- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 July 2015 17:32
- Hits: 1217
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนโดยมีขึ้น-ลงสลับ เทรดดิ้งจึงซื้อลบ-ขายบวกได้
กลยุทธ์ : หลัง SET รีบาวด์กรอบแคบไปวันก่อน วานนี้ก็กลับมาปรับตัวลงอีก ซึ่งเป็นไปตามจังหวะที่ FSS คาดว่า SET จะยังแกว่งผันผวนอยู่ อย่างไรก็ตามแนวโน้มโดยรวมยังมีสิทธิที่จะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้น-ลง เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ขณะที่ปัจจัยลบยังทรงตัว ดังนั้นแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : APURE, TVO, EARTH(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET กลับมาปรับตัวลงอีกครั้ง หลังการเจรจาแก้ปัญหาหนี้ของกรีซยังไม่มีความชัดเจน โดยต้องรอดูข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับรายละเอียดแผนปฏิรูปของกรีซในวันนี้(9 ก.ค.) และลุ้นผลการประชุมของกลุ่มเจ้าหนี้ในวันที่ 12 ก.ค.นี้อีกครั้ง ว่ากรีซจะสามารถรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ในอีกสัปดาห์เศษข้างหน้าหรือไม่ นอกจากนี้ SET ยังมีแรงกดดันมากขึ้นอีกในภาคบ่ายวานนี้ หลังตลาดหุ้นจีนปรับตัวลบลงไปถึงกว่า 7% ส่งผลให้ตลาดหุ้นฮ่องกงก็ปรับตัวลงแรงด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ SET ไหลลงไปลบกว่า 1% ในช่วงเปิดภาคบ่าย ก่อนจะเริ่มแกว่งทรงตัวได้บ้างในช่วงท้าย อย่างไรก็ตามเช้านี้ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดปรับตัวลงแรงจากความวิตกต่อการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนที่อาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจจีนได้ ยังคงกดดันให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงต่อเนื่อง ทำให้ SET มีสิทธิที่จะเป็นลบต่อ แต่ FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นได้บ้าง หลังวานนี้กรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ชุดใหม่แล้ว และยืนยันว่าพร้อมจะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการของกลุ่มเจ้าหนี้ ทำให้นักลงทุนยังมีความหวังกับสถานการณ์หนี้ของกรีซได้ ส่วนตลาดหุ้นจีนก็มีลุ้นเริ่มทรงตัวและรีบาวด์กลับขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
แนวรับ 1466-1460 , 1453-1447 จุด
แนวต้าน 1473-1476 , 1480-1485 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกภูมิภาคหนาแน่นที่สุดในรอบ 6 เดือนที่ US$963 ล& 63243;าน โดยออกจากไต้หวันหนักที่สุดUS$507 ล้าน เกาหลี US$ 373 ล& 63243;านและไทย US$68 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$4 ล้าน และเวียดนาม US$1 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากตลาดภูมิภาคจากความวิตกต่อตลาดหุ้นจีนซึ่งมีมาตรการควบคุมการขายหุ้นทำให้หุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) วิกฤตหุ้นจีนกระทบชั่วคราวแต่ PTTEP-PTT ของจริง การปรับกำไรของ PTTEP และ PTT ลง รวมถึงก่อนหน้านี้ที่เราปรับกำไรของกลุ่มแบงก์ลง (จาก +1.7% Y-Y เหลือ -3.4% Y-Y) ทำให้ EPS Growth ของตลาดในปีนี้ลดลงเหลือ +23% Y-Y จากเดิมที่คาด +28% Y-Y แม้คาดการณ์ของเราจะต่ำกว่า Bloomberg consensus ซึ่งคาดเติบโต 28% Y-Y แต่แนวโน้มการปรับประมาณการลงยังไม่สิ้นสุด
(-) PTTEP แนวโน้มกำไรสุทธิใน 2Q15 น่าจะแย่มากเหลือเพียง 820 ล้านบาท -90% Q-Q, -94% Y-Y จากค่าใช้จ่ายพิเศษที่สูงขึ้นกว่า 5 พันล้านบาทจากการปิดซ่อมบำรุง การ Write-off 2 หลุม ขาดทุนจากการบันทึก Deferred tax (เพราะเงินบาทอ่อนค่า) และขาดทุนจาก FX ขณะที่รายได้ก็ลดลงเพราะมีการปิดปรับปรุงแหล่งพม่าและ MJTDA แม้จะเปิดทำการที่แหล่งมอนทาราแต่ชดเชยได้ไม่หมด เราปรับกำไรสุทธิทั้งปีลง 31% เหลือ 2.84 หมื่นล้านบาท +32% Y-Y จากเดิมคาด +92% Y-Y (ปี 2014 มีตั้งด้อยค่ามอนทาราและ Oil sand) ราคาเป้าหมายจึงปรับลงเหลือ 108 บาทจากเดิม 115 บาท แต่ราคาหุ้นปรับลงจนเท่ากับ Book value 1Q15 ที่ 104 บาทแล้ว ไม่แนะนำให้ขาย แต่ถือต่อได้
(0) PTT กำไรที่แย่ลงของ PTTEP กระทบ PTT ซึ่งถือหุ้นอยู่ 65.29% เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ของ PTT ลง 10% จากเดิมที่คาดโต 53% Y-Y เหลือโต 37% Y-Y แต่ยังคงราคาเป้าหมาย 350 บาทเพราะเราประเมินไว้ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว และกำไรที่แย่ลงของ PTTEP สามารถชดเชยได้จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ PTTGC และ IRPC ราคาหุ้น PTT ปรับลงจนมี PE 12.7 เท่าใกล้เคียงกับภูมิภาค เราแนะนำถือ
(-) รถไฟฟ้า 4 สายเลื่อนประมูลเป็นปีหน้า คือสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) วงเงินรวม 3.26 แสนล้านบาท ปีนี้อาจทำได้เพียงขออนุมัติครม. ส่วนการประมูลในปีนี้จะเหลือรถไฟสายต่างๆ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 และดอนเมือง ซึ่งคาดเปิดประมูล ส.ค. เป็นต้นไป ส่วนงบลงทุนของรัฐงวด 8M15 เบิกจ่ายไปเพียง 37% ของวงเงิน ต่ำกว่าในอดีตที่เบิกจ่าย 40-43% การเลื่อนไม่เพียงเป็นลบกับกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง แต่มีผลต่อคนซื้อบ้านและคอนโด รวมถึงเซ็นทรัลเวสต์เกตที่จะเปิดปลาย ส.ค.นี้ หุ้นกลุ่มรับเหหมาเป็นกลุ่มที่เล่นตามข่าว ช่วงนี้แนะนำหลีกเลี่ยงไปก่อน
(+) กลุ่มสื่อสารดูเสี่ยงน้อยสุด นอกจากธรรมชาติของธุรกิจให้บริการมือถือที่อ่อนไหวน้อยต่อวิกฤตต่างแล้ว การประมูล 4G ที่ดูชัดเจนขึ้นมากนับเป็นบวกต่อทั้ง Sentiment และผลประกอบการในอนาคต เรายังชอบ ADVANC (เป้าหมาย 300 บาท), INTUCH (เป้าหมาย 108 บาท) ขณะที่ THCOM (เป้าหมาย 50 บาท) จะได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน รวมถึงผลประกอบการที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดร่วงเกือบ 1.5% โดยนักลงทุนเทขายหุ้นหลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักรวมถึงแรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในในแดนบวกได้หลังนายกฯกรีซกล่าวว่าได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินกับกลุ่มเจ้าหนี้แล้ว
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังดิ่งลงค่อนข้างแรงต่อเนื่องจากความกังวลในตลาดหุ้นจีน ขณะที่ปัญหาหนี้กรีซยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวพักฐานหลังจากอ่อนค่าในช่วง 2 วันทีผ่านมา โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.90-34.04 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 51.65 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 0.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือนหลัง EIA รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกินคาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 1,163.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.90 เหรียญ/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย รวมถึงสถานการณ์หนี้กรีซรวมถึงการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน อาจทำให้ FED ยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9-ก.ค. - เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BOK)ประชุม
10 ก.ค. - จีน:ยอดสินเชื่อเดือน มิ.ย.
- สหรัฐ: Yellen’s speech
12 ก.ค. - ยูโรโซน:ผู้นำ EU 28 ประเทศประชุมถกปัญหากรีซ
13 ก.ค. - ไทย:EGATIFเข้าเทรด (ราคา IPO 10 บาท)
- จีน:ดุลการค้า (มิ.ย.)
14-ก.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
- สหรัฐ:ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (ก.ค.)
15-ก.ค. - ไทย: BRเข้าเทรด (ราคา IPO 8.80 บาท)
- จีน: 2Q15 GDP, Industrial Production (มิ.ย.), ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
16-ก.ค. - สหรัฐ: รายงาน Fed Beige Book
17-ก.ค. - สหรัฐ: Housing starts, Building permits (มิ.ย.),เงินเฟ้อ (มิ.ย.)
20 ก.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (มิ.ย.)
- กรีซ:ครบกำหนดชำระคืนหนี้ ECB 3.5 พันล้านยูโร