- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 July 2015 18:03
- Hits: 5873
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ยังแกว่งลง...เลือกซื้อ Defensive & ปันผลสูง"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: TRUEIF
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : TDEX 29%, RATCH 21%, ESSO 20%, BEC 19%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่มีโอกาสเด้งหลังลงแรง
Support Resistance Stop loss
SET 1460-1440 1480-1490 ค่าลบ
SET50 950-940 970-980 ค่าลบ
Technical Picks- Today : RCI, VNG, UNIQ, SVOA, CEN, KKC, SPA, BH
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยลดลงตามตลาดภูมิภาค ปิดตลาด -13.52 จุด ที่ 1470.25 ปัจจัยที่กดดันเข้ามาเพิ่มนอกเหนือจากเรื่องกรีซ คือ การร่วงแรงของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงเนื่องจากมาตรการของทางการที่เข้มงวดกับการเก็งกำไรของรายย่อยมากขึ้น รวมถึงการขายของนักลงทุนสถาบันที่ถือขาชอร์ตอยู่ ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยก็ถดถอยลง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2.3 พันล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ขายสุทธิกลุ่มละ 500 กว่าล้านบาท ส่วนรายย่อยเข้าไปช้อนซื้อสุทธิ
จีนรีบออกหลายมาตรการอุ้มตลาดหุ้นหลังจากดัชนีตลาดร่วงกว่า 20% โดยล่าสุดมีมาตรการใหม่ออกมาเพิ่ม คือ ห้ามนักลงทุนที่ถือครองหุ้นเกิน 5% ทำการขายหุ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อสกัดการเทขายหุ้นของนักลงทุนรายใหญ่และสถาบันขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ยังปรับลดลงต่อเพราะปัญหาในตลาดหุ้นจีนยังกดดัน แม้ว่าทางด้านกรีซจะผ่อนคลายลง โดยเมื่อวานนี้กรีซได้ยื่นขอความช่วยเหลือเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีกับกองทุน ESM แล้ว พร้อมกับยืนยันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการของเจ้าหนี้ ยังผลให้ตลาดหุ้นยุโรปขยับบวกขึ้น 0.7-0.9% เมื่อวานนี้ โดยภาพรวมการลงทุน ในช่วงนี้เราแนะนำหุ้นกลุ่ม Defensive และปันผลสูง เนื่องจากความเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกยังมีมาก ซึ่งรวมถึงความกังวลเรื่องการปรับขึ้นของเฟดในระยะต่อไปด้วย หุ้นเด่น ได้แก่ BDMS, CPN, INTUCH, RATCH, TTW, CENTEL, TUF, VNG, TRUEIF เป็นต้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ การเข้าซื้อใหม่เน้นอ่อนตัว โดยมีแนวรับระยะสั้น 1460-1440 และแนวต้านกรณีรีบาวด์ที่ 1480-1490, 1500
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
กรีซ : ยื่นขอความช่วยเหลือ 3 ปีกับ ESM แล้ว รัฐบาลกรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากทางกองทุน ESM แล้วเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) พร้อมกับยืนยันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ
กรีซ : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุสั้น 26 สัปดาห์มูลค่า 1.6 พันล้านยูโรทรงตัวที่ 2.97% ในการประมูลเมื่อวานนี้ (เทียบกับ Yield ในการประมูลเมื่อ 10 มิ.ย.)...บ่งชี้ว่าตลาดคงความเสี่ยงให้กรีซใกล้เคียงกับเดือนก่อน อาจเป็นเพราะกรีซยังมีเวลาอีก 4 วันที่จะเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ โดยมีกำหนดเส้นตาย 12 ก.ค.58 นี้
สหรัฐ : รายงานการประชุมเฟดวันที่ 16-17 มิ.ย. ระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดกังวลกับปัญหาในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการแก้ปัญหาหนี้กรีซ, เศรษฐกิจยุโรปและจีนที่ยังชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐก็ขยายตัวในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งข้อดี คือ ทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะไม่เกิดขึ้นเร็ว
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง...วิตกตลาดหุ้นจีนร่วงแรง โดยดัชนี DJIA ร่วง 261.49 จุด (-1.47%) ปิดที่ 17,515.42 จุด ปัจจัยกดดน คือ การร่วงหนักของตลาดหุ้นจีน และความปั่นป่วนทำให้ทางการจีนประกาศระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทอย่างน้อย 1,249 รายในตลาดหุ้นจีนหรือคิดเป็น 43% ของหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมดในตลาด และยังประกาศเพิ่มเกณฑ์การวางหลักประกันมาร์จิ้นสำหรับคำสั่งขายสัญญาล่วงหน้าดัชนี CSI 500 เพื่อสกัดการเก็งกำไร นอกจากนั้นยังมีปัจจัยลบจากรายงานการประชุมเฟดเมื่อ 16-17 มิ.ย.ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียงปานกลาง
ตลาดหุ้นนิวยอร์คประกาศหยุดซื้อขายชั่วคราวในระหว่างวัน การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กหยุดชั่วคราวเมื่อเวลาประมาณ 11.32 น.ตามเวลาสหรัฐ เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ประกาศระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ทุกหลักทรัพย์ โดยระบุว่าเป็นปัญหาความขัดข้องทางเทคนิค ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ โดยการซื้อขายได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเวลา 15.10 น.ตามเวลาสหรัฐ
+ จีน : รีบออกหลายมาตรการอุ้มตลาดหุ้น ประกอบด้วย (1) การตั้งกองทุนทุนพยุงหุ้นจาก 21 โบรกเกอร์ วงเงิน 1.2 แสนล้านหยวน และห้ามขายหุ้นที่ SHCOMP ต่ำกว่าระดับ 4500 จุด, (2) กองทุนรวม 69 แห่งในจีนประกาศเข้าซื้อหุ้น วงเงิน 2.16 หมื่นล้านหยวน, (3) ทางการจีนสั่งให้ระงับการขายหุ้น IPO 28 แห่งที่ค้างอยู่ไปก่อน, (4) อัดฉีดเม็ดเงินผ่านบรรษัทสินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์จีน (CSFC) 5 แสนล้านหยวน เพื่อเข้าซื้อหุ้น, (5) ห้ามรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 111 แห่งขายหุ้น, (6) ขยายเพดานการซื้อหุ้นบลูชิพของบริษัทประกันจาก5% เป็น 10% และล่าสุดมีมาตรการใหม่ออกมาเพิ่ม คือ ห้ามนักลงทุนที่ถือครองหุ้นเกิน 5% ทำการขายหุ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน
ทั้งนี้ดัชนีตลาดหุ้นจีนได้ดิ่งลงราว 20% คิดเป็นมูลค่าตลาดที่ลดลงราว 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบแกว่งแคบ โดย WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 51.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 57.05 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรอบสัปดาห์สิ้นสุด 3 ก.ค.เพิ่มขึ้น 384,000 บาร์เรล สู่ระดับ 465.8 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
+ สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบส.ค.เพิ่มขึ้น 10.9 ดอลลาร์ หรือ +0.95% ปิดที่ 1,163.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมาจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ TRUE : ยังมีรายได้จากลูกค้า 2G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ไปจนกว่าจะมีผู้บริการ 4G รายใหม่บนคลื่นนี้ คสช.ส่งหนังสือแจ้งมายังกสทช.ให้ขยายระยะเวลาคุ้มครองผู้บริโภคที่ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของ TRUE ที่มีอยู่ราว 5.2-5.3 แสนราย รวมทั้งของ DPC (ของ ADVANC) ที่มีลูกค้า 900 ราย ไปจนกว่าจะได้ผู้ให้บริการใหม่ในระบบ 4G (คาดว่าจะคุ้มครองไปถึงเดือนมี.ค.59) ซึ่งตามเดิมจะไม่สามารถใช้งานได้หลัง 17 ก.ค.58
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : นับเป็นบวกเล็กๆ กับ TRUE ที่จะยังมีรายได้จากการให้บริการไปจนกว่าจะมีผู้ให้บริการ 4G รายใหม่ ทั้งนี้กสทช.จะนำคลื่นความถี่ 1800 MHz ไปเปิดประมูลใบอนุญาต 2 ใบ ใบละ 12.5 MHz ราคาเริ่มต้น 1.16 หมื่นล้านบาทต่อใบในวันที่ 11 พ.ย.58
การลงทุนช่วงนี้เน้น Defensive และปันผลสูง เรามองว่าความเสี่ยงที่จะกระทบกับภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยคาดว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับลดคาดการณ์กำไรบจ.ไทยลงอีกรอบหลังทำ Preview และมีรายงานผลประกอบการ 2Q58 สำหรับของ DBSV เราทำประมาณการอย่างอนุรักษ์นิยมกว่า Consensus โดยคาดการณ์ EPS Growth ของตลาดไทยเราต่ำกว่าของ Bloomberg Consensus ราว 5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นมีโอกาสรีบาวด์หลังลดลงแรงได้ โดยเฉพาะถ้ากรีซสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ได้ และตลาดหุ้นจีนตอบรับมาตรการพยุงตลาดในทางบวก แต่ตลาดอาจจะยังไม่เปลี่ยนเป็นขาขึ้นชัดเจน เพราะความเสี่ยงของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่จะต่อกว่าที่ประมาณการไว้ยังมีสูง รวมถึงมีประเด็นกังวลเรื่องเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไปด้วย
คำแนะนำการลงทุนจึงเน้นไปกลุ่ม Defensive, กลุ่มที่ยังเติบโตได้ดี เช่น ท่องเที่ยว กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากบาทอ่อน และกลุ่มปันผลสูงหุ้นเด่น ได้แก่ BDMS, CPN, INTUCH, RATCH, TTW, CENTEL, TUF, VNG, TRUEIF เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]