎิรูปเศรษฐกิจชุดที่ 2 ได้แก่หลักเกณฑ์การดูแลธนาคารพาณิชย์ที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อ และการเร่งรับขบวนการตัดสินของศาลยุติธรรม ด้วยเสียงสนับสนุน 230 จากทั้งหมด 300 เสียง โดยรัฐบาลได้รับเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้านอีกเช่นเคยในการโหวตครั้งนี้
จีน
ผู้นำจีนยืนยันเดินหน้าปฎิรูปเศรษฐกิจ: ประธานาธิบดี Xi Jinping ได้ร่วมประชุมกับผู้นำท้องถิ่น เพื่อชี้แจงแผนเศรษฐกิจแห่งชาติใน 5 ปีข้างหน้า และให้เป็นแนวทางเดียวกันในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะกลับมาเน้นการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม และโครงสร้างเศรษฐกิจใน 5 ปีข้างหน้า การปรับเปลี่ยนหน้าที่และโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ การตรวจสอบราคาพลังงาน และแนวทางการรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 7% ต่อปี
เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้อสิงคโปร์หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8: หดตัว 0.3% yoy ในเดือน มิ.ย. เท่ากับที่ Bloomberg Consensus คาดจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.4% yoy โดยราคาที่อยู่อาศัยและค่ารักษาพยาบาลที่ลดลง นอกจากนี้ยังเป็นการลดลง 0.1% mom ขณะที่ตลาดคาดคงที่ ด้าน Core Inflation เพิ่มขึ้น 0.2% yoy
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530