- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 July 2015 17:31
- Hits: 1186
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ S-T Trading
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เกิด Panic Sell หลังตลาดหุ้นจีนและฮั่งเส็งปรับตัวลง 5-7% จากการขอขึ้น H ของหุ้นกว่า 43% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงต่อเนื่อง กดดันกลุ่มพลังงาน นำโดย PTT รวมถึง SCC ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 13.52 จุด มาอยู่ที่ 1,470.25 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 37,627 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 2,323 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 3,243 สัญญา แต่นำเงินบางส่วนไปพักในตลาดตราสารหนี้ ด้วยการซื้อสุทธิ 556 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตลาดหุ้นจีน / ฮั่งเส็ง ปรับตัวลง จนทำให้ PER15-16 ลงมาปิดที่ 14.71x และ 12.99x ตามลำดับ
รมว.คลัง กรีซ เตรียมยื่นแผนปฎิรูปเศรษฐกิจในวันนี้ และผู้นำอียูจะประชุมเพื่อพิจารณาแผนดังกล่าวในวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุดการซื้อขาย 3.50 ชั่วโมงคืนวานนี้ เนื่องด้วยปัญหาทางเทคนิค
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ยังคงแกว่งในกรอบแคบ แนวรับของ NYMEX บริเวณ US$50/barrel ยังคงทำงานได้ดี
มุมมองต่อตลาด
เราคงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น "กลาง" วันที่ 3 พร้อมให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound มากกว่าตลาดที่จะปรับฐานลงเป็นวันที่ 2 แต่ด่านสำคัญ 1,480 จุด +/- ยังคงไม่น่าผ่านในช่วงสั้นนี้
กลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PTTEP แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q58 มีโอกาสขาดทุนสุทธิด้วยการขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงของราคาน้ำมันดิบ แต่ส่งผลกระทบต่อ PTT จำกัด เพราะมีกำไรจากการขายหุ้น BCP ที่จะบันทึกใน 2Q58 ราว 4.0 พันล้านบาทก่อนภาษี อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการประชุม World Power ต่อการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน ภายในวันศุกร์นี้จะทราบผลการตรวจว่าจะผ่านหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อ Upside ของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น หุ้นกลุ่มโรงกลั่น / ปิโตรเคมี จะมีความเด่นกว่า หุ้นน้ำมันเพียงอย่างเดียว
ด้านปัจจัยต่างประเทศ เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจีน / ฮั่งเส็ง ในวันนี้จะเริ่มทรงตัวดีขึ้น หลัง Valuation ของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ปรับตัวลงมา เป็น 14.71x และ 12.99x สำหรับ PER15-16 ตามลำดับ จากระดับสูงสุดในรอบปีนี้ที่ 21.08x และ 18.40x ตามลำดับ ย่อมทำให้ Bargain Hunter เข้ามาเลือกลงทุนตลาดหุ้นอีกครั้ง และเราเชื่อว่า ทางการจีนจะออกมาตรการพยุงตลาดหุ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนภายในประเทศอีกครั้ง หากเป็นไปตามที่เราประเมิน จะทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นในเอเชีย และทั่วโลก ทรงตัวดีขึ้นและรอความชัดเจนกรณีกรีซโดยมีเส้นตายภายในวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนซื้อเก็งกำไรไปก่อนหน้านี้ หาก SET INDEX เกิด Technical Rebound ในช่วง 1-2 วันนี้ ควรพิจารณาขายทำกำไร และกลับมาถือเงินสดอีกครั้ง" เนื่องจากภาพการลงทุนตลาดหุ้นไทยเป็นการแกว่งในกรอบ กลยุทธ์ เทรดดิ้ง หรือ ขึ้นขาย - ลงซื้อ เพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงสั้นนี้
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC/ INTUCH
Speculative Buy: TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. TASCO : ราคาปิด 24.00 บาท ราคาเหมาะสม 28.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวก หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับต่ำกว่า US$55.00/barrel ส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้นของ TASCO เนื่องจากเป็นต้นทุนในการผลิตจึงทำให้ส่วนต่างราคาระหว่างยางมะตอย - น้ำมันเตากว้างขึ้น
b) คาดกำไรสุทธิ 2Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 1.2 - 1.4 พันล้านบาท จากแรงหนุนของตลาดต่างประเทศ หลังจีนมีคำสั่งซื้อ Lot ใหญ่เข้ามาถึง 2.5 แสนตัน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับสูงเนื่องจากได้ทำสัญญาซื้อขายน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนไว้ล่วงหน้าแล้วราว 3-4 เดือน
c) ทิศทางผลประกอบการ 3Q58 จะดีต่อเนื่อง และคาดว่าปริมาณขายใน 3Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่เนื่องจากคำสั่งซื้อจากจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกใน 3Q58 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่กำไรสุทธิ 3Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องได้จาก 2Q58
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +249.7% yoy เป็น 4,226 ล้านบาท และ Valuation ยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากซื้อขายระดับ PER2558 ที่ 8.7 เท่า นอกจากนั้น แผนการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯใน 2H58 จะเป็นอีกปัจจัยผลักดันยอดขายยางมะตอยในประเทศให้ขยายตัวและส่งผลบวกต่อหุ้น TASCO โดยตรง
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$963 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$94 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเร่งลดการลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่นอีกครั้ง 2,323 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 24,696 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเช่นกัน เป็น 3,243 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิ 13,720 สัญญา น่าจะยังเป็นการเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง แม้ว่า S50U15 ปิดต่ำกว่า Set50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 15.22 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 18.93 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเท่ากับ 50,168 สัญญา
ทั้งนี้ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียง 556 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการนำเงินเข้าพักใน safe haven ช่วงสั้น ส่งผลให้ ราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเด่น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีกครั้ง 5.10bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.51bps ปิดที่ 2.871%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,286 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,183 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง เน้นลดน้ำหนัก PTT เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 873 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,718 ล้านบาท เน้นลดน้ำหนักการลงทุนใน PTT อย่างหนาแน่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานถูกขายสุทธิสูงสุด 530 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 232 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 396 ล้านบาท กลุ่ม ICT ขายสุทธิ 101 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 86 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
เฟดยังคงยืนยันที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
รายงานการประชุมเฟดเดือนมิ.ย.ลดมุมมองต่อเศรษฐกิจลงมา: การประชุมเฟดวันที่ 16-17 มิ.ย.
ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงเป็นไปในทิศทางที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยบ้าง ทั้งนี้มีประธานเฟด 1 ท่านที่เห็นว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรรอจนกว่าจะเห็นความชัดเจนของเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งพอ
ประธานเฟดหลายท่าน ให้ความสนใจกับกรณีกรีซ หากกรีซตกลงกับเจ้าหนี้ได้ ก็จะสามารถทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนและประเทศเกิดใหม่อื่นๆ กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
ประธานเฟดหลายท่าน คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่เติบโตจะทำให้ภาวะการจ้างงานใกล้ระดับเต็มภายในสิ้นปีนี้ หากการเติบโตของการจ้างงานเป็นไปตามคาด โดยคาดการณ์อัตราการว่างงานเฉลี่ยใน 4Q58 จะเท่ากับ 5.25%
การบริโภคภายในประเทศ ยังมีความระมัดระวัง และอาจส่งผลต่อการลงทุนและการส่งออกให้เติบโตน้อยลง รวมถึงการที่ราคาพลังงานที่ลดลง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น
อัตราเงินเฟ้อ ยังต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2.0% และปัญหาในเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นกรีซ หรือ จีน ย่อมเป็นความเสี่ยงใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
ยุโรป
กรีซ เตรียมยื่นแผนปฎิรูปวันนี้
กรีซยังรอความชัดเจน
รมว.คลัง กรีซ ยืนยันว่าจะเสนอแผนปฎิรูปเศรษฐกิจต่อผู้นำอียูในวันที่ 9 ก.ค. พร้อมเสนอแผนขอเงินกู้จาก European Stability Mechanisim เป็นเวลา 3 ปี โดยแผนการปฎิรูปจะมุ่งเน้นถึงการสร้างเสถียรภาพด้านการคลัง, การเงิน และการเติบโตเศรษฐกิจในระยะยาว หากผ่านความเห็นชอบ กรีซ สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีในต้นสัปดาห์หน้า
รมว.เศรษฐกิจ รัสเซีย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม BRICs ที่จะมีการประชุมเร็วๆ นี้ ไม่มีวาระการหารือเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือกรีซ
นายกฯ เยอรมัน ยืนยันรัฐบาลเยอรมัน ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องให้ haircut หรือ มาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อลดมูลค่าหนี้ให้ลดลง และหาก กรีซและเจ้าหนี้อียู ไม่สามารถตกลงกันได้ภายในวันที่ 12 ก.ค. ก็อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มคิดถึงทางเลือกอื่น
เจ้าหน้าที่อียู หารือถึงการที่ ECB ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องทางการเงินแก่ธนาคารพาณิชย์กรีซ ในรูปแบบของการรับประกันเงินกู้ เพราะความเสี่ยงที่กรีซจะต้องออกจากยูโรโซนเพิ่มขึ้นทุกวัน
ธนาคารกลางโปแลนด์คงอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายเท่ากับ 1.50% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาด และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากความเสี่ยงที่กรีซจะต้องออกจากยูโรโซน
ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่: ราคาบ้านเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.7% mom ในเดือนมิ.ย. เป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 5 เป็น GBP200,280 เนื่องจากปริมาณบ้านที่ลดลง
จีน
จีนประกาศห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ / ผู้บริหาร ขายหุ้น: นอกจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียน ถือในสัดส่วนที่มากกว่า 5% ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำรแล้ว รวมถึง ผู้บริหารระดับสูงและกรรมการ ขายหุ้นตัวเองเป็นเวลา 6 เดือน
เอเชียแปซิฟิก
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นขยายตัวดีกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 19.3% yoy จากเดือน เม.ย.ที่ขยายตัว 3.0% yoy เทียบกับที่ Bloomberg Consensus คาดขยายตัว 16.7% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการขยายตัว 0.6% mom ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะหดตัว 4.9% mom ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการใช้จ่ายลงทุนในอนาคต
ธนาคารกลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: อยู่ที่ระดับ 1.50% ตามที่ Bloomberg ประเมิน โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคเมิร์ส รวมถึงความเสี่ยงจากกรณีกรีซและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530
