- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 July 2015 17:07
- Hits: 1924
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ทรงหรือลงต่อ แนะเก็งกำไรผลประชามติกรีซวันอาทิตย์นี้
KGI คาด SET วันศุกร์แกว่งตัวลง (วานนี้ลงแรงกว่าคาด หลังหุ้นธนาคารเผชิญแรงขายหนัก – อ่านเพิ่มในรายงานกลุ่มธนาคารวันนี้) ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง โดยนักลงทุนรอดูผลประชามติของกรีซในวันที่ 5 ก.ค. ว่าจะยอมรับแผนรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้หรือไม่ ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ตัวเลข non-farm payrolls มิ.ย. +2.23 แสนตำแหน่ง ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดแต่มีการลดตัวเลขจ้างงานในสองเดือนก่อนหน้านี้ ผนวกกับตัวเลข Wage growth ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้มุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนลงเล็กน้อย ด้านปัจจัยภายใน คาดว่าตลาดยังกังวลต่อเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นช้ากว่าคาด และกำไรไตรมาส 2/58 ของกลุ่มธนาคารไม่ดี ภาพรวมหากรับความเสี่ยงได้ แนะเข้าเก็งกำไรลุ้นผลประชามติกรีซยอมรับแผนของเจ้าหนี้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
“รับเสี่ยงได้” เก็งกำไร PLANB / สะสมหุ้นหลัก BANPU*, SAMART*, IFEC, INTUCH* ต่อ
PLANB (เป้า Consensus 5.9 บาท) 1) เราแนะนำ “ซื้อกลับ” PLANB หลังจากที่เราแนะนำ “ขายล๊อกกำไร” ไปก่อนหน้า โดยล่าสุดราคาหุ้นพักฐาน Sideway ส่งสัญญาณเตรียม Breakout รอบใหม่ โดยประเมินกรอบแนวรับสั้น 5.5 บาท แนวต้านสั้น 5.75 บาท (หากต่ำกว่า 5.5 บาท “ชะลอการเก็งกำไรก่อน” แต่ถ้าดีดพ้น 5.75 บาท แนะนำ “เก็งกำไรตาม” มีโอกาสทดสอบแนวต้านแรกที่ ±6 บาท และถัดไปที่ ±6.3 บาท) 2) ล่าสุดประกาศซื้อกิจการซื้อโฆษณาในสนามบิน (จอ LED และกล้องวงจรปิด บริเวณสายพานกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ตรงธีมการท่องเที่ยวขณะนี้
BANPU* (เป้า Consensus 31 บาท) 1) แนะนำ “ซื้อลงทุน” รูปแบบราคาสร้างฐานที่บริเวณ ±25 บาท แนวรับ 25.25 บาท (Stop loss 25 บาท) แนวต้านสั้น 26 บาท หากดีดผ่านได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 27.5 บาท 2) แนวโน้มกำไรจะเป็นขาขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส จากการเริ่มรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่เริ่ม COD เฟสแรกแล้ว และจะเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเฟสที่ 2 และ 3 ในเดือน พ.ย.58 และ มี.ค.59 ตามลำดับ และจากปัจจัยฤดูกาลความต้องการถ่านหินจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 – ไตรมาส 4 เป็นบวกต่อแนวโน้มราคาถ่านหิน
SAMART* (เป้า Consensus 35.9 บาท) 1) แนะนำ “ซื้อสะสม” คาดแกว่งตัว Sideway up ในกรอบ Uptrend Line Channel แนวรับ 27.5 บาท แนวต้าน 30.5 บาท 2) คาดแนวโน้มธุรกิจของ SIM และ SAMTEL ถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยเฉพาะ SAMTEL เริ่มเซ็นสัญญารับงาน และคาดงานประมูลภาครัฐฯจะเริ่มในช่วงไตรมาส 3/58 (ก่อนปิดปีงบประมาณฯ) 2) Upside risk อยู่ที่การเข้าลงทุนธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2 พัน MW ที่กัมพูชา คาดจะได้ข้อสรุปใน 2H58
IFEC (เป้าพื้นฐาน 16.6 บาท ... Best case 26.4 บาท) 1) แนะนำ “ซื้อสะสม” รูปแบบราคาเริ่มฟื้นตัวสร้างรูปแบบ Uptrend ใหม่ในกรอบแนวรับ 12.1 บาท แนวต้าน 15 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานเราประเมิน IFEC เตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ปากพนังขนาด 10MW ในเดือน ก.ย.นี้ และคาดเตรียมนำดีลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เกาหลีใต้ (33MW ถือ 30%) เข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นเดือน ก.ค.นี้ 3) คาดเดือน ก.ค. ภาครัฐฯเตรียมเปิด FIT Bidding โดยเฉพาะพลังงานลม ที่มี Barrier to Entry สูง (IFEC ศึกษาเตรียมไว้ ±180MW) ... ล่าสุดวานนี้ประกาศซื้อกิจการโรงไฟฟ้าขยะกำลังการผลิตไฟฟ้า 6MW (Adder 3.5 บาท) มีใบ PPA แล้วและจะเริ่มขายไฟ COD ปลายปี 2560
INTUCH* (เป้า Consensus 94.8 บาท) 1) แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” โดยประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัวในกรอบ Sideway แคบ 76.5 – 78.0 บาท รอสัญญาณการ Breakout หากปิดเหนือกรอบแนวต้าน 78 บาทได้ 2) ในเชิง Valuation ประเมินเป็นหุ้นปันผลเด่น Consensus คาดจ่ายปันผลปี 2558 และ 2559 เฉลี่ย 6.7 และ 7.6% ต่อปี ตามลำดับ 3) รอ Catalyst บวกเรื่องการประมูล 4G ในช่วงปลายปีนี้ - 1H59
... หุ้นพลังงานทดแทน (กลุ่มพลังงานลม IFEC, EA / กลุ่มโซลาร์ฟาร์ม SOLAR, SUPER / กลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวล TPCH, ECF, FPI / กลุ่มผู้รับเหมา DEMCO*, GUNKUL*) คาดกฏระเบียบต่างๆสำหรับการประมูล PPA พลังงานทดแทนจะเริ่มมีความชัดเจนภายในเดือน ก.ค. นี้ โดยจะเริ่มที่โซลาร์ฟาร์มก่อน และสำหรับพลังงานลม + ชีวมวล คาดเป็นช่วงปลายเดือน ก.ค. และคาดจะประกาศผลการประมูลในช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. นี้
1) พลังงานลม เป็นธุรกิจที่มี Barrier to Entry สูงที่สุด แนะนำ “ซื้อสะสม” IFEC, EA 2) กลุ่มโซลาร์ฟาร์ม คาด SOLAR ได้อานิสงค์สูงสุดจากการเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์ฟาร์มรายใหญ่ของไทย แนะนำ “เก็งกำไร” 3) กลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวล คาด ECF และ FPI จะเป็นหุ้น ”ม้ามืด” ที่มีโอกาสสอดแทรกการประมูล (ECF และ FPI แถลงข่าวจับมือโรงไม้ภาคใต้ คิดเป็น ±30% ของปริมาณอุปทานไม้ทั้งประเทศ) ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองเชิงบวกมากนัก แนะนำ “เก็งกำไร” สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง 4) กลุ่มผู้รับเหมาฯ แนะนำ “สะสม” DEMCO*, และ GUNKUL*
… กลุ่มรับเหมาฯ (CK*, UNIQ, SEAFCO, PYLON), วัสดุฯ (SCC*, SCCC, ARROW) ประเด็นเรื่องงบลงทุนโครงการภาครัฐฯเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แนะนำ “สะสม” หุ้นในกลุ่มฯ ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เร่งผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ไทย – จีน ให้ได้ข้อสรุปภายใน 15 ก.ค. นี้
… หุ้นอื่นที่แนะนำก่อนหน้า 1) TSR (ยังไม่มีเป้าพื้นฐาน) แนะนำ “เก็งกำไร” คาดแกว่งตัว Sideway ในกรอบแคบ 7.5 – 7.7 บาท รอสัญญาณการ Breakout โดยมี Catalyst บวกเรื่องคุณภาพน้ำประปาจากภัยแล้ง และการควบรวมกิจการ 2) PACE (เป้าพื้นฐาน 4.9 บาท) 1) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 2.9 บาท (หากต่ำกว่า 2.8 แนะนำ Stop loss) แนวต้าน ±3 บาท (ผ่านได้ถัดไป ±3.1 บาท) 3) BJCHI* (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 7.15 บาท แนวต้าน 7.45 บาท ผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้าน ±8 บาท เป็นจุดขายล๊อกกำไร 4) TKS (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 12 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบ Channel line แนวรับ 8.8 บาท – แนวต้าน 9.8 บาท (Upside risk เรื่องการพิมพ์ใบประชามติ)
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: BJCHI*, SCC*, KTB*, SAMART*, BANPU*
พอร์ตเก็งกำไร: IFEC, TSR, PLANB
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯคาดว่ากำไรสุทธิรวมของธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง (ไม่รวม BAY) จะลดลงถึง 12% QoQ และ 13% YoY จากอัตราการเติบโตของรายได้ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรอง (LLP) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยลบกดดันให้หุ้นธนาคารซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า -1SD ของค่าเฉลี่ย PBV ระยะยาว ฝ่ายวิจัยฯประเมินเป็นโอกาสสำหรับการเข้าช้อนซื้อหุ้นถูก
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
กระทรวงสาธารณสุข ได้อนุญาตให้พนักงานของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่อยู่ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังอาการโรคเมอร์สทั้งหมดกลับบ้านแล้ว (เอกสารเผยแพร่ ร.พ.บำรุงราษฏร์) ข่าวดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลของไทย อีกทั้งยังช่วยลดความกังวลของประชาชนต่อการแพร่ระบาดของโรคไวรัสเมอร์สในประเทศไทย หลังการพบผู้ป่วยรายแรก (ชาวโอมาน) เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา ซึ่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในฐานะที่เป็นผู้รายงานผู้ป่วยที่ต้องสงสัย และได้ทำการคัดกรองจนสามารถป้องกันการระบาดเข้าสู่ชุมชน รวมทั้งได้จัดการย้ายผู้ป่วยเพื่อไปรับการรักษาต่อยังสถาบันบำราศนราดูร ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างปลอดภัยและสามารถควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สได้ ซึ่งแนวทางปฏิบัติของ BH* และกระทรวงสาธารณสุขที่เพิ่มมาตรการการป้องกันที่สูงขึ้นกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) หน่วยควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) และกระทรวงสาธารณสุข ทำให้มั่นใจว่า ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลบำราศนราดูร เปิดเผยว่า อาการชายโอมานขณะนี้อาการดีขึ้น โดยสามารถลุกเดินได้แล้วในระยะใกล้ และคาดว่า จะสามารถเดินทางออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ (3 ก.ค.58) พร้อมกับญาติอีก 3 คนที่ครบกำหนดออกจากระบบเฝ้าระวังโรคเมื่อวาน (2 ก.ค.58) แต่รอเดินทางออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน ทั้งนี้ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลของไทยที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว ส่วนในแง่ราคาหุ้น เรายังคงให้ BDMS* เป็น Top pick จากส่วนต่างราคาหุ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมายของเรา โดยมีปัจจัยหนุนในเชิงพื้นฐานจากการขยายโรงพยาบาลที่ต่อเนื่องในอนาคตและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
(+) AKR ติดโผโซลาร์ชุมชนกอดงานประมูลล็อตใหญ่ (ทันหุ้น) AKR ลั่นสัปดาห์หน้า (6-10 ก.ค. 2558) เปิดโผโควตา "โซลาร์ชุมชน" ขนาด 800 เมกะวัตต์ "ดนุชา น้อยใจบุญ" ยิ้ม มีลุ้นซดไฟเข้าพอร์ต 20 เมกะวัตต์ อัดงบเร่งก่อสร้าง หวังบุ๊กค่าไฟเข้าปี 2559 ดันงบโตกระโดด ส่วน Q2/2558 พลิกกำไรชัวร์ รับรู้ Backlog ล็อตใหญ่ ลุยงานประมูล กฟภ.มูลค่า 1.4 พันล้านบาท ทราบผลเร็วๆ นี้ ทั้งปี 2558 รายได้เข้าเป้า 10% ต้าน 2 บาท
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยรับ 1490 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1490 จุดนั้น อาจรักษาแรงแรงกดลงสู่รับ 1477 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1490 จุดนั้น อาจสะสมสแรงผลักราคาขึ้นทดสอบต้าน 1518 จุด
แนวรับวันนี้: 1490/1477 แนวต้านวันนี้: 1497/1507
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]