- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 July 2015 17:10
- Hits: 1424
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"มีเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q แต่ยังต้องระวังแกว่ง"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: GL (ดูรายละเอียดในหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : TDEX 41%, PS 23%, ESSO 21%, TTCL 20%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่เน้นซื้อบวก
Support Resistance Stop loss
SET 1460-1440 1480-1490 ค่าลบ
SET50 960-940 980-990 ค่าลบ
Technical Picks- Today: RCI, CK, INTUCH, BCP, BTS, LIVE, M
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ปรับลดลงและซื้อขายซบเซาเพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ ขณะเดียวกันก็กังวลกับผลประกอบการ 2Q58 ที่จะซบเซาเช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจ กลุ่มธนาคารพาณิชย์มี NPL เพิ่มขึ้นตามคาด แต่นักลงทุนก็ยังวิตกว่าอาจจะปรับขึ้นต่อใน 2H58 ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ปิดตลาดดัชนี -12.60 จุด ที่ 1466 จุด นักลงทุนสถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 1 พันล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนต่างชาติและพอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
ระยะสั้นคาดว่าตลาดจะผันผวนไปตามข่าวผลประกอบการไตรมาส 2/58 เพราะช่วงนี้เป็น Earning Season ของตลาดหุ้นทั่วโลก สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยรายงานกำไรออกมาแล้ว พบว่ากำไรก่อนสำรองฯดีกว่าคาด บ่งชี้ว่าธนาคารมีความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีในยามเศรษฐกิจซบเซา แต่ประเด็นที่ยังกดดันคือ ความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจจะด้อยค่าลงต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์คาดว่าหลายบริษัทจะมีกำไรเติบโตก้าวกระโดด เพราะฐานที่ต่ำในปีก่อนและมีรายได้ & กำไรจากธุรกิจในต่างประเทศด้วย เช่น GL ซึ่งอาจมีการเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นกัน ส่วนกลุ่มพลังงาน ระยะสั้นยังถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว กลยุทธ์ เลือกซื้อเก็งกำไรแบบหวัง Gap ไม่มาก เพราะภาพรวมตลาดยังเป็น Sideways down หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อเก็งกำไรวันนี้เป็น GL (ดูรายละเอียดในหน้า 2)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ แต่เน้นซื้อตามค่าบวก การปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1480-1490, 1500 การอ่อนตัวมีแนวเด้งที่ 1460-1440 หรือ 1420 สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่น่าสนใจเป็น BCP, BTS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น MIDA, CK, KAMART หุ้นที่หลุด List คือ FORTH, IRPC, TAE, VGI
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : ประธานเฟดสาขาเซ็นหลุยส์มองโอกาสเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.อยู่ที่ 50% จากปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 0-0.25% ทั้งนี้เฟดจะมีการประชุมรอบต่อไปวันที่ 28-29 ก.ค.58 ซึ่งความกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดกดดันราคาโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายในตลาด เช่น น้ำมัน, ทองคำ ฯลฯ รวมถึงทำให้การปรับขึ้นของตลาดหุ้นจำกัดลงด้วย
กรีซ : รัฐสภากรีซจะลงมติในวันพุธ 22 ก.ค.นี้เพื่อรับหรือไม่รับมาตรการปฏิรูปธนาคารและกระบวนการยุติธรรม ตามข้อตกลงที่นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับกลุ่มประเทศเจ้าหนี้ เพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือทางการเงินรอบที่ 3 วงเงินรวม 8.6 หมื่นล้านยูโร
กรีซ : ชำระคืนหนี้ IMF และ ECB แล้วเมื่อวานนี้ เป็นส่วนของ iMF เท่ากับ 2.05 พันล้านยูโร และของ ECB 4.2 พันล้านยูโร โดยใช้เงินกู้ระยะสั้นที่ได้วงเงินมา 7 พันล้านยูโรจาก EU มาชำระคืนหนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐ...เก็งกำไรผลประกอบการ ปิดตลาดดัชนีปรับขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี DJIA ปิด +0.08% ดัชนี Nasdaq ปิด +0.17% และดัชนี S&P500 ปิด +0.08% ทั้งนี้รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของมอร์แกน สแตนลีย์ และผลกำไรที่แข็งแกร่งของกลุ่มเทคโนโลยีหนุนตลาด
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวต่อ สัญญา WTI และ BRENT ปิด -0.74 และ 0.45 ดอลลาร์ ที่ 50.15 และ 56.65 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนยังกังวลปริมาณน้ำมันดิบของอิหร่านที่จะออกสู่ตลาดเพิ่มเมื่อประเทศชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
ทาง DBSV ได้วิเคราะห์ความอ่อนไหวของราคาเป้าหมายหุ้น PTTEP และ PTT บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบระยะยาวในระดับต่างๆ พบว่าเป็นดังนี้
ราคาน้ำมันดิบระยะยาว ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
(ดอลลาร์/บาร์เรล) PTTEP PTT
60 90 323
75 100 333
82 130 360
100 140 369
- ราคาทองคำดิ่งแรง โดยสัญญา COMEX ส่งมอบส.ค.ร่วงลง 25.1 ดอลลาร์ (-2.22%) ปิดที่ 1106.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยที่กดดัน คือ การคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ และความเสี่ยงเรื่องกรีซผ่อนคลายหลังตกลงกับเจ้าหนี้ได้แล้ว และคาดว่ารัฐสภาจะมีมติรับมาตรการปฎิรูปธนาคารในวันพุธนี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
PTT : ผลประกอบการ 2Q58 ใกล้เคียงกับ 1Q58 แม้ว่าจะมีกำไรจากการขายหุ้น BCP เข้ามาราว 4 พันล้านบาท แต่ก็มีผลขาดทุนจากธุรกิจสวนปาล์มในอินโดนีเซีย ส่วนการดำเนินงานที่ดีของโรงกลั่นและปิโตรเคมีถูกชดเชยด้วยกำไรที่ชะลอตัวของ PTTEP ซึ่งถูกกระทบจากผลขาดทุนใน FX และขาดทุนจากการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ผู้บริหารประเมินว่าธุรกิจต้นน้ำมีความท้าทายมากเพราะราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนและอาจทรงตัวต่ำจากปริมาณน้ำมันดิบของอิหร่านที่จะออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมันเติบโตน้อย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันดิบลดลงมามาก เป็นโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ โดยปัจจุบัน PTTEP มีเงินสดในมือราว 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการ Oil Sand ในแคนาดาที่ถูกกระทบจากราคาน้ำมันอ่อนตัว ทำให้โครงการให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้มาก บริษัทจึงเลื่อนการผลิตออกไป และยังไม่ได้สรุปว่าจะขายหรือหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมลงทุน อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ไม่มีผลกระทบต่องบการเงินของ PTTEP อีกเพราะได้มีการ Write off เงินลงทุนและ Swap สินทรัพย์ในส่วนที่ดำเนินการแล้วออกไปแล้ว คงเหลือแต่สินทรัพย์ที่ยังไม่ได้ดำเนินงานที่บริษัทถือครองไว้เพื่อรอเวลาอันเหมาะสมที่จะลงทุน DBSV แนะนำถือ PTT โดยให้ราคาพื้นฐาน 360 บาท
+/- ค่ายรถยนต์เตรียมชงให้รัฐบาลปลดล็อกเกณฑ์โครงการรถคันแรก โดยให้เปลี่ยนมือได้ก่อนครบ 5 ปี...เรามองว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจริงจะเป็นบวกกับค่ายรถยนต์ที่จะขายรถใหม่ได้มากขึ้น แต่เป็นลบกับผู้ประกอบการรถมือสองที่มีสต็อกมากเพราะราคารถมือสองจะลดลงได้อีกจากอุปทานในตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจไฟแนนซ์จะได้รับผลดีและลบเพราะปล่อยกู้รถใหม่ได้มากขึ้น แต่ก็จะขาดทุนจากรถที่ยึดมาขายทอดตลาดมากขึ้น
+ GL : คาดกำไรสุทธิ 2Q58 เติบโตก้าวกระโดดอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจในกัมพูชาเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง และฐานกำไรสุทธิที่ต่ำเพียง 7 ล้านบาทใน 2Q57 ทั้งนี้บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q58 เท่ากับ 110 ล้านบาท เราคาดกว่าใน 2Q58 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ QoQ ซึ่งจะเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับ Key Growth ของปี 58-59 เป็นการเติบโตของธุรกิจในกัมพูชา (มีความเสี่ยงด้าน NPL ต่ำเพราะผู้ที่เข้ามากู้มีฐานะการเงินดี และมี LTV อยู่ที่ 50-60%) คาดว่าสัดส่วนกำไรของธุรกิจจากกัมพูชาจะเพิ่มเป็น 40% ของกำไรรวมในปี 58 (จาก 15% ในปี 57) ส่วนใบอนุญาตทำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในลาวได้รับแล้วเมื่อพ.ค.58 และคาดว่าจะทำกำไรได้ชัดเจนตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป ในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำซื้อเก็งกำไร GL โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไรสุทธิใน 2Q58 และทั้งปี 58 เพราะฐานต่ำในปีก่อน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]