- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 July 2015 17:29
- Hits: 4654
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ยังต้องระวังผันผวน"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: TCAP (ดูรายละเอียดใน Sector Focus)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : SAWAD 19%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1500,1510-1520 หลุด 1480
SET50 ซื้อค่าบวก 990-1000 หลุด 980
Technical Picks- Today : KTB, THANI, LPN, RATCH, TTA, IVL, SIAM, MIDA
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นรับข่าวที่ว่ากรีซสามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้แล้ว แต่ก็เป็นจังหวะ Take Profit ของนักลงทุนรายย่อยที่ได้มีการซื้อจังหวะอ่อนตัวไปหลายวันก่อนหน้า (รายย่อยขายสุทธิ 1.6 พันล้านบาท) และเป็นจังหวะขายปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติอีกรอบ (ต่างชาติขายสุทธิ 1.1 พันล้านบาท) ส่วนสถาบันในประเทศเป็นกลุ่มนำซื้อสุทธิ 2.3 พันล้านบาท ด้านพอร์ตบล.ซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อย
กรีซบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้แล้ว โดยทางยูโรกรุ๊ปจะให้เงินช่วยเหลือธนาคารกรีซ 2.5 หมื่นล้านยูโร และจะให้เงินกู้งวดใหม่กับรัฐบาลกรีซ 8.6 หมื่นล้านยูโรถ้ารัฐบาลกรีซยอมดำเนินการตามมาตรการรัดเข็มขัดในไม่กี่วันนี้ ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปตอบรับข่าวในทางบวก แต่ต ราคาทองคำ COMEX เมื่อคืนนี้และตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ปรับขึ้นไม่มาก เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลอินดิเพนเดนท์ของกรีซประกาศไม่ยอมรับข้อตกลงระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ และนักลงทุนยังกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปลายปีนี้ นอกจากนั้นนักลงทุนสถาบันระดับโลกส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging & Developing Market) เป็น Underweight เนื่องจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไม่น่าจูงใจ สำหรับปัจจัยในประเทศ มีประเด็นเรื่องผลประกอบการ 2Q58 ซึ่งกลุ่มแบงค์จะทยอยรายงานออกมาก่อน แล้วตามด้วย Real Sectors ซึ่งเราคาดว่ากำไร 2Q58 ของธนาคารจะอ่อนแอเพราะตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น ธนาคารส่วนใหญ่จะมีกำไรลดลง ยกเว้น TCAP ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้ เพราะมีการตั้งสำรองฯไปมากใน 2Q57 เราจึงแนะนำซื้อเก็งกำไรรอบสั้นใน TCAP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวกหรือซื้อเหนือ 1480 การปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1500, 1510-1520
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่น่าสนใจเป็น AOT, MTLS, TTA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น TPOLY, CPN หุ้นที่แนะนำไปแล้ว & ราคาได้ปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่หาจังหวะขายทำกำไร คือ BCP, MCS
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ กรีซ : จะได้เงินกู้งวดใหม่จำนวน 8.6 หมื่นล้านยูโรจากประเทศกลุ่มผู้นำยูโรโซน หากรัฐบาลกรีซยินยอมดำเนินการตามมาตรการรัดเข็มขัดภายในไม่กี่วันนี้ ทั้งนี้กรีซสามารถบรรลุข้อตกลงการรับความช่วยเหลือด้านการเงินกับเจ้าหนี้ในที่สุด และนายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวว่าจะมีการให้เงิน 2.5 หมื่นล้านยูโร เพื่อเพิ่มทุนแก่ธนาคารต่างๆของกรีซ
- กรีซ : พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมรับข้อตกลงของกรีซกับเจ้าหนี้ นายกรัฐมนตรีซีปราสกำลังประสบปัญหาภายในรัฐบาลผสม โดยพรรคร่วมรัฐบาลอินดิเพนเดนท์ไม่ยอมรับข้อตกลงระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปพุ่งขึ้นกว่า 1% ตอบรับการที่กรีซตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ในที่สุด ปัจจัยจับตา คือ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้จะมียอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนลงจากภาวะอุปทานสูง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบส.ค.58 ลดลง 0.54 และ 0.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.2 และ 57.85 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดันโดยรายงานที่ระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 283,000 บาร์เรลเป็น 31.38 ล้านบาร์เรล/วัน กลุ่มโอเปกปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มนอกโอเปกในปีนี้เป็น 860,000 บาร์เรล/วัน (เพิ่มจากเดิม 18,000 บาร์เรล)เป็น 57.39 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนในปี 59 คาดว่าจะผลิตเพิ่ม 300,000 บาร์เรล/วันเป็น 57.69 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนั้นกลุ่มโอเปกได้ประมาณการอุปสงค์น้ำมันดิบปี 58-59 ของโลกไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.28 ล้านบาร์เรล/วัน และ 1.34 ล้านบาร์เรล/วัน
/+ ตลาดน้ำมันดิบ : การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์อิหร่านยังไม่บรรลุข้อตกลงในการประชุมเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) หลังจากเลื่อนกำหนดเส้นตายมาแล้ว 3 ครั้งเมื่อ 30 มิ.ย., 7 ก.ค. และล่าสุด 12 ก.ค.เป็น 13 ก.ค. ซึ่งรมว.ต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่าอาจยังไม่ได้ข้อสรุประยะใกล้นี้
/- สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดอ่อนลง 2.5 ดอลลาร์ที่ 1155.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังกรีซตกลงกับเจ้าหนี้ได้ ซึ่งลดลงไม่มาก บ่งชี้ว่านักลงุทนในตลาดทองคำยังกังวลความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในช่วงปลายปีนี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
บอร์ดธ.ก.ส.อนุมัติสินเชื่อ 6 หมื่นล้านบาทช่วยเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยรมว.คลังคาดว่าปัญหานี้จะกระทบ GDP ไทยไม่เกิน 0.5% และในวันนี้จะส่งแนวทางแก้หนี้นอกระบบของประชาชนให้ครม.พิจารณา
สำหรับปัญหาภัยแล้งในเขตจ.ปทุมธานีอาจส่งกระทบกับการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ ซึ่งผู้ผลิตหลักคือ PTW (บริษัทย่อยของ TTW) และการประปาภูมิภาค - ฝ่ายวิจัยฯ DBSV กำลังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลจากทาง TTW
วันนี้ครม.พิจารณาโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้น ที่ประชุมครม.วันนี้จะมีการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 3 เส้นทาง คือ บางปะอิน-โคราช 196 กม.วงเงินลงทุน 8.46 หมื่นล้านบาท, บางใหญ่-กาญจนบุรี 96 กม. วงเงิน 5.562 หมื่นล้านบาท และพัทยา-มาบตาพุด 32 กม. วงเงิน 2.02 หมื่นล้านบาท โดย 2 โครงการแรกใช้เงินกู้ในประเทศ ส่วนสายพัทยา-มาบตาพุดใช้เงินจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดยเส้นนี้จะเริ่มเปิดประมูลได้ทันทีหลังครม.อนุมัติ ส่วนอีก 2 เส้นจะใช้เวลาเตรียมงานก่อนประมูล 3 เดือนคาดเปิดประมูลได้ใน 4Q58 ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 2.5 ปีนับตั้งแต่เซ็นสัญญา (เราประเมินว่างานก่อสร้างจะเป็นช่วงปี 59-62 )
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เราประเมินว่าเม็ดเงินจากการลงทุนขนาดใหญ่จะยังไม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากในปี 58 (ซึ่งล่าช้าจากที่เคยประเมินไว้ว่าจะเริ่มเข้าตั้งแต่ 2H58) โดยจะเริ่มมาเข้าในปี 59 เป็นต้นไป เนื่องจากโครงการลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาและเตรียมงานเอกสาร และแม้ว่าบางโครงการจะเปิดประมูลได้ใน 2H58 แต่หลังประมูลก็ต้องมีระยะเวลาของการเจรจาต่อรองราคา เตรียมงานเอกสารสัญญาและเซ็นสัญญา ซึ่งใช้เวลาเป็นหลักเดือนหรือมากกว่า ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง (รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ) เน้นเป็นการซื้อสะสม/ถือลงทุนระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่นเป็น CK, STEC, PYLON, SCC
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ผลประกอบการ 2Q58F อ่อนแอจากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้น หลังจากทำ Preview ผลประกอบการ 2Q58F ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของกลุ่มลง 11% ยังผลให้กำไรสุทธิปี 58F จะหดตัวจากปีก่อน (-8%YoY) โดยธนาคารที่ถูกปรับลดประมาณการลงมากจะเป็น TMB (-33% จากประมาณการเดิม) และ KBANK (-15% จากคาดการณ์เดิม) โดยสมมติฐานที่อ่อนลงจากเดิมเป็น 1) การเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำลง, 2) Credit Cost เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ 3) การขยายตัวของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยน้อยลงจากเดิม ซึ่งทั้งหมดเป็นการสะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยที่ซบเซายาวนานกว่าคาด สำหรับสินเชื่อของกลุ่มในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3% เท่านั้น เพราะธนาคารต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ และปรับกลยุทธ์ไปเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น แม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะอ่อนลงตอบรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นไปแล้วพอควร แต่ความวิตกกังวลกับการด้อยค่าของคุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีอยู่ (ไปจนกว่าจะเห็นสัญญาณการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจแบบมีนัยสำคัญ)
ในเชิงกลยุทธ์การลงุทน : ทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวใน KBANK, BBL, SCB ส่วนการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q58 มองว่า TCAP เด่น เพราะเป็นธนาคารเดียวที่จะมีการเติบโตของกำไรเมื่อเทียบ YoY และ QoQ หลังจากตั้งสำรองฯไปมากใน 2Q57
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]