- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 July 2015 17:58
- Hits: 1702
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ยังไม่ทิ้งภาพ Sideways down; ซื้อ/ถือค่าบวก"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: CK
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : GLOBAL 43%, TTCL 33%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่เน้นซื้อบวก
Support Resistance Stop loss
SET 1460-1440 1485-1490 ค่าลบ
SET50 960-940 980-990 ค่าลบ
Technical Picks- Today : RCI, THANI, INTUCH, ADVANC, KAMART, CEN, SANKO
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index อ่อนตัวลงพียงเล็กน้อย 1.95 จุด ปิดที่ 1479.31 การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาเพราะนักลงทุนรอดูตัวเลขผลประกอบการ 2Q58 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง TISCO, KBANK และ TMB รายงานออกมาแล้วพบว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองฯ (Pre provision profit) เติบโตดีกว่าคาด ส่วนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันดิบ กลุ่มที่ปรับขึ้นดีเป็นสื่อสาร นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
ในต่างประเทศไม่มีประเด็นใหม่ นอกจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งพบว่ากลุ่มเทคโนโลยีมีกำไรดีกว่าคาด ทำให้ดัชนี Nasdaq ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และ Outperform ดัชนี DJIA และ ดัชนี S&P500 อย่างชัดเจน ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตอบรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปีนี้ ส่วนในประเทศมีรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ยังมีกำไรก่อนสำรองแข็งแกร่งและดีกว่าคาด แต่การตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูงทำให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายอ่อนแอลง ด้าน NPL เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนานกว่าคาด โดยภาพรวม ดูว่าความสามารถในการทำกำไรยังดีเกินคาดแต่นักลงทุนยังกังวลกับการด้อยค่าของสินทรัพย์ การปรับขึ้นของราคาหุ้นจึงอาจมีระยะทางจำกัด ส่วนกลุ่มอื่นๆ คาดว่าจะไม่สดใสมากนักโดยเฉพาะที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศ กลุ่มพลังงานมีกำไรจากสต็อกต่ำกว่าไตรมาส 1/58 และมีขาดทุนจาก FX เพราะบาทอ่อน กลุ่มปิโตรเคมีดูดีกว่าพลังงาน (หุ้นเด่น IVL) ส่วนกลุ่มขนส่งมีขาดทุนจาก FX จำนวนมาก กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมอ่อนลง QoQ แต่เติบโตก้าวกระโดด YoY เพราะฐานที่ต่ำในปีก่อนที่มีปัญหาการเมือง กลยุทธ์ เลือกซื้อเก็งกำไร แบบหวัง Gap กำไรไม่มาก เพราะภาพรวมตลาดยังเป็น Sideways down
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ แต่เน้นซื้อตามค่าบวก การปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1485-1490, 1500 การอ่อนตัวมีแนวเด้งที่ 1460-1440 หรือ 1420 สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่น่าสนใจเป็น CK, VGI, KAMART ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น MIDA, FORTH, IRPC, TAE ไม่มีหุ้นที่หลุด List ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TVO, INTUCH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ จีน : เศรษฐกิจ 2Q58 ขยายตัว 7%YoY เท่ากับ 1Q58 และดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.9%YoY
สหรัฐ : ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3%MoM ในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและอาหารที่ทะยานขึ้น และเพิ่ม 0.1%YoY ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
+ สหรัฐ : ตัวเลขการเริ่มก่อสร้างบ้านของเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 9.8%MoM สู่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.11 ล้านยูนิต
+/ ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น หลังกูเกิลรายงานกำไร 2Q58 แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมไม่ได้ปรับตัวแข็งแกร่งนัก เนื่องมาจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุและกลุ่มสาธารณูปโภค แม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐวันศุกร์ออกมาในเชิงบวกก็ตาม
ราคาน้ำมันดิบแกว่งแคบ...รอดูอิหร่าน โดยสัญญา WTI และ BRENT วันศุกร์ปิดค่อนข้างทรงตัวที่ 50.89 และ 57.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ตลาดจับตาความเคลื่อนไหวของอิหร่าน ว่าหลังจากที่บรรลุข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์กับ 6 ประเทศขนาดใหญ่ของโลกแล้ว จะมีการส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้นเพียงไร ทั้งนี้อิหร่านมีกำลังการผลิตที่พร้อมจะออกสู่ตลาดโลกได้อีกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน
- ราคาทองคำอ่อนลง โดยสัญญา COMEX ส่งมอบเดือนส.ค.58 ลดลง 12 ดอลลาร์ ปิดที่ 1131.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยออกมาดี และคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปี2558 นี้
+ สภาพภูมิอากาศภาคกลางของสหรัฐเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยอากาศกลับมาแห้งและอบอุ่นขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าฝนอาจสร้างความเสียหายให้กับธัญพืชไม่มาก (เดิมคาดว่าฝนจะทำให้การเก็บเกี่ยวล่าช้า) สัญญาข้าวสาลี, ข้าวโพด และถั่วเหลืองเดือนที่ใกล้ส่งมอบในตลาด CBOT เมื่อคืนวันศุกร์อ่อนตัวลง 1.5%, 2.2% และ 0.5% ตามลำดับ
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองที่อ่อนลงเป็นข่าวบวกกับ CPF, GFPT โดยทำให้แรงกดดันด้านต้นทุนของธุรกิจอาหารสัตว์ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสภาพภูมิอากาศและปริมาณผลผลิตของประเทศผู้ผลิตสำคัญอย่างสหรัฐ, จีน, อเมริกาใต้ อย่างใกล้ชิดต่อไป
อย่างไรก็ดี คาดว่าผลประกอบการใน 2Q58 ของ CPF และ GFPT จะอ่อนลงมาก 50-60% เมื่อเทียบ YoY เพราะอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำลงทั้งจากราคาในประเทศที่ยังไม่สูงเนื่องจากกำลังซื้อซบเซา และราคาส่งออกถูกต่อรองมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ปริมาณสต็อกของผู้ประกอบการอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้มีต้นทุนในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงคือ ผู้ประกอบการบางรายอาจนำสินค้าในสต็อกออกมาดัมพ์ราคาเป็นระลอกๆ ถ้าอุปสงค์ยังอ่อนแอมากขณะที่ปริมาณการผลิตของฟาร์มออกมาต่อเนื่อง กลยุทธ์ เน้นการซื้ออ่อนตัวเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
- เห็นข่าวการลด/ปลดแรงงานมากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องนานกว่าคาด ล่าสุดมีข่าวว่าบริษัทซัมซุงอิเล็คโทร-แม็คคานิคส์ จ.นครราชสีมา ประกาศเลิกจ้างพนักงานรวมกว่า 1,800 คน เพื่อย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า และยังมีบริษัท SME ขนาดเล็กอีกเป็นจำนวนมากที่ปิดตัวลงในจังหวัดต่างๆ
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : การปลดหรือลดคนงาน รวมถึงการปิดตัวของธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดเล็กต่างๆ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและภาวะภัยแล้ง มีโอกาสส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มรากหญ้า ซึ่งปัจจุบันมีการกู้ยืมจากบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ มากขึ้นทั้งในรูปแบบของเช่าซื้อและจำนำสินทรัพย์ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ธุรกิจไฟแนนซ์จะมี NPL เพิ่มขึ้น และมีผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ที่ยึดมามากขึ้น ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้อาจต้องตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์และมีการ Write off มากขึ้น ซึ่งทำให้ผลประกอบการปี 58 และปี 59 อาจต่ำกว่าที่ได้ประมาณการกันไว้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังไม่ได้สูงและรุนแรงจนถึงกับวิกฤต เพียงแต่บริษัทต่างๆ ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น ระยะสั้นราคาหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์จะยังผันผวนเพราะความวิตกกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจอ่อนแอ แต่เมื่อมีสัญญาณที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจ หุ้นกลุ่มนี้ก็พร้อมจะพลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว จึงควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
+/ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ผลประกอบการ 2Q58 ที่ออกมานั้นดีกว่าคาด โดยในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองค่าเผื่อฯ เพิ่มขึ้นดีกว่าที่ประเมินไว้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ (KBANK, TMB) มีการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สูง ทั้งรายได้จากธุรกิจประกัน, กำไรในพอร์ตตราสารหนี้, รายได้จากธุรกิจกองทุน ส่วนรายได้ดอกเบี้ยประคองตัวไปได้ ส่วนธนาคารขนาดเล็ก (TISCO) มีต้นทุนทางการเงินลดลงทำให้ NIM ขยับขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายลดลงเพราะการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูงขึ้น เนื่องจาก NPL เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ระยะสั้นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีสิทธิเด้งขึ้นจากกำไรปกติของธุรกิจออกมาดีกว่าคาด บ่งชี้ถึงความสามารถในการบริหารจัดการของธนาคารต่างๆ อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลกับการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่จะมีอยู่ตราบที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอ จะ กดดันให้ระยะทางของการปรับขึ้นนั้นจำกัด (ลึกๆ ก็ยังกังวลว่าลูกหนี้ที่พยายามประคับประคองกันมาหลายๆเดือนจะกลายเป็น NPL หรือไม่ ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น) กลยุทธ์ เก็งกำไรรอบสั้น ไม่ควรหวัง Gap กำไรมาก ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยซื้อสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว (ไม่ซื้อไล่ราคาเมื่อไม่เห็นสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจ)
TUF กำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 6:1 @ 16 บาท จองซื้อ 20-24 ก.ค.58 เพื่อนำไปซื้อ Bumble Bee โดยหากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรร R/O จะนำไปเสนอขายแบบ PP เพื่อให้ได้เงินครบตามจำนวนที่ต้องการคือประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับ Dilution effect จากการเพิ่มทุนครั้งนี้อยู่ที่ 14.3% นับว่าไม่มาก..ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ยังคงแนะนำซื้อลงทุนใน TUF โดยคาดว่าความสามารถในการทำกำไรระยะยาวจะแข็งแกร่งขึ้นหลังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายระดับโลก บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดีทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]