- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 July 2015 16:27
- Hits: 2777
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
บทวิจัยตลาดทุนกรุงศรี
ตลาดหุ้นวานนี้: SET ยังถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ ปิดปรับขึ้นเพียง 2.35 จุด ปิดที่ 1,472 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,710 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และกลับมาขายในตลาดพันธบัตร 390 ลบ. และ Net short TFEX 2,865 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: SET น่าจะปรับขึ้นจากบรรยากาศการลงทุนโดยรวมเริ่มผ่อนคลายหลังตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของ SET จะอยู่ในกรอบจำกัด เพื่อรอประกาศงบ 2Q15 ของกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะชะตัวตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y
กลยุทธ์วันนี้ : Selective BUY
Speculative BUY :
TPCH และ GUNKUL – รับผลบวกจากการที่รัฐมีแผนรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่ม
Accumulative BUY : SCN EPG TPCH และ GUNKUL
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี : พลังงานทดแทน ท่องเที่ยว และ สื่อสาร
High Div. Stock: ADVANC
KSS report วันนี้ : Banking Sector (Underweightl)-ยังเหนื่อย ขณะที่ TCAP และ TISCO Undervalue
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:-
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นขานรับการยื่นข้อเสนอปฏิรูปเศรษฐกิจกรีซใหม่ที่ใกล้เคียงกับของเจ้าหนี้: อย่างไรก็ตาม ECB และ IMF จะตรวจสอบข้อเสนอใหม่นี้ก่อนที่จะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในวันเสาร์นี้ และจากนั้นผู้นำ EU จะเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายในการประชุมวันอาทิตย์ นอกจากนี้เยอรมนีรายงานยอดเกิดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 2.28 หมื่นล้านยูโร ในเดือน พ.ค จากยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น 1.7% MoM ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.4% MoM สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังออกมาตรการ QE ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นกว่า 2-3% เมื่อคืนที่ผ่านมา
(0) IMF ปรับลดคาดการณ์ GPD โลกปีนี้ลงจาก 3.5% เป็น 3.3% แต่คงปีหน้าไว้เท่าเดิมที่ 3.8% ไม่กระทบในเชิงลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากการปรับลงครั้งนี้เป็นการปรับลงเฉพาะปีนี้ที่กินเวลามาแล้วกว่า 6 เดือน และสหรัฐอเมริกาถูกปรับลดจีดีพีลงมากสุดจาก 3.1% สู่ระดับ 2.5% แสดงให้เห็นว่า IMF ไม่ต้องการให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นหากเฟดเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
(0) SET ปรับลงรับปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมากแล้ว แค่รอปัจจัยบวกหนุนนำ: SET ปรับลง 3% ในรอบ 2 สัปดาห์ จาก High เดิมเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร (-6.62%) กลุ่มพลังงาน (-5.87%) และอสังหาริมทรัพย์ (-3.62%) หุ้นที่ปรับลงมากคือ PTTEP (-9.8%) SCB (-8.37%) KBANK (-8.5%) ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลปรับขึ้น +5.28% และ ICT (+1.24%) หุ้นที่ปรับขึ้นแรงคือ BH (+7.7%) และ BDMS (+6.2%) ADVANC (+3.8%) เราเชื่อว่า SET ได้ปรับลงสะท้อนปัจจัยลบทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การปรับลดประมาณการในกลุ่มธนาคาร วิกฤติหนี้กรีซ และความผันผวนของตลาดหุ้นจีน ซึ่ง SET พร้อมฟื้นตัวหากมีปัจจัยบวกหนุนนำ
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น US$1.13/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 7 วัน น่าจะเป็นผลมาจากปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดมาก แต่แนวโน้มยังไม่ชัดเจน ประกอบกับตลาดรอผลการเจรจาหาข้อยุติโครงการนิวเคลียร์อิหร่านที่คาดว่าน่าจะบรรลุผลในคืนวันนี้ ดังนั้นหุ้นในกลุ่มน้ำมันอาจฟื้นตัวในระยะสั้นแต่ไม่มาก
(-) Banking Sector (Underweightl)-ยังเหนื่อย ขณะที่ TCAP และ TISCO Undervalue
ผลประกอบการของธนาคารไทยน่าจะหดตัว จากสินเชื่อที่ชะลอตัวและ NIM ที่ต่ำ
คาด NPL เพิ่มขึ้นใน 2H15 โดย credit cost ที่สูงจะกดดันกำไรและจำกัด upside ของราคาหุ้น
เราให้น้ำหนักต่ำกว่าตลาด แม้ว่าราคาหุ้นอาจจะดูน่าสนใจแต่ก็อาจจะทำให้นักลงทุนติดกับดักของราคาหุ้นได้ แนะนำให้เลือกซื้อ TISCO (เป้า 55 ) TCAP (เป้า 38) และ KBANK (เป้า 220)