- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 June 2015 15:29
- Hits: 2110
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเหนือ 1500”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้เด้งขึ้น 12.60 จุด ปิดเหนือ 1500 จุดได้อีกรอบ ซึ่งเป็นการเด้งกลับเร็วและแรงกว่าคาด ปัจจัยหนุน คือ ความหวังว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่าทางการไทยจะสามารถควบคุมโรคเมอร์สได้ หุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน ท่องเที่ยว โรงแรม การบินปรับขึ้นนำตลาด นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ ส่วนต่างชาติซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน ด้านรายย่อยขายสุทธิจังหวะตลาดมีรีบาวด์
ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียขยับขึ้นต่อจากวานนี้ ขานรับสัญญาณบวกของการเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ โดยกรีซได้เสนอแผนที่ปรับใหม่แล้วเมื่อวานนี้ โดยรมว.คลังยูโรโซนจะประชุมหารือรายละเอียดอีกรอบในสัปดาห์นี้ ตลาดคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนเส้นตาย 30มิ.ย.58 อย่างไรก็ตาม สำหรับปัจจัยในประเทศของไทยยังไม่ดีนัก โดยปัญหาภัยแล้งเข้ามากดดันกำลังซื้อในประเทศเพิ่ม ซึ่งเดิมก็ซบเซามากอยู่แล้ว กลยุทธ์ เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, ซื้อ Defensive ปันผลสูง หรือเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q58 กลุ่มโภคภัณฑ์ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น IVL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณทางเทคนิคพลิกเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่แนะนำตามด้วยค่าบวกของหุ้นและดัชนียืนเหนือ 1500 จุดกรอบแนวต้าน 1510-1520, 1530 จุด
สำหรับการ SCAN หาหุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SENA, DELTA, BJCHI, S, CPF, SEAFCO, VIBHA,OFM, LPN ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น RCI, UMI, FPI, TPIPL, EFORL และหุ้นที่ราคาปรับขึ้นตามคำแนะนำแล้ว & อยู่ในพื้นที่ Take Profitเป็น IVL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ กรีซ : กรีซและเจ้าหนี้มีทีท่าว่าจะยอมผ่อนปรนบางเงื่อนไขทั้งนี้รัฐบาลกรีซได้มีข้อเสนอเรื่องแผนปฎิรูปที่ปรับใหม่ให้กับที่ประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ ซึ่งที่ประชุมได้ขานรับในเบื้องต้นและขอเวลาเพื่อศึกษารายละเอียดข้อเสนอของกรีซ โดยรมว.คลังยูโรโซนจะมีนัดประชุมอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดประเมินว่าการหันหน้าเจรจาและยอมปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางประการของกรีซกับเจ้าหนี้ทำให้ความเสี่ยงเรื่องกรีซจะผิดนัดชำระหนี้และออกจากยูโรโซนจำกัดลง
+ สหรัฐ : ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. +5.1%MoMเป็น 5.35 ล้านยูนิต ดีกว่าคาด บ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวดี
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อ ดัชนี DJIA ปิด +103.83 จุด ดัชนีS&P500 ปิด +12.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +36.97 จุด เพราะคาดหวังว่ากรีซและเจ้าหนี้จะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาดด้วยกลุ่มที่นำตลาดขึ้น คือ ธนาคาร และสายการบิน
• ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และBRENT ส่งมอบก.ค.58 เพิ่มขึ้น 0.07 และ 0.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.68และ 63.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาทองคำร่วงแรง หลังมีสัญญาณบวกจากกรีซ vs เจ้าหนี้สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบส.ค.58 ร่วงลง 17.8 ดอลลาร์ หรือ -1.48% ปิดที่ 1184.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
• อาจใช้มาตรา 44 มาช่วยแก้ปมปัญหา ICAO โดยขณะนี้จะตั้งคณะอนุกรรมการอีก 4 ชุด ที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานการบินที่มีความรู้ด้านกฎหมายเพื่อมาพิจารณาร่างพ.ร.บ.การเดินอากาศฉบับใหม่ และคาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบปลายก.ค.58 หลังจากนั้นจะเสนอครม.และขออนุมัติจากคสช.ให้แล้วเสร็จภายในต.ค.58 ทั้งนี้หาการดำเนินงานล่าช้าก็อาจใช้มาตรา 44 เข้ามาช่วยผลักดัน
• ไทย แอร์เอเซีย เอ็กซ์ ระงับการให้บริการเส้นทางบินสู่ซับโปโร ญี่ปุ่นชั่วคราว ตั้งแต่ 1 ส.ค.58 เป็นต้นไป เพราะติดปมปัญหาICAO สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วไว้ล่วงหน้าจะมีมาตรการชดเชยให้อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ AAV เพราะเป็นคนละบริษัทกัน
+ นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้ขยายเพดานการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.ให้ SME จาก 18% เป็น 30% เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง(สิ้นสุดปลายปี 59) คาดว่าจะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ก่อนเสนอครม.พิจารณา ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ SME ที่ขาดสภาพคล่องแต่ธุรกิจยังไปได้ดี ลดความเสี่ยงเรื่อง NPL ของภาคการเงิน ด้าน SCB ออกมารับลูกเรื่องนี้ และคาดว่าจะขยายสินเชื่อ SME ผ่านโครงการบสย.ได้มากขึ้น
•/- จับตาปัญหาภัยแล้ง...กดดันกำลังซื้อในประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้น้ำต้นทุนของเขื่อนต่างๆ ลดลงมาก ด้านคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจะเสนอขอใช้งบประมาณ 51 ล้านบาทเพื่อขุดบ่อบาดาลเร่งด่วน สำหรับพื้นที่ปลูกข้าวลุ่มเจ้าพระยาตามรายงาน GISTDAขณะนี้อยู่ที่ 4 ล้านไร่ เพิ่มจากวันที่กระทรวงเกษตรฯประกาศให้ชะลอการปลูกข้าวที่ 3.4 แสนไร่ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเสียหายจากภัยแล้งและยังไม่พื้นที่อีก 2 ล้านไร่ที่เกษตรกรกำลังตัดสินใจว่าจะรอฝน หรือปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยไปเลย ด้านกระทรวงการคลังไม่เห็นชอบมาตรการให้เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 3 พันบาท
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เราคาดว่าปัญหาภัยแล้งที่เข้ามาเพิ่ม ทำให้กำลังซื้อในประเทศจะอ่อนแอต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด นักวิเคราะห์มีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มอุตสาหกรรมที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศลงอีก (ตัวเลข GDP ปี 58 ที่ปรับใหม่ของธปท.จากเติบโต 3.8% เป็น 3.0% ก็สะท้อนถึงความซบเซาที่ยาวนานกว่าคาดอย่างชัดเจน) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน 1) เลือกซื้อบริษัทที่สามารถเติบโต Outperform กลุ่มได้อย่างชัดเจน (มีประเด็นบวกเฉพาะตัวของบริษัท), 2) ลงทุนในหุ้น Defensive เช่น สื่อสาร(ADVANC, INTUCH, THCOM), สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (BTS,GLOW, EGCO, RATCH, TTW) เป็นต้น, 3) เลือกซื้อเก็งกำไรหุ้นโภคภัณฑ์ ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการ 2Q58 ออกมาดี เพราะมีกำไรจากสต็อกเข้ามาช่วยหนุน (BCP, IVL, PTTGC, TOP)
สำหรับกลุ่มที่อิงอุปสงค์ในประเทศ คาดว่าผลประกอบการปีนี้จะซบเซาโดย SSSG จะเติบโตจำกัด ดังนั้นการขยายตัวของกำไรจะมาจาก 1)การขยายสาขา การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ การชิงส่วนแบ่งการตลาด, 2)การลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน, 3) การบริหารภาษี
# สำหรับกลุ่มธนาคาร คาดว่าจะมาจากการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยและการลดต้นทุน ซึ่งจะทำให้กำไรเติบโตได้แต่เป็นเลขหลักเดียวที่ไม่สูง จุดเด่น คือ ธุรกิจที่มั่นคงและพร้อมที่จะเติบโตเมื่อเศรษฐกิจฟื้น แต่จุดอ่อนในช่วงสั้น คือ ความเสี่ยงเรื่องการด้อยคุณภาพของสินทรัพย์และการตั้งสำรองฯที่สูง หุ้นเด่น คือ KBANKและ TMB
# ส่วนกลุ่มสื่อสาร มองว่ากำไรกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ขยายตัวไม่มากเพราะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มจากการลงทุนโครงข่าย 3G แต่หุ้นชั้นนำเช่น ADVANC, INTUCH สามารถจ่ายปันผลสูงได้ต่อเนื่อง
# กลุ่มค้าปลีกและอาหาร เห็นว่าการเติบโตมาจากการขยายสาขาเป็นหลัก และยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นจำกัดมาก และหลายบริษัทมีแนวโน้มว่ายอดขายในบางพื้นที่จะลดลงด้วย โดยเฉพาะบริษัทที่ฐานรายได้อยู่ในต่างจังหวัด เช่น GLOBAL, MC, DRT, DCC เป็นต้นบริษัทที่ยังเติบโตได้ค่อนข้างดี คือ CPALL เพราะขยายสาขาจำนวนมากและเน้นสินค้าจำเป็นในการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน
# กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง & วัสดุก่อสร้าง ระยะสั้นยังซบเซา แต่มีความหวังว่าจะดีขึ้นใน 2H58 และปี 59 เพราะงานที่รออยู่มีมากแต่เดินหน้าช้า ยกเว้น TASCO ที่ได้อานิสงค์ทางบวกจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลงและอุปสงค์ในภูมิภาคแข็งแกร่ง
# กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ดีในทำเลกลางเมือง แต่ปริมณฑลและต่างจังหวัดยอดขายช้ามาก ยอดขายที่ดินในนิคมฯก็ไม่พุ่งแรงเหมือนที่ประเมินไว้ก่อนหน้า ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ประคองตัวไปได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องการถูกขอลดค่าเช่าในบางทำเล การลงทุนต้อง Selectiveโดยหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตแกร่งปีนี้เป็น CPN, LPN, WHA
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]