- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 July 2015 16:32
- Hits: 1137
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งลง กังวลเศรษฐกิจ + บาทอ่อน ยังกดดันตลาด
KGI คาด SET วันอังคารผันผวนอิงทางลง (วานนี้หุ้นแย่กว่าคาด ตามแรงขายจากฝั่งกองทุน) ความกังวลต่อเงินบาทอ่อนเร็ว หลังเศรษฐกิจไทยชะลอมาก + มุมมองเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะกดดันหุ้นกลุ่มหลักต่อไป ขณะที่ปัจจัยบวกจากฝั่งกรีซได้รับรู้ไปแล้ว โดยเมื่อวานกรีซได้ชำระหนี้ให้ ECB และหนี้ที่ค้างจ่ายให้ IMF เรียบร้อย และเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนปฎิรูปการคลังขนานใหญ่เพื่อรับความช่วยเหลือมูลค่า 8.6 หมื่นล้านยูโรในช่วง 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้หลังปรับประมาณการกำไรใหม่ คาด EPS ของ SET สิ้นไตรมาส 3/58 และสิ้นปี 2558 ที่ 88.0 และ 92.5 ตามลำดับ และเรามองระดับ downside ของ SET ไตรมาส 3/58 กรณีปกติที่ 1,450 จุด (อิง PE 16.5 เท่า * 88.0 จุด) และกรณีแย่ที่ 1,407 จุด (อิง PE 16.0 เท่า * 88.0 จุด)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร SCC* / รับเสี่ยงได้เก็งกำไร UWC
SCC* (เป้าพื้นฐาน 575 บาท) 1) แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรโต 22% YoY (แต่ลดลง 8.5% QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาล) 2) คาดรูปแบบราคาเริ่มสร้างฐาน ที่บริเวณ ±510 บาท หากวันนี้ดีดพ้นแนวต้าน 518 บาท ได้ จะเป็นการ Break เทรนด์ไลน์ขาลง แนะนำ “เก็งกำไร” 3) หุ้น TPIPL ถูกประเด็นลบเรื่องคดีความกับกระทรวงอุตสาหกรรมฯ ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนจะเปลี่ยนตัวเล่นมาที่ SCC* ที่มีธุรกิจปูนซีเมนต์และปิโตรเคมี ใกล้เคียงกัน
UWC (ยังไม่มีเป้า Consensus) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ (ฝ่ายวิจัยฯยังไม่ออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” UWC 1) รูปแบบราคา Invert Head&Shoulder วานนี้ราคาปิด 0.64 บาท ทดสอบแนวรับบริเวณไหล่ หากไม่ต่ำกว่านี้คาดมีแรงดีดขึ้นทดสอบต้านสั้นที่ 0.76 บาท ... Stop loss < 0.63 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานจากการเข้าพบผู้บริหารสัปดาห์ที่แล้ว ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจหลัก (งานโครงสร้างเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสา 3G+4G) โตเด่นใน 1 – 3 ปีนี้ (คาดรายได้งานเสาฯ ปีนี้ ±550 ล้านบาท และเพิ่มเป็น ±1 พันล้านบาทในปีหน้า) 3) ธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าชีวมวลขณะนี้ 9.9MW เตรียม COD ไตรมาส 3/59 และเตรียมยื่นประมูล FIT Bidding ปลายเดือนนี้อีก 40MW (ตามอุปทานไม้ที่พันธมิตรมี) และอยู่ระหว่างปิดดีลซื้อหุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD ไปแล้วเพิ่มเติมอีกหลายโรง (เป็น Upside risk ที่จะได้ข้อสรุปภายบางส่วนในไตรมาส 3/58 และในไตรมาส 4/58 นี้ ซึ่งอาจจะใช้วิธีเพิ่มทุนแลกหุ้น + จ่ายเงินสด) … เบื้องต้นหากทำได้ตามแผนฯ คิดเป็นมูลค่าราว 0.7 – 0.8 บาท/หุ้น (จากเป้าซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล ±125MW) 4) วานนี้ประกาศซื้อ DIMET ร่วมกับพันธมิตรอีกรายในสัดส่วน 49% (โดย UWC จะถือ 24.5%) ต่อยอดธุรกิจหลักของ UWC
... หุ้นลงทุนระยะ 3 – 6 เดือน (BANPU*, SAMART*) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานถึงจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวใน 2H58 ต่อเนื่องใน 1H59 โดย i) BANPU* มีประเด็นบวกรออยู่คือการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าหงสา + เตรียมนำ บ.ลูก (ธุรกิจโรงไฟฟ้า) เข้า IPO ต้นปีหน้า ii) SAMART* ราคาหุ้นอ่อนแอเนื่องจากนักลงทุนกังวลงบไตรมาส 2/58 จะอ่อนแอ (Consensus คาดไว้แล้ว) วันศุกร์นี้จะมีประชุมนักวิเคราะห์พรีวิวงบไตรมาส 2/58 คาดหลังพรีวิวงบออกจะเป็นการจบข่าวร้าย แนะนำ “ซื้อสะสม” ประเมินพ้นจุดต่ำสุด และเริ่มฟื้นตัว (งบภาครัฐฯจะเริ่มประมูลปลายไตรมาส 3/58 + รอข้อสรุปโรงไฟฟ้าถ่านหินและชีวมวล)
… TSR (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 9.5 บาท) แนะนำ “ซื้อสะสม” 1) การประปานครหลวงเผยน้ำประปาในพื้นที่คลองประปาฝั่งตะวันออก ในช่วงที่เกิดภัยแล้งนี้จะมีรสกร่อยเนื่องจากน้ำทะเลหนุน + ไม่มีน้ำจืดมาไล่น้ำเค็ม (ตามคาด) เป็นโอกาสในขายเครื่องกรองน้ำรุ่น Reverse Osmosis (ในประมาณการฯของเราไม่ได้รวมอานิสงค์เรื่องน้ำกร่อย) 2) คาดไตรมาส 2/58 กำไร ±30 ล้านบาท (+20% QOQ), ไตรมาส 3/58 คาดได้อานิสงค์จากภัยแล้ง (น้ำประปาเป็นน้ำกร่อย) และไตรมาส 4/58 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายแอร์ยี่ห้อ เฟดเดอร์
… IFEC (เป้าพื้นฐาน 16.6 บาท ... Best Case 26.4 บาท) แนะนำ “สะสม” ต่อ ราคาหุ้นย่อตัวลงมาที่บริเวณแนวรับหลักเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (EMA) ที่ ±11 บาท เป็นโอกาสสะสม คาดเตรียมประกาศข่าวบวกเพิ่มเติมภายในเดือน ส.ค. – ก.ย. นี้ (ล่าสุดร่วมมือกับทางทหารเรือพัฒนาโซลาร์สหกรณ์) และล่าสุดจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร โครงการปากพนังเฟสที่ 1 (10MW) เตรียมทดสอบระบบแล้ว พร้อม COD เดือน ก.ย. และคาดจะเริ่มเดินหน้าก่อสร้างเฟสที่ 2 (10MW) ต่อเนื่อง
… กลุ่มสื่อสาร (ADVANC*, INTUCH*) กสทช มีมติเห็นชอบการประมูล 4G ในเดือน พ.ย.58 i) ADVANC* (เป้า Consensus 257 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 250 บาท แนวต้านสั้น 253 บาท หากไม่พ้นขายล๊อกกำไรก่อน (หากดีดพ้นได้ประเมินจุดขายล๊อกกำไรที่ 257 บาท) ii) INTUCH* (เป้า Consensus 95 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 81 บาท แนวต้านสั้น 82 บาท หากไม่พ้นขายล๊อกกำไรก่อน (หากดีดพ้นได้ประเมินจุดขายล๊อกกำไรที่ 84 บาท)
… หุ้นอื่นที่แนะนำก่อนหน้า 1) PACE (เป้าพื้นฐาน 4.9 บาท) 1) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 2.8 บาท (หากต่ำกว่า 2.8 แนะนำ Stop loss) 2) BJCHI* (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 7.30 บาท มีโอกาสทดสอบต้านถัดไปที่ ±8 บาท (หากต่ำกว่า 7.3 บาท อาจพิจารณาขายล๊อกกำไร) 3) TKS (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 12 บาท) หากวันนี้ต่ำกว่า 9 บาท แนะนำ Stop loss ก่อน 4) PLANB (เป้า Consensus 5.9 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 6.2 บาท แนวต้านสั้น 6.4 บาท หากผ่านได้แนวต้านถัดไป ±6.7 บาท 5) SOLAR (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” คาดราคาฟื้นตัวหลัง Panic Sell และรอข่าวการเปิดประมูลโซลาร์สหกรณ์ 800MW (ส.ค.58 เปิดรายละเอียด และเริ่มให้ยื่นประมูลเดือน ต.ค.58) Stop loss ถ้าหลุด 14.5 บาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: BJCHI*, SCC*, KTB*, SAMART*, BANPU*
พอร์ตเก็งกำไร: IFEC, TSR, PLANB
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
SCB* แนะนำ “ถือ” เป้าพิ้นฐาน 160 บาท รายงานกำไรไตรมาส 2/58 เท่ากับ 1.32 หมื่นล้านบาท (+0.5% QoQ แต่ลดลง -10% YoY) ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด 6% และดีกว่าที่ Consensus คาด 4%
KKP* แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 36 บาท รายงานกำไรไตรมาส 2/58 เท่ากับ 750 ล้านบาท (+13% QoQ และ +19% YoY) ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาดถึง 17% และดีกว่า Consensus คาด 5%
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
สนามบินดอนเมืองกลับมาใช้วิธีตรวจสัมภาระผู้โดยสารแบบเดิม หลังจากที่ปรับมาตรการตรวจสอบเป็นแบบเข้มข้นเป็นเวลา 4 วัน แต่ประสบกับปัญหาผู้โดยสารมีอยู่ในสนามบินจำนวนมาก (บางกอกโพสต์) เราเห็นว่า มาตรการใหม่ที่ทางการนำมาใช้ตรวจสอบสัมภาระเป็นสิ่งที่ดีในแง่ความปลอดภัยในภาพรวม อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อม เพื่อรองรับกับการตรวจสอบครั้งใหม่ของ ICAO ซึ่งการเริ่มต้นเป็นสัญญาณที่ดี แต่ข้อจำกัดของสนามบินดอนเมืองในขณะนี้ ทำให้มาตรการใหม่ยังไม่เหมาะสมที่จะนำมาปฏิบัติ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารมีอยู่จำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นช่วง low season ของการท่องเที่ยวโดยปกติของปีก็ตาม แต่สถานการณ์ในปีนี้ถือว่า ค่อนข้างแตกต่างจากปีก่อนๆ ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมที่เราคาดว่า ทางการไทยจะนำมาตรการตรวจสัมภาระที่เข้มงวดควรจะเป็นช่วงเดือน ก.ย.58 เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 จะเปิดให้บริการ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เรายังคงแนะนำซื้อหุ้น AOT* และ AAV* โดยมีราคาเป้าหมาย 345 และ 6.36 บาท ตามลำดับ
(+) ประจินไฟเขียว ขสมก. เซ็น CHO เดินหน้างานจัดหารถเมล์ NGV (ข่าวหุ้น) “ประจิน” ไฟเขียวขสมก.เซ็นสัญญา CHO จัดหารถเมล์ NGV 489 คัน ล่าสุดรักษาการผอ.ขสมก.รายงานผลสอบข้อร้องเรียนแล้ว สรุปว่ากระบวนการประมูลถูกต้อง ไร้ข้อกังขา
(+) SAMART* ฮุบงานกฟน.436 ล้าน (ข่าวหุ้น) "SAMART" คว้างานกฟน. มูลค่า 435.75 ล้านบาท ก่อสร้างสถานีไฟฟ้าต้นทางพระนครใต้ จ.สมุทรปราการ ทยอยรับรู้รายได้จนกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จสิ้นปี 2559 หนุนครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
(+) PPP ฮุบงานมอเตอร์เวย์ภัยแล้งดันกำไร 3 ปีซ้อน (ทันหุ้น) PPPควงแขนรับเหมาใหญ่โกยงานระบบผนังกันเสียงมอเตอร์เวย์ 3 สาย มูลค่าราว 1.6 แสนล้านบาท ฉายภาพ 3 ปี ผลงานเทิร์นอะราวด์ยาว หลังธุรกิจทุกภาคส่วนพุ่งพรวด แย้มวิกฤติภัยแล้งหนุนความต้องการระบบสำรองน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียทะลัก สบช่องลุ้นคว้างานจัดการน้ำภาครัฐ พร้อมสยายปีกลุยงานน้ำต่างประเทศทำเงิน
(+) EMC ฮุบงานรถไฟฟ้า 2 พันล. พลิกกำไรแรง-สอยเข้าพอร์ต (ทันหุ้น) EMC ซิวงานสร้างสถานีรถไฟฟ้ามูลค่าเกือบ 2 พันล้านบาทคาดเซ็นสัญญาช่วงครึ่งหลังปีนี้ ส่งซิก Q2/2558 งบพลิกเป็นกำไรจาก Q1/2558 ที่ขาดทุนราว 23.81 ล้านบาท หลังงานรอบุ๊กอื้อ-โครงการอสังหาหนุน ด้านเอ็มดี "ศิริพงศ์ ว่องวุฒิพรชัย" มั่นใจปี 2558 ผลงานเทิร์นอะราวด์โปรเจ็กต์เรียงคิวส่งมอบเพียบ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยต้าน 1470 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่าต้าน 1470 จุดนั้น อาจรักษาแรงกดลงสู่รับ 1455 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1470 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นทดสอบต้าน 1484 จุด
แนวรับวันนี้: 1465/1455 แนวต้านวันนี้: 1470/1484
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]