- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 June 2015 17:08
- Hits: 4403
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
บทวิจัยตลาดทุนกรุงศรี (Morning Brief Package)
ตลาดหุ้นวานนี้: SET ผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยดัชนีได้ปรับลงแรงในช่วงแรกของการซื้อขายเนื่องจากนักลงทุนหวั่นวิตกว่า กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตามดัชนีกลับมาฟื้นตัวในช่วงท้ายตลาดและปิดลบเพียง 6.84 จุด นำโดยหุ้น PTT ADVANC AOT และ TASCO นักลงทุนต่างกลับมาซื้อสุทธิ 8 ลบ. แต่ยังขายในตลาดพันธบัตร 3.27 ลบ. และกลับมา Net short TFEX 75 สัญญา เป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: SET มีโอกาสรีบาวด์และจะผันผวนตามตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่ปริมาณการซื้อขายจะเบาบาง จากวิกฤติปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่จบ
กลยุทธ์วันนี้ : Selective BUY/เก็งกำไรหุ้นที่ปรับลงแรงวานนี้แต่ยังรีบาวด์ไม่เท่ากับจุดที่เดิมที่ปรับลงไป
Speculative BUY :
KCE (BUY/เป้า 62 บาท) – ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน และ คาด 2Q15 ฟื้นตัว
Accumulative BUY : SCN EPG TPCH และ GUNKUL
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) วันนี้กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ IMF อย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกรีซ ส่วนใหญ่ตลาดรับรู้ไปแล้ว เราเชื่อว่าจะมีกระทบตลาดหุ้นเพียงชั่วคราว: ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงวานนี้ได้สะท้อนการผิดนัดชำระหนี้ IMF ของกรีซไปมากแล้วเพราะกรีซได้ทำการปิดแบงค์ และCapital Control ไปแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและระบบการเงินกรีซและยูโรโซนแล้ว แม้กรีซยังเหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมงจะผิดนัดชำระหนี้ IMF อย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าไม่น่าห่วงเพราะ ECB เตรียมพร้อมรับมือวิกฤติหนี้กรีซ และยังต้องการให้กรีซอยู่ในกลุ่ม EU ต่อไป ซึ่งจากผลสำรวจโพลต่างๆยัง 50/50 ที่กรีซจะออกจาก EU เกมการทำประชามติว่าจะรับหรือไม่รับแผนปฏิรูปของเจ้าหนี้ในวันที่ 5 ก.ค นี้ก็เป็นการสร้างอำนาจการต่อรอง จนทำให้เจ้าหนี้ต้องยื่นเสนอแผนปฏิรูปใหม่ให้กรีซพิจารณาเที่ยงวันนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ดีการเจรจาอาจพลิกความคาดหมายก็เป็นได้ ทั้งนี้ทางออกที่เป็นไปได้อีกทางจะขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ว่าจะยืดอายุการชำระหนี้ให้กรีซหรือไม่ และเจ้าหนี้กรีซพร้อมเปิดเจรจาทุกเมื่อ
(0) กรณีกรีซผิดนัดชำระหนี้ จนต้องออกจากกลุ่ม EU ไม่กระทบเศรษฐกิจไทย : กรีซเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กเพียง 2% ของกลุ่ม EU และ 0.3% ของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกค่อนข้างจำกัด หากสังเกตุจากวานนี้ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับลง 2-3.5% ถือว่าไม่มาก ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดพันธบัตรมีแรงซื้อพันธบัตรส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ในกลุ่มยุโรปประเทศหลักอย่างเยอรมันนี ฝรั่งเศส ปรับลงเล็กน้อย แต่มีขายพันธบัตรในประเทศขนาดเล็กในกลุ่ม EU อย่าง อิตาลี สเปนและโปรตุเกสทำให้อัตราผลตอบแทนปรับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน มีเพียงกรีซที่พุ่งขึ้น 3.8% แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้กรีซไม่แพร่กระจายและค่อนข้างอยู่ในวงจำกัด ส่วนไทยค้าขายกับกรีซน้อยมากๆ ดังนั้นหากกรีซล้มก็ไม่น่าห่วง แต่จะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและในเชิงจิตวิทยาเท่านั้น
(+) KCE : (BUY/เป้า 62 บาท) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
KCE ยังมี Sentiment เชิงบวกในระยะยาวจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่า เพราะทุกๆ 1% ที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจะเพิ่มกำไรให้กับ KCE ประมาณ 1.3%
คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเห็นกำไรสุทธิเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q15 จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น นอกจากนี้โรงงานใหม่ที่เริ่มผลิตมาตั้งแต่ 1Q15 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ให้กับ KCE อีก 18% จะทำการผลิตถึงจุดคุ้มทุน ในไตรมาสนี้
KBANK (BUY/เป้า 220 บาท) - กำไรจะลดลง แต่ยังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2015/2016 ลง 8%/6% เพื่อสะท้อนถึง NPL และ credit cost ที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอยืดเยื้อ
คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q15 จะลดลง 13% QoQ และ 8% YoY เป็น 1.08 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก NIM ลดลง และค่าใช้จ่ายในการกันสำรองเพิ่มขึ้น
คงคำแนะนำ ซื้อ และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 220 บาท (เดิม 230 บาท) คิดเป็น P/BV 1.8x