- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 June 2015 17:24
- Hits: 1659
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อ/ถือต่อ...ลุ้นว่ากรีซตกลงกับเจ้าหนี้ได้ในที่สุด"
Stock Picks-June 2015 : Fundamental : CK, GL, KBANK, PLANB, TTCL Dark Horse: BJCHI, MCS
Fundamental Pick -Today: CK
Top Picks-High Div Yield: ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : LPN 31%
Technical View ภาพตลาดพลิกเป็นบวก แต่ยังต้องระวังการแกว่งในบริเวณ High เดิม แต่ถ้าผ่านและยืนเหนือ 1520 ได้ให้ถือต่อ ไม่ได้ขายก่อน
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1520,1530 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 1100,1200 ค่าลบ
Technical Picks- Today : PTL, IFEC, SUPER, VNG, TPIPL, FANCY, TH
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้พุ่งขึ้น 15.03 จุดปิดที่ 1518.26 จุด (+1%) โดยเป็นการปรับขึ้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียที่มีความหวังว่ากรีซกับเจ้าหนี้จะบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งอาจมีการทำ Window dressing ของนักลงทุนสถาบันเพื่อปิดไตรมาส 2 ด้วย นักลงทุนสถาบันในประเทศ ต่างชาติ และพอร์ตบล.ซื้อสุทธิกลุ่มละกว่า 1 พันล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ
ส่วนภาพตลาดโดยรวมในวันนี้ไม่สดใสนักเนื่องจากเจ้าหนี้ไม่ยอมรับข้อเสนอในการปฎิรูปของกรีซ ซึ่งต้องติดตามผลการประชุมที่จะมีต่อในวันนี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ยังคงประเมินว่ากรีซและเจ้าหนี้จะบรรลุข้อตกลงกันได้ในที่สุด ดังนั้นการอ่อนตัวของราคาหุ้นจึงเป็นจังหวะซื้อ ทั้งนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ไม่ได้ตระหนกกับเรื่องของกรีซมากนัก และบางตลาดยังปรับขึ้นได้ สำหรับปัจจัยในประเทศยังกังวลผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและติดตามโรคเมอร์ส กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, ซื้อ Defensive ปันผลสูง หรือเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q58 กลุ่มโภคภัณฑ์ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CK โดยคาดว่าการปรับโครงสร้างในช่วงที่ผ่านมาเป็นบวกกับบริษัท ผลประกอบการ 2Q58 แกร่ง โดยมีกำไรจากการขายหุ้นไซยะบุรีราว 1.3 พันล้านบาทช่วยหนุน และโครงการลงทุนใหม่ๆ จะคืบหน้ามากขึ้นในช่วง 2H58 เพราะภาครัฐน่าจะเร่งใช้จ่ายและลงทุนในช่วงก่อนปิดปีงบประมาณ 58 ในสิ้นก.ย.นี้
สำหรับ การ SCAN หาหุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BJCHI, RCI, UMI, FPI, TPIPL, ASP, FANCY, TH ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น PTL, TVO, IFEC, SUPER, VNG และหุ้นที่ราคาปรับขึ้นตามคำแนะนำแล้ว & อยู่ในพื้นที่ Take Profit เป็น S, CPF, SEAFCO, VIBHA, EFORL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- กรีซ : กลุ่มเจ้าหนี้ยังไม่ยอมรับข้อเสนอกรีซ ประธานกลุ่มรมว.คลังยูโรโซนเปิดเผยว่าการประชุมเกี่ยวกับประเด็นหนี้สินของกรีซซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ด้านนายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่ากลุ่มเจ้าหนี้ไม่ยอมรับข้อเสนอของกรีซ รมว.คลังเยอรมนีส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่ยินยอมอ่อนข้อต่อมาตรการรัดเข็มขัดที่ทางกลุ่มเจ้าหนี้ยื่นเงื่อนไขให้กับกรีซ
กรีซ : ติดตามผลการประชุมในวันนี้ต่อ โดยรมว.คลังยูโรโซนจะประชุมเรื่องการแก้ปัญหาหนี้กรีซอีกครั้ง เพราะกรีซและเจ้าหนี้ต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ภายในสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าต้นสัปดาห์หน้า เพราะมีเส้นตายในการชำระคืนหนี้ IMF ในวันที่ 30 เม.ย.58 และแผนช่วยเหลือกรีซฉบับปัจจุบันก็จะหมดอายุลงด้วย
สหรัฐ : ตัวเลข GDP ขั้นสุดท้ายประจำ 1Q58 ของสหรัฐ -0.2%QoQ (ดีขึ้นจากประมาณการครั้งที่ 2 ที่ -0.7%QoQ)
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรง ดัชนี DJIA หลุด 18,000 จุด โดยลดลง 178 จุด หรือ -0.98% ดัชนี NASDAQ ลดลง 37.68 จุด หรือ -0.73% ดัชนี S&P 500 ลดลง 15.62 จุด หรือ -0.74% เนื่องจากประธานกลุ่มยูโรโซนกล่าวว่าที่ประชุมยังไม่ยอมรับข้อเสนอของกรีซ
+ แต่...โดยรวมที่ปรึกษาทางการเงินมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ผลการสำรวจของ Investors Intelligence (II) พบว่าความเชื่อมั่นของที่ปรึกษาทางการเงินต่อตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วเป็น 51.6% จากระดับ 45.5% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่มีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นลดลงเป็น 15.4% จาก 16.5% ส่วนผู้ที่เห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะมีการปรับฐานได้ลดลงเป็น 33% จากสัปดาห์ก่อนที่ 38%
+ สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 โดย EIA หรือสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ เผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐสัปดาห์ก่อนลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงในช่วงสั้น แต่อยู่ในแนวโน้มแกว่งขึ้นในระยะกลาง-ยาว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 60.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญา BRENT ลดลง 96 เซนต์ ปิดที่ 63.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะนักลงทุนกังวลเรื่องหนี้กรีซ จึงละเลยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด แต่เมื่อสถานการณ์เรื่องกรีซคลี่คลายลง ราคาน้ำมันดิบก็มีโอกาสขยับขึ้นได้ โดย EIA คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยปีนี้ที่ 61 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนค่าเฉลี่ยของ YTD ปีนี้เท่ากับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับปี 59 คาดไว้ที่ 67 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาทองคำร่วงต่อ โดยสัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบส.ค.ลดลง 3.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,172.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยแรงขายทองคำมาจากตัวเลข GDP สหรัฐประจำ 1Q58 ชะลอน้อยกว่าประมาณการครั้งที่ 2 และเชื่อว่าในที่สุดกรีซกับเจ้าหนี้จะตกลงกันได้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
กลุ่มสื่อสาร : กสทช.เล็งขยายเวลาเยียวยาผู้ใช้ 2G บนความถี่ 1800 MHz ถึงต้นปี 59 จากเดิมจะสิ้นสุดมาตรการ 17 ก.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุมัติจากคสช.ในเร็วๆนี้ สำหรับคลื่นความถี่ 900 MHz ของ ADVANC ที่จะหมดสัมปทานกับ TOT ในเดือนก.ย.58 ทางกสทช.มีแผนประมูลใบอนุญาตคลื่น 900 MHz วันที่ 15 ธ.ค. โดยกำลังร่างมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการในช่วงต้นส.ค.58 ถึงสิ้น 1Q59 ซึ่ง ADVANC คาดว่ามีลูกค้าอยู่ในคลื่นความถี่นี้ราว 3-4 ล้านราย
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เรามองว่ากลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในช่วงสั้นยังไม่มี Catalyst และการแข่งขันในธุรกิจยังรุนแรง ขณะเดียวกันภาระการลงทุนในโครงข่าย 3G & 4G ยังคงสูงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ADVANC และ INTUCH มีความโดดเด่นเรื่องฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสูง โดยให้ Dividend Yield เฉลี่ย 5-6% ต่อปี
ส่วนธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโต Outperform กลุ่มสื่อสาร คือ ธุรกิจดาวเทียม เพราะมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ หุ้นเด่นเป็น THCOM ซึ่งคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 58 จะเติบโตราว 30% จากการรับรู้รายได้จากไทยคม 7 เต็มปี อัตราการใช้ไทยคม 6 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากทีวีดิจิตอล และอัตราการใช้ iPSTAR เพิ่มขึ้นอีกราว 4-5% เป็นประมาณ 60% สำหรับการยิงดาวเทียมไทยคม 8 คาดว่าจะเป็นช่วง 2H59 นักวิเคราะห์ใน IAA Consensus 9 ราย แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานเฉลี่ยไว้ที่ 49.50 บาท
KTB ยืนยัน NPL ใน 2Q58 ไม่เพิ่มขึ้นแรง...ผลประกอบการ 2Q58 จะต่ำสุดในปีนี้ โดยในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.58 ธนาคารได้ดูแลคุณภาพสินเชื่อในพอร์ตอย่างใกล้ชิด และธนาคารไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองฯพิเศษใน 2H58 (เดือนเม.ย.58 ตั้งสำรองพิเศษ 3.6 พันล้านบาท หลัง NPL ใน 1Q58 เพิ่มขึ้น 18%QoQ) ธนาคารคาดว่าจะสามารถควบคุมคุณภาพหนี้ไม่ให้ด้อยลงได้จากมาตรการบริหารความเสี่ยงหนี้เสียใหม่ สำหรับสินเชื่อที่เป็นความเสี่ยงอยู่ในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้เติบโตเป็น 100% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สำหรับการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ยังตั้งไว้ที่ 1.5 เท่าของ GDP Growth ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-7%
ราคาหุ้นปรับลดลงมาแล้ว 25% จากระดับสูงสุดในช่วงกลางเม.ย.58 สะท้อนความวิตกกังวลกับการด้อยค่าของคุณภาพสินทรัพย์และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นไปพอควรแล้ว ณ ราคาปัจจุบันที่ 17.90 บาท ซื้อขายที่ P/E ปีนี้ที่ 7.9 เท่า และ P/BV เท่ากับ 1 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ราว 4% ในเชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยนักวิเคราะห์ DBSV ให้ราคาเป้าหมาย KTB ไว้ที่ 22.50 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]