- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 July 2015 16:15
- Hits: 1510
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปทดสอบ 1,490 จุด นำโดยกลุ่มธนาคารเช่นเดียวกับวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่าง KBANK / SCB / BBL อีกทั้งที่ประชุมยูโรซัมมิทได้ตกลงเห็นชอบการช่วยเหลือกรีซ ทำให้บรรยากาศรอบบ่ายเด่นต่อเนื่อง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 5.75 จุด มาอยู่ที่ 1,490.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,766 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาเป็นกลางวันที่ 2 แม้คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,116 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 6,920 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 มากถึง 5,151 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุมครม. วันนี้จะมีการพิจารณาโครงการมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง
ติดตามรัฐบาล และ สภาฯ กรีซ เพื่อพิจารณาร่างกฎหมาย ตามเงื่อนไขที่อียูกำหนด จะทันกับเส้นตายวันพรุ่งนี้หรือไม่
การพิจารณาผลการตรวจสอบนิวเคลียร์ของอิหร่าน เลื่อนอีกครั้งมาเป็นวันนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น "กลาง" วันที่ 7 และประเมินกรอบแกว่างของ SET INDEX ระหว่าง 1,480-1,500 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
เราตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น / กลุ่มหลัก ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงจนเกิด Valuation ที่น่าสนใจ จะเกิดแรงซื้อกลับ รวมถึง การทำ Covered short หุ้นเหล่านั้นอย่างโดดเด่น ดังที่เกิดขึ้นในกลุ่มธนาคาร สัปดาห์ก่อน และวานนี้ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ซึ่งกลุ่มที่อยู่อาศัยมีจุดที่เด่นกว่ากลุ่มธนาคาร นอกเหนือจาก valuation ที่ถูกแล้ว ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเฉลี่ย 5% ในปีนี้ บวกกับแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q58 จะเติบโตเด่น qoq และ/หรือ yoy ขณะที่เราประเมินว่ากลุ่มถัดไปที่จะกลับมาได้รับความสนใจคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รัฐบาลจะเร่งการพิจารณาแผนโครงการต่างๆ ในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ เพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดประมูลโครงการใน 4Q58 (ปีปฎิทิน) หรือไตรมาสแรกของปีงบประมาณการ 2559
ภาพดังกล่าวทำให้เกิด Sector Rotation หมุนไปอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากกลุ่มโรงกลั่น / ปิโตรเคมี วนมาที่กลุ่ม ICT เพื่อพักเงินในแง่ของเงินปันผลระหว่างกาล กลับมาสะสมกลุ่มธนาคาร และล่าสุด กลุ่มอสังหาฯ วานนี้ แต่ภาพรวมทั้งหมดสรุปได้ว่า ผลการดำเนินงานใน 2Q58 เติบโตเด่น หรือ เด่นที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาล หรือ valutation ที่ต่ำ จนน่าสนใจ ประเด็นเหล่านี้ เป็นจุดที่สามารถใช้เก็งกำไรต่อการลงทุนรอบสั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q58 จะเป็นจุดที่น่าสนใจ
ด้านทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงสั้น อาจฟื้นตัวลำบาก เพราะนักลงทุน / เก็งกำไร ยังคงรอดูผลการพิจารณาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อปริมาณส่งออกน้ำมันดิบในช่วงปลายปีนี้
สำหรับ TISCO รายงานกำไร 2Q58 เท่ากับ 1.0 พันล้านบาท ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดประเมินราว 15-20% อาจส่งผลให้กลุ่มธนาคารในวันนี้เผชิญกับแรงขายทำกำไร เพื่อปิดความเสี่ยงช่วงสั้นนี้ ทั้งนี้ เราให้น้ำหนักกับการประกาศงบการเงินของธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK / SCB เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ขายทำกำไรเล่นรอบสั้นไปแล้วในปลายสัปดาห์ก่อน หากหุ้นเป้าหมายปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อาจเป็นจังหวะของการเข้าเก็งกำไรอีกระลอก" ทั้งนี้เน้นหุ้นที่งบ 2Q58 จะเติบโตเด่น เป็นเป้าหมายหลัก
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC/ INTUCH
Accumulative Buy: IFEC / SPALI
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. SPALI : ราคาปิด 18.50 บาท ราคาเหมาะสม 23.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวได้ จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q58 ที่คาดว่าจะเติบโต yoy และขยายตัวสูง qoq รวมทั้งมี Valuation ที่ค่อนข้างถูกจนน่าสนใจ
b) ราคาหุ้น SPALI ปรับตัวลงถึง -23.3% YTD เทียบกับ SET Property -3.3% และ SET INDEX -0.5%
c) คาดผลประกอบการ 2Q58 จะเติบโตสูงราว 60-70% yoy เนื่องจากจะมีการโอนโครงการคอนโดหลายโครงการ เช่น ศุภาลัยเวลลิงตัน, พรีเมียร์อโศก และเอกมัย - ทองหล่อ เป็น Catalyst ที่รออยู่ในระยะสั้น
d) ซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 6.6 เท่า และให้ Dividend Yield 6.1% โดยคาดการณ์เงินปันผล 1H58 หุ้นละ 0.30 - 0.35 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 2%
2. IFEC : ราคาปิด 11.60 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น IFEC จะตอบรับเชิงบวกจากความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมแห่งแรกที่ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชที่คืบหน้าไปมากแล้ว
b) โดยคาดว่าจะติดตั้งกังหันลมทั้ง 4 ตัวเสร็จสิ้นในเดือน ก.ค. จากปัจจุบันที่ติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว 2 ตัว และจะเข้าสู่การทดสอบระบบในเดือน ส.ค. ดังนั้น คาดว่าการเริ่มจ่ายไฟ (COD) จะทำได้ตามกำหนดการณ์ในเดือน ก.ย. และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมเพื่อผลักดันการเติบโตในระยะยาว
c) คาดหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนจะ Outperform ตลาด จากการเปิดประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มของภาครัฐฯ จำนวน 800 MW ใน 3Q58 และเชื่อว่า IFEC จะได้เป็นผู้พัฒนาโครงการราว 100MW หลังได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากกองทัพเรือเพื่อให้เป็นผู้พัฒนาโครงการ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐฯอื่นๆ
d) ฐานกำไรใน 2H58 จะยกตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฟาร์มในกัมพูชาแห่งแรกจำนวน 20 MW พร้อมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมแห่งแรกที่ปากพนัง
e) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +238% yoy เป็น 459 ล้านบาท และ +282% yoy เป็น 1,753 ล้านบาท ในปี 2559 และให้เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก US$96 ล้าน ลดลงจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$425 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 แต่ชะลอตัวเหลือ 1,116 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 11,058 ล้านบาท และ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 33,431 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 6,920 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 12,288 สัญญา เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 16,585 สัญญา น่าจะยังเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง เมื่อ S50U15 ปิดต่ำกว่า Set50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 14.28 จุด จากวันก่อนหน้า discount เท่ากับ 13.87 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเท่ากับ 40,745 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 5,151 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 7,990 ล้านบาท น่าจะเป็นการพักเงินจากตลาดหุ้นเข้า Safe haven เพื่อรอดูทิศทางการลงทุนที่ชัดเจนกว่านี้ อีกทั้งราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 4 อีก 0.40bps จากวันก่อนหน้าลดลง 0.82bps ปิดที่ 2.812%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 442 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 481 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 คงเน้นขาย PTT / SCC เช่นเดิม
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเท่ากับ 423 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าขายสุทธิ 478 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 2,425 ล้านบาท เน้นการลดน้ำหนักการลงทุนใน PTT / SCC เหมือนวันก่อนหน้า สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 4 อีก 496 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 560 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 344 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 88 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 247 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 197 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 113 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 600 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 399 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 95 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
ยังคงต้องรอกรีซพิจารณาและออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฎิรูปให้เสร็จทันวันที่ 15 ก.ค. ก่อนที่จะมีการพิจารณาจัดสรรเงินช่วยเหลือแก่
กรีซ
กรีซ - อียู ได้กำหนดกรอบ เพื่อดำเนินการไปสู่การรับเงินช่วยเหลือครั้งที่ 3
ที่ประชุมผู้นำอียู แนวทางการช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซในชุดที่ 3 (3rd bailout) โดยยังคงเน้นให้กรีซปฎิรูป และการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ ซึ่งประเด็นนี้นำไปสู่การเปิดโต๊ะเจรจากับกรีซอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยเริ่มจากโครงการ European Stability Mechanism (ESM) แต่แน่นอนการช่วยเหลือจะต้องมาพร้อมกับเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น
จัดตั้ง "Trust Fund" จากสินทรัพย์ของรัฐบาลกรีซ วงเงิน 5.0 หมื่นล้านยูโร เพื่อนำเงินนี้ไปช่วยจ่ายหนี้ให้แก่กรีซ และรีไฟแนนซ์หนี้ของธนาคารพาณิชย์กรีซ ทั้งนี้ในอีก 2-3 วันข้างหน้าจะมีการคัดเลือกบุคคลมาทำงานในคณะกรรมการนี้ เพื่อคัดสรรสินทรัพย์ และการจัดตั้งกองทุน ทั้งในแง่ของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือ จะเป็นการ re-investment
ขณะที่รัฐบาลกรีซ จะยังต้องผ่านกฎหมายการปฎิรูปต่างๆ ภายในวันที่ 15 ก.ค. ก่อนที่แผนการช่วยเหลือทางการเงินจะเกิดขึ้น
ECB จะเข้าไปดูแลธนาคารพาณิชย์ของกรีซ ในรูปของ capital control รวมถึงการคงเพดานการช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์กรีซ ผ่านโครงการ ELA ที่ 8.9 หมื่นล้านยูโร จนกว่ารัฐบาลกรีซจะออกกฎหมายปฎิรูปภายในวันพุธที่ 15 ก.ค.นี้
รมว.คลัง อียู จะทำงานเพื่อออกแบบแผนการช่วยเหลือชุดที่ 3 แก่ กรีซ วงเงิน 8.6 หมื่นล้านยูโร ภายในสัปดาห์นี้
รมว.คลัง กรีซ ประเมิน วงเงินที่ใช้ในการปรับโครงสร้างทุนของธนาคารพาณิชย์กรีซ ราว 2.5 หมื่นล้านยูโร เพื่อป้องกันเงินฝากทั้งระบบ
ธนาคารพาณิชย์ในกรีซจะยังคงปิดไปจนถึงวันที่ 15 ก.ค.
จีน
การส่งออกจีนฟื้นตัว
การส่งออกเดือนมิ.ย.ของจีนออกมาดีกว่าคาด:
การส่งออกขยายตัว 2.1% yoy ในรูปเงินหยวน สูงกว่า Bloomberg consensus คาด +1.2% yoy เป็นการฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือนเช่นกัน
การนำเข้าเดือนมิ.ย. หดตัว 6.7% yoy ชะลอตัวจากเดือนพ.ค.ที่ลดลง 18.1% yoy
ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2.842 แสนล้านหยวน ในเดือนมิ.ย.
อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน 2.5% เป็นวันที่ 5: อัตราดอกเบี้ย RP 7 วัน เท่ากับ 2.53% ในตลาดเงินเซี่ยงไฮ้ สะท้อนธนาคารกลางจีนได้พยายามสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน ขณะที่อัตราดอกเบี้ย ณ ตลาดเปิดที่กำหนดโดยธนาคารกลางจีนที่ 2.5% อัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน น่าจะเป็นระดับที่ธนาคารกลางจีนต้องการ
เอเชียแปซิฟิก
ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์: โอเปค รายงานยอดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือนมิ.ย. เท่ากับ 10.56 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นระดับสูงสุดของซาอุดิอาระเบีย
เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2555: GDP ใน 2Q58 หดตัว 4.6% qoq จาก 1Q58 ที่เติบโต 4.2% qoq และเป็นการหดตัวลงแรงกว่า Bloomberg consensus คาด -1.5% qoq โดยภาคการผลิตลดลงถึง 14.0% qoq ภาพรวมเป็นการหดตัวแรงสุดนับตั้งแต่ 3Q55
ดัชนี Tertiary Industry ญี่ปุ่นหดตัวแรงกว่าคาด: หดตัว 0.7% mom ในเดือน พ.ค. ต่อเนื่องจาก เดือน เม.ย. หดตัว 0.1% mom และเป็นการหดตัวแรงกว่า Bloomberg Consensus คาดหดตัว 0.3% mom นำโดยธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่หดตัว 0.15% mom
ไทย
คมนาคมหนุนเอกชนลงทุนสายสีเหลือง-ชมพูอ้างลดต้นทุน: รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.10 กม. และสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.50 กม. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามมติบอร์ด รฟม.ก่อนหน้านี้ว่าให้ปรับรูปแบบการลงทุนเป็นแบบพีพีพี เน็ต คอสต์ (PPP Net Cost) โดยรัฐจะเป็นผู้รับภาระค่าเวนคืนที่ดิน ส่วนเอกชนจะเข้ามารับผิดชอบในการก่อสร้าง จัดหาขบวนรถและบริหารการเดินรถทั้งหมดเป็นสัญญาเดียว เนื่องจากระบบนี้เป็นโมโนเรล จึงต้องมีความสัมพันธ์กันในเรื่องของการก่อสร้างระบบรางและตัวรถ ซึ่งไม่แยกประมูลเหมือนโครงการอื่นๆ ได้
ชงมอเตอร์เวย์ 3 สายเข้าครม.วันนี้: นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ก.ค.58 นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 3 เส้นทาง คือ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 84,600 ล้านบาท สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 55,620 ล้านบาท ซึ่ง 2 โครงการนี้จะใช้เงินกู้ภายในประเทศโดยกระทรวงการคลังรับผิดชอบจัดหาแหล่งเงิน ส่วนสายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาท ใช้เงินทุนจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง หากผ่าน ครม.ก็สามารถเดินหน้าประกวดราคาหาผู้รับจ้างก่อสร้างได้ต่อไป ส่วนอีก 2 เส้นทางที่เหลือคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 3 เดือน เพื่อประเมินราคากลางและแบ่งตอนย่อยของแต่ละโครงการ จากนั้นจึงจะประกาศประกวดราคา
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530