- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 July 2015 17:09
- Hits: 1356
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
หลัง SET ไหลลงแล้วจะเริ่มทรงตัวดีขึ้นให้เป็นโอกาสทยอยซื้อ!
กลยุทธ์ : SET ยังมีแรงกดดันให้ปรับตัวลงอีกได้ แต่ FSS คาดว่ากรีซจะส่งผลแค่ระยะสั้น ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจไทยแม้ว่าจะยังกดดัน SET อยู่ แต่คาดว่าจะไม่เลวร้ายลงมากกว่านี้ และยังรอวันฟื้นตัวได้ ดังนั้น SET ปรับลงจึงแนะนำให้เริ่มเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อสะสมเพื่อถือลงทุนในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าได้ ส่วนถ้าจะเทรดดิ้งตามรอบลุ้นจังหวะรีบาวด์ยังต้องเน้นเลือกเป็นรายตัว และทำกำไรตามรอบด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาดต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AKR, GUNKUL, VGI(buy back)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์แม้ว่าจะยังมีจังหวะเป็นลบอยู่ แต่ก็มีจังหวะบวกสลับ ทำให้อยู่ในลักษณะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อเก็งกำไรผลการทำประชามติของกรีซในวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ค. ที่นักลงทุนยังมีความหวังว่าประชาชนกรีซอาจจะโหวตรับแผนรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ได้ แต่ปรากฏว่าผลโหวตเมื่อวานนี้(5 ก.ค.) ที่ออกมาประชาชนกรีซส่วนใหญ่โหวตไม่รับแผนเจ้าหนี้ ทำให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินกู้ชุดใหม่จากกลุ่มเจ้าหนี้และอาจนำไปสู่การออกจากสมาชิกยูโรโซนด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดทำการในด้านลบกันเป็นส่วนใหญ่ และหลายแห่งก็ลบลงแรงพอควรด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET มีสิทธิที่จะปรับตัวลงต่อได้อีกตามที่เคยคาดไว้ อย่างไรก็ตามประเด็นกรีซเรามองว่าจะมีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยแค่เพียงระยะสั้น ทำให้ยังมีลุ้นโอกาสรีบาวด์สลับให้เห็น ส่วนปัญหาเศรษฐกิจของบ้านเราคาดว่าแรงกดดันจะไม่รุนแรงมากแล้ว ดังนั้น SET มีลุ้นที่จะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นในช่วงถัดไปด้วย
แนวรับ 1486-1483 , 1480-1476 จุด
แนวต้าน 1493-1495 , 1498-1502 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกภูมิภาค US$228ล้าน นำโดยไต้หวัน US$192.6 ล้าน และไทย US$43.4 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ US$12.3 ล้าน และ US$6.5 ล้าน ตามลำดับ สรุปสัปดาห์ก่อนเงินทุนไหลออกสุทธิ US$550 จากความกังวลเรื่องหนี้กรีซ แนวโน้มเงินทุนสัปดาห์นี้น่าจะไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงกลับเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยหลังประชามติกรีซโหวตไม่รับแผนเจ้าหนี้ซึ่งทำให้กรีซมีความเป็นไปได้ที่จะออกจากยูโรโซนมากขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) กรีซกระทบตลาดระยะสั้น แม้ชาวกรีซ 61% จะโหวต No ไม่ยอมรับแผนรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนจะเป็นเพียงระยะสั้นเพราะตลาดรับรู้ข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว และแม้ว่ากรีซจะต้องออกจากยูโรโซน ก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้กลุ่ม Eurozone ต้องแตกออกจากกันและจะมีผลกระทบต่อตลาดเพียงชั่วคราว เพราะเศรษฐกิจกรีซเล็กมากเพียง 0.3% ของ GDP โลก เจ้าหนี้รายใหญ่ของกรีซไม่ใช่สถาบันการเงิน แต่เป็น EU, ECB, IMF (75% ของหนี้ทั้งหมด) ปัจจุบัน ECB มีเครื่องมือพร้อมที่จะป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปยังกลุ่ม PIIG เราเชื่อว่า ECB จะยังช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ธนาคารกรีซไปจนถึง 20 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่กรีซครบกำหนดชำระคืนหนี้ ECB 3.5 พันล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์จะยังผันผวน โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันและ Commodity เพราะดอลลาร์แข็งค่า วันพรุ่งนี้ ECB จะประชุมถกปัญหาเรื่องกรีซแต่เชื่อว่าจะยังไม่มีข้อสรุปใดๆ วันพุธทาง Eurozone ประชุมและมีรายงาน Fed Minutes รวมถึงคำแถลงของนาง Yellen ในวันศุกร์เกี่ยวกับเศรษฐกิจซึ่งตลาดกำลังจับสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด
(0) Downside ของกลุ่มแบงก์เริ่มจำกัดแต่ยังไม่ใช่ขาขึ้น จาก analyst meeting กลุ่มแบงก์ในช่วงที่ผ่านมาทำให้เห็นมุมมองของนายธนาคารที่เป็นลบมากขึ้นต่อเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า พร้อมทั้งแนวโน้ม NPL ที่สูงขึ้น ตามมาด้วยภาระการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น และโอกาสที่ลูกหนี้จะเริ่มตกชั้นมีมากขึ้น เราได้ปรับกำไรกลุ่มแบงก์ในปีนี้ลง 7% จากเดิมคาดโต 1.7% Y-Y กลายเป็นหดตัว 5% Y-Y (ไม่รวมแบงก์เช่าซื้อ) อย่างไรก็ตาม ดัชนีกลุ่มแบงก์ปรับลงแล้ว 19% YTD ทำให้ PBV ปรับลงเหลือเฉลี่ยเพียง 1.3 เท่าจาก 1.8 เท่าต้นปี และต่ำกว่าในยุคปลาย Subprime แม้แนวโน้มกำไรของแบงก์ใน 2Q-3Q15 จะไม่สดใสแต่สะท้อนไปในราคาหุ้นมากแล้ว เราคิดว่า KTB (ราคาเป้าหมาย 20 บาท) ซึ่งราคาหุ้นปรับลงลึกสุดในกลุ่ม ราคาปัจจุบันอยู่ในระดับน่าจูงใจและให้ปันผลสูงสุดในกลุ่ม
(-) BBL คุณภาพหนี้น่ากังวลน้อยกว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งแข็งแรงกว่า SME ทำให้การตั้งสำรองฯของ BBL จะไม่สูงนัก แต่กำไรสุทธิ 2Q15 และต่อเนื่องไปใน 2H15 จะถูกกดดันจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่หดตัวลงแรงจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น และทำให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 7% เหลือ 3.4 หมื่นล้านบาท หดตัว 6.5% Y-Y (ใกล้เคียงธนาคารใหญ่อื่นๆที่ลดลง 3-5%) และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 183 บาทจาก 225 บาท ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(-) CPF เราคาดกำไรปกติ 2Q15 ฟื้นตัวเป็น 887 ล้านบาทจาก 1Q15 ที่มีกำไร 72 ล้านบาท จากธุรกิจสัตว์บกในประเทศและรวมผลประกอบการของ CP Cambodia เข้ามา 100% แต่ทำให้กำไรปกติใน 1H15 ลดลงถึง 76% Y-Y แนวโน้มใน 2H15 ยังไม่สดใสจากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอ ราคาเนื้อสัตว์ทรงตัวในระดับต่ำ และธุรกิจส่งออกยังไม่ดีนัก เราจึงปรับกำไรปกติปีนี้ลง 31% เป็นหดตัวถึง 41% Y-Y แต่กำไรสุทธิยังคงไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาทจากกำไรขายเงินลงทุนและขายที่ดิน ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 26 บาทจาก 31 บาท ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ ทั้งนี้ ประมาณการของเราอาจมี upside จาก M&A ซึ่งคาดว่าจะประกาศใน 3Q15
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในแดนลบเช่นกันโดยนักลงทุนจับตาดูผลการทำประชามติของกรีซในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งจะกระทบสถานะของกรีซในยูโรโซน
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนลบค่อนข้างแรงพอสมควรหลังประชาชนกรีซโหวต No ไม่ยอมรับข้อเสนอรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงวันนี้หลังจากแกว่งตัวออกข้างมาพักใหญ่ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.84-34.00 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบตลาด NYMEX ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
ทองคำตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6-ก.ค. - ECBประชุมฉุกเฉิน
7-ก.ค. - สิงคโปร์: 2Q15 GDP
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA)ประชุม
- อิหร่านและชาติตะวันตกประชุมเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
8-ก.ค. - สหรัฐ:รายงานการประชุม (FOMC minutes) วันที่ 16-17 มิ.ย.
9 ก.ค. - เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BOK)ประชุม
- Eurozone Summitถกแก้ปัญหาหนี้กรีซ
10-ก.ค. - จีน:ยอดสินเชื่อเดือน มิ.ย.
- สหรัฐ: Yellen’s speech
13 ก.ค. - จีน:ดุลการค้า (มิ.ย.)
14-ก.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
- สหรัฐ:ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (ก.ค.)
15-ก.ค. - จีน: 2Q15 GDP, Industrial Production (มิ.ย.), ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
16-ก.ค. - สหรัฐ: รายงาน Fed Beige Book