- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 June 2015 16:58
- Hits: 1659
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เลือกซื้อจังหวะอ่อนตัว
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index วันศุกร์แกว่งรอข่าวประชุมหนี้กรีซวันเสาร์ ปิดตลาดดัชนี -1.44 จุดที่ 1518.03 มูลค่าซื้อขายชะลอลงเหลือ 3 หมื่นกว่าล้านบาท โดยการร่วงแรงของตลาดจีนเพราะขึ้นมามากและทางการควบคุมการซื้อขายมาร์จิ้นไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น TIP นัก สถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 2.2 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 460 กว่าล้านบาท ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิสำหรับวันนี้ คาดว่าตลาดหุ้นจะร่วงลงตามปัจจัยภายนอกที่วิตกกรีซจะผิดนัดชำระหนี้กับ IMF 1.5 พันล้านยูโร ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยขณะนี้ทางการกรีซประกาศ Capital Control แล้ว (ธนาคารกรีซปิดทำการและคาดว่าจะปิดไปถึง 7 ก.ค. และตลาดหุ้นปิดทำการในวันนี้) ทั้งนี้รัฐสภากรีซมีมติให้ทำประชามติ 5 ก.ค.58 ว่าประชาชนจะรับข้อเสนอของกลุ่มเจ้าหนี้หรือไม่ รวมทั้งในประเทศก็มีแรงกดดันจากตัวเลขส่งออกเดือนพ.ค.ของไทยที่หดตัวเกินคาดถึง 5%YoY และการนำเข้าลดลง 20%YoY บ่งชี้ว่าการบริโภคและการลงทุนภายในชะลอตัว กลยุทธ์ เน้นซื้อหุ้นพื้นฐานดีจังหวะอ่อนตัว
การวิเคราะห์ทางเทคนิค เห็นว่าตลาดสัปดาห์นี้มีโอกาสอ่อนตัวลงก่อนแล้วค่อยมีเด้งสั้นตามมา แนวฟิวเตอร์และแนวเด้ง 1510 จุด หลุดแนวนี้ก็ให้รอซื้อต่ำที่ 1480-1470 หรือต่ำกว่า แต่ถ้าไม่หลุดแล้วมีรีบาวด์ก็มีแนวต้านที่ 1520-1530 จุด
สำหรับการ SCAN หาหุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BJCHI, FANCY, PTL, TVO, IFEC, SUPER, CGD, PSL,CEI ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TNPC, KKC และหุ้นที่ราคาปรับขึ้นตามคำแนะนำแล้ว & อยู่ในพื้นที่ Take Profit เป็น FPI
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- Update กรีซ : # การประชุมรมว.คลังยูโรโซนเมื่อวันเสาร์ 27มิ.ย.ยังไม่บรลุข้อตกลงระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ และที่ประชุมปฎิเสธยืดข้อตกลงให้ความช่วยเหลือกรีซที่จะหมดอายุ 30 มิ.ย.นี้
# รัฐสภากรีซมีมติให้จัดทำประชามติว่าจะยอมรับข้อเสนอของบรรดาเจ้าหนี้หรือไม่ในวันที่ 5 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาของรัฐบาลโดยการให้ประชาชนกรีซตัดสินชะตาประเทศ
# ECB ประกาศคงเพดานเงินกู้ฉุกเฉิน (ELA) กับธนาคารกรีซไว้ที่ 8.5 หมื่นล้านยูโร
# กรีซประกาศ Capital Control และธนาคารกรีซปิดให้บริการในวันนี้ ซึ่งคาดว่าธนาคารจะปิดไปจนถึงวันที่ 7 ก.ค.58 ด้านตลาดหุ้นกรีซก็ปิดทำการในวันนี้เช่นกัน
# ค่าเงินยูโรร่วงแรง ล่าสุดอยู่ที่ 1.1014 จาก 1.1370 US$/Euroเมื่อ 7 วันทำการก่อนหน้า
- ญี่ปุ่น : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพ.ค.หดตัว 2.2%MoM ส่วนดัชนีขนส่งภาคอุตสาหกรรมลดลง 1.9%MoM และดัชนีสต็อกสินค้าคงคลังลดลง 0.8%MoM
+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายของเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 96.1 สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 94.6 และดีกว่าที่นักวิเคราห์คาดการณ์ไว้ที่ 95.0
+ ตลาดหุ้นเวียดนาม : รัฐบาลเวียดนามอนุมัติให้ยกเลิกข้อจำกัดการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จากปัจจุบันอยู่ที่ 49% ซึ่งการผ่อนปรนครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญต่อการลงทุน โดยเป็นสิ่งที่นักลงทุนสถาบันรอคอยมานานแล้ว ผู้อำนวยการไวนาแคปิตอล กองทุนใหญ่ที่สุดของเวียดนามแห่งหนึ่งกล่าวไว้
•/- ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเมื่อวันศุกร์เพราะยังหวังว่ากรีซจะได้รับการขยายเวลาผ่อนปรนจากเจ้าหนี้อีกรอบ...แต่ร่วงแรงวันนี้ โดยดัชนี DJIA +56.32 จุด แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P500ลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้สำนักข่าว AMNA ของทางการกรีซรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวของยุโรปว่าจะมีการเสนอแผนขยายระยะเวลาต่อไปอีก5 เดือนสำหรับความช่วยเหลือทางการเงินซึ่งได้มีการขยายเวลาไปแล้วในเดือนก.พ.58 ที่ผ่านมา แต่เมื่อผลการประชุมออกมาเป็นดังข้างต้น คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะร่วงลงในวันจันทร์สะท้อนความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้กรีซที่สูงขึ้นมาก
- ดัชนีตลาดหุ้นและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ร่วงแรง โดยดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลงไปกว่า 500 จุดในเช้าวันนี้ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ดิ่งลง 1.35% และดัชนีตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงกว่า 1%
• สัญญาน้ำมันดิบแกว่งแคบ สัญญา WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดลดลง 7 เซนต์ แตะที่ 59.63 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ปิดเพิ่มขึ้น6 เซนต์ ที่ 63.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ สัญญาทองคำปรับขึ้นสอดรับความเสี่ยงเรื่องกรีซผิดนัดชำระหนี้ 30 มิ.ย.นี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบส.ค.ปิดเพิ่มขึ้น1.4 ดอลลาร์ หรือ +0.12% ที่ 1,173.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เราคาดว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นได้ในช่วงนี้หลังกรีซมีความสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
- มูลค่าส่งออกพ.ค.ร่วงลง 5.01% นำเข้าลดลง 19.97% เป็นอัตราการลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยส่งออกเดือนพ.ค.อยู่ที่ 18,429 ล้านดอลลาร์ ส่วนนำเข้ามีมูลค่า 16,012 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เดือนนี้เกินดุลการค้า 2,417 ล้านดอลลาร์ สำหรับงวด5M58 มูลค่าส่งออกลดลง 4.2% เป็น 88,694 ล้านดอลลาร์ นำเข้าหดตัว 9.39% เป็น 85,371 ล้านดอลลาร์ เกินดุลการค้าสะสม 3,323 ล้านดอลลาร์
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : นับว่าการส่งออกซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้และแนวโน้มยังไม่ดี โดยการส่งออกที่หดตัวฉายให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า รวมถึงไทยต้องปรับโครงสร้างสินค้าส่งออกให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกด้วย ส่วนนำเข้าที่หดตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 6 ปีก็บ่งชี้ถึงการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัว (การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเดือนพ.ค.58ลดลง 8% และ 4.8%ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 2.6% ซึ่งชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.58) ทั้งนี้มูลค่าส่งออกคิดเป็น50-55% ของจีดีพีไทย ซึ่งมีผลต่อการจ้างงานและกำลังซื้อของประชาชนมาก ดังนั้นถ้าการใช้จ่าย&ลงทุนภาครัฐไม่เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 3%
• สศค.จะปรับลดประมาณการจีดีพีปี 58 ของไทยเดือนก.ค.นี้ ซึ่งตัวเลขประมาณการของเดือนเม.ย.58 อยู่ที่ +3.7% โดยการปรับลงเป็นการสะท้อนสถานการณ์ส่งออกที่ยังไม่ดี และภาวะภัยแล้งที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจด้วย
•/- ธปท.คาดสินเชื่อปี 58 เติบโตไม่ถึง 7% โดยการฟื้นตัวของสินเชื่อใน 2H58 อาจล่าช้ากว่าที่คาด
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ทาง Retail Research เห็นในทางเดียวกันว่าสินเชื่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปีนี้อาจจะต่ำกว่า 5% (5M58 ขยายตัว3.3%YTD) เพราะ 1) เศรษฐกิจโดยรวมซบเซายาวนากว่าที่ประเมินไว้ความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อบริโภคและลงทุนชะลอตัว, 2) ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะเน้นการบริหารคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าการเติบโต ซึ่งประเด็นเรื่องหนี้เสียยังติดค้างใจนักลงทุนในช่วงนี้ ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังไม่ค่อย Performนัก เราให้น้ำหนักการลงุทน Neutral ในกลุ่มแบงค์ โดยยังชอบที่ธุรกิจมั่นคง และพร้อมฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ แต่ในระยะสั้นยังขาด Catalystและมีควาเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจจะด้อยค่าลงได้อีก กลยุทธ์เป็นการทยอยซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัว (ไม่ไล่ราคา) หุ้น Top Pick เป็นKBANK รองลงมาเป็น BBL, TMB, SCB
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]