- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 June 2015 16:42
- Hits: 1409
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Eye on Greece
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ปรับตัวลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายและทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 1,495.86 จุด หลังกรีซจะขอทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค.เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะรับแผนช่วยเหลือทางการเงินจาก EU หรือไม่ ส่งผลให้ความเสี่ยงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 30 มิ.ย.เพิ่มสูงขึ้น และเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ อย่างไรก็ตาม SET INDEX เคลื่อนไหวได้ดีกว่าภูมิภาค และลดลง 6.84 จุด หรือ -0.45% vs ตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ลดลงราว 2% ปิดที่ระดับ 1,511.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,074 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติวานนี้ค่อนข้างเบาบางโดยซื้อสุทธิตลาดหุ้น 8 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กลับมา Short สุทธิ SET50 Index Future เพิ่มขึ้นถึง 4,649 สัญญา จากวันก่อนหน้าที่ Short สุทธิเล็กน้อย 75 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
จีนออกมาตรการชะลอการออกหุ้น IPO เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด
ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบต่อการเจรจาประเด็นนิวเคลียร์ระหว่างชาติมหาอำนาจและอิหร่านที่ถึงกำหนดในวันนี้ หากบรรลุข้อตกลงได้คาดว่าจะเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบเนื่องจาก Supply น้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากการส่งออกของอิหร่าน
ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เรียกร้องให้ประชาชนชาวกรีซลงมติโหวตรับแผนช่วยเหลือทางการเงินในวันที่ 5 ก.ค.เพื่อคงสถานะกรีซใน EU
ความเห็นของ IMF หากกรีซไม่สามารถชำระหนี้จำนวน 1.6 พันล้านยูโรตามกำหนดได้ในวันนี้
การปรับน้ำหนักดัชนี SET50 หุ้นที่ถูกเข้าสู่ดัชนีได้แก่ BA, BMCL, CBG, ITD, SAWAD, TPIPL, WHA
ตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดในวันพรุ่งนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวนในวันนี้ และคาดว่า SET INDEX จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,495-1,520 จุด เนื่องจากสถานการณ์ของกรีซยังเป็นปัจจัยลบกดดันภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกจนกว่าจะผ่านพ้นการทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค.
นอกจากนั้น การเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดกลางสัปดาห์ของตลาดหุ้นไทยจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในการถือครองหุ้น
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือท่าที่ของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ว่าจะขยายระยะเวลาวงเงินช่วยเหลือให้กับกรีซเพิ่มเติมในระยะสั้นเพื่อให้สอดรับกับระยะเวลาในการทำประชามติในวันอาทิตย์นี้หรือไม่ ซึ่งหากมีการขยายระยะเวลาออกไปคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้เช่นกัน
ขณะที่การผิดนัดชำระหนี้กับ IMF ในวันนี้จำนวน 1.6 พันล้านยูโร หากเกิดขึ้นเชื่อว่าจะไม่ได้เป็นปัจจัยลบใหม่ต่อตลาดเนื่องจากจะยังไม่นับว่าเป็น Default ในมุมมองของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยนัยสำคัญของการชำระหนี้คือวันที่ 20 ก.ค. ที่จะครบกำหนดชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านยูโรของ ECB และจะถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้หากกรีซไม่สามารถชำระเงินได้ในวันดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงบวกและเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผลการทำประชามติของประชาชนชาวกรีซในวันที่ 5 ก.ค.จะโหวตรับแผนช่วยเหลือทางการเงินและเป็นปัจจัยปลดล็อกบรรยากาศการลงทุนเชิงลบในตลาดหุ้นทั่วโลกให้คลี่คลายตัวลงในสัปดาห์หน้าหลังทราบผลการทำประชามติ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนรอซื้อเก็งกำไรบริเวณ 1,500 จุดหรือต่ำกว่า" เพราะคาดว่าปัจจัยลบของกรีซจะมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นทั่วโลกสูงสุดในสัปดาห์นี้และเริ่มคลายตัวลงในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้น หากมีพัฒนาการเชิงบวกใดๆ เช่น การขยายระยะเวลาวงเงินช่วยเหลือให้กรีซระหว่างสัปดาห์ย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกให้ฟื้นตัวได้ในทันที
Top Pick in 2Q15: ITD / TPIPL/ WHA / TASCO
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC
Accumulative Buy: INTUCH
Trading Buy : TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. INTUCH : ราคาปิด 77.50 บาท ราคาเหมาะสม 114.00 บาท
a) MBKET แนะนำทยอยสะสม INTUCH เพื่อรับเงินปันผล โดยคาดการณ์เงินปันผล 1H58 หุ้นละ 2.20 - 2.30 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 3%
b) คาดว่าหุ้น Defensive จะเป็นที่พักเงินได้ดีภายใต้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่ผันผวนในวันนี้ จากความกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้และส่งผลให้ต้องออกจากกลุ่ม EU หลังการเจรจาแผนปฎิรูปทางการเงินกับเจ้าหนี้ในวันเสาร์ที่ผ่านมาล้มเหลว และจะครบกำหนดชำระหนี้กับ IMF จำนวน 1.5 พันล้านยูโรในวันที่ 30 มิ.ย.
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลางของหุ้นกลุ่มสื่อสาร จากการประมูล 4G ในช่วงปลายปี และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ปลดล๊อกความกังวลเรื่องคลื่นความถี่ของ ADVANC ที่จะหมดอายุสัมปทานลงในปี 2558
d) ขณะที่ THCOM เข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุน และมีการเติบโตของกำไรที่สูง โดยคาดกว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +25.7% yoy จากการรับรู้รายได้ของดาวเทียมไทยคม 6 และ IPSTAR ที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
e) ราคาปิดวานนี้ที่ 77.50 บาท มีส่วนลด 17.52% จาก NAV ของมูลค่าเงินลงทุนใน ADVANC และ THCOM ที่หุ้นละ 93.96 บาท
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. TASCO : ราคาปิด 22.30 บาท ราคาเหมาะสม 28.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT ที่ปรับตัวลงวันที่ 4 ติดต่อกัน จากความกังวลต่อสถานการณ์ในกรีซ และหากอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงโครงการอาวุธนิวเคลียร์ได้จะส่งผลให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้งและส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวลงต่อ
b) คาดกำไรสุทธิ 2Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 1.2 - 1.4 พันล้านบาท จากแรงหนุนของตลาดต่างประเทศ หลังจีนมีคำสั่งซื้อ Lot ใหญ่เข้ามาถึง 2.5 แสนตัน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับสูงเนื่องจากได้ทำสัญญาซื้อขายน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนไว้ล่วงหน้าแล้วราว 3-4 เดือน
c) ทิศทางผลประกอบการ 3Q58 จะดีต่อเนื่อง และคาดว่าปริมาณขายใน 3Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่เนื่องจากคำสั่งซื้อจากจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกใน 3Q58 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่กำไรสุทธิ 3Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องได้จาก 2Q58
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +249.7% yoy เป็น 4,226 ล้านบาท และ Valuation ยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากซื้อขายระดับ PER2558 ที่ 8.2 เท่า นอกจากนั้น แผนการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯใน 2H58 จะเป็นอีกปัจจัยผลักดันยอดขายยางมะตอยในประเทศให้ขยายตัวและส่งผลบวกต่อหุ้น TASCO โดยตรง
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วัน US$338 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$137 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ภาพรวมเงนทุนต่างชาติชะลอตัว
นักลงทุนต่างชาติกลับซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย 8 ล้านบาท เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากวันก่อนหน้าที่ 452 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 15,754 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติ Short สุทธิอีก 4,649 สัญญา เป็นการ Short สุทธิวันที่ 2 ติดต่อกัน จากวันก่อนหน้าที่ Short สุทธิ 75 สัญญา เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 40,402 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long บางส่วน
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเล็กน้อยเพียง 3 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1,451 ล้านบาท
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 656 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 432 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเล็กน้อยในรอบ 6 วัน
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 123 ล้านบาท จากซื้อสุทธิ 1,535 ล้านบาทในวันก่อนหน้า โดยซื้อสุทธิหุ้นในกลุ่ม ICT โดดเด่น คาดว่าเกิดจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่หุ้น Defensive จากความกังวลต่อสถานการณ์ในกรีซ สรุปภาพรวมการลงทุน NVDR ดังต่อไปนี้
1. กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิสูงสุด 200 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มปิโตรเคมี 109 ล้านบาท และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 94 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างขายสุทธิสูงสุด 261 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มพลังงาน 211 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร 181 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ยอดขายบ้านรอปิดการขายสูงสุดในรอบ 9 ปี: เพิ่มขึ้น 0.9% mom ในเดือน พ.ค. ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2549 เทียบกับที่ Bloomberg Consensus คาด 1.0% mom และเดือนก่อนหน้า 2.7% mom สะท้อนการเติบโตของภาคอสังหาฯที่เริ่มทรงตัว ในทิศทางเดียวกับการจ้างงานและรายได้ที่เติบโต ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
ยุโรป
ตัวเลขเศรษฐกิจในอียูออกมาเชิงลบ
ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 103.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 103.8 จุดและต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 103.8 จุด
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 0.14 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.28 จุดและต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 0.27 จุด
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.อยู่ที่ -5.6 จุด เท่ากับเดือนก่อนและ Bloomberg Consensus คาด
อัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. ของเยอรมันลดลง 0.1% mom จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.1% momและขณะที่ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.2% mom
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ของอังกฤษดีกว่าคาด: อยู่ที่ระดับ 7 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1 จุดและดีกว่า Bloomberg Consensus คาดที่เพียง 2 จุด
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530