- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 June 2015 17:02
- Hits: 1269
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
ภาพ SET Index ยังมีโอกาสผันผวนต่อเนื่อง แนะนำเลือก Overweight กลุ่มที่น่าจะได้ผลบวกจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันได้แก่ เกษตร-อาหาร ท่องเที่ยว-โรงแรม และรับเหมาก่อสร้าง โดยหุ้นที่เลือกเป็น Top Pick วันนี้ยังคงเป็น CK([email protected])
การประชุม EU 18 มิ.ย.58 ... โอกาสสำคัญสุดท้ายของกรีซ?
การประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปวันที่ 18 มิ.ย. นี้ ที่กรุงลักเซมเบิร์ก เป็นการประชุมรอบสุดท้ายของเดือน มิ.ย. ก่อนที่โครงการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซจะหมดลงในเดือนนี้ (หลังจากยืดระยะเวลามา 4 เดือน จากเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา) จึงอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่กรีซจะใช้การประชุมทางการนี้ยื่นแผนปฏิรูปใหม่ หลังจากผ่านความล้มเหลวมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่ากรีซจะยื่นแผนฯ ดังกล่าวต่อเจ้าหนี้ในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ โดยล่าสุดท่าทีของผู้นำสหภาพยุโรปก็มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด อาทิ แองเกล่า แมร์เคิล นายกฯ เยอรมัน ที่สนับสนุนให้กรีซยังอยู่ในสหภาพยุโรปมาโดยตลอด ก็ยังไม่มั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะสามารถตกลงกันได้และกรีซจะยอมปฏิบัติตามมาตรการรัดเข็มขัด ขณะที่ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เตือนว่ากรีซใกล้หมดเวลาเต็มทีแล้วสำหรับความพยายามที่จะอยู่รอดในสหภาพยุโรป ถ้าหากรัฐบาลกรีซไม่เสนอแผนการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรม แม้ว่าก่อนหน้านี้ กรีซเพิ่งจะตกลงกับ EU เกี่ยวกับเป้าหมายงบประมาณประจำปี 2558 ได้แล้วก็ตาม
ทั้งนี้ หนี้ของกรีซก้อนใหญ่กว่า 2.4 แสนล้านยูโร จากเจ้าหนี้ชาติต่างๆ ประกอบด้วย เยอรมัน 5.6 หมื่นล้านยูโร, ฝรั่งเศส 4.2 หมื่นล้านยูโร, อิตาลี 3.7 หมื่นล้านยูโร, สเปน 2.5 หมื่นล้านยูโร, ประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป 3.4 หมื่นล้านยูโร, ECB 2 หมื่นล้านยูโร ซึ่งหากกรีซไม่สามารถชำระหนี้และต้องออกจากสหภาพยุโรป ย่อมจะส่งผลกระทบต่อทุกประเทศในกลุ่มฯ อย่างเลี่ยงไม่ได้ และอาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่กดดันการลงทุนตลาดหุ้นโลกในระยะต่อไป
ICAO ขยายเวลาแก้ไขปัญหาเป็น พ.ย.58 บวกต่อ AAV
สถานการณ์ล่าสุด จากกรณีที่กรมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มีคำเตือนให้กรมการบินพลเรือนไทยแก้ไขข้อบกพร่องความปลอดภัยที่มีนัยฯ (SSC) และมาตรฐานการออกใบอนุญาตและกำกับดูแลสายการบินในประเทศ โดยมีกำหนดให้แก้ไขแล้วเสร็จภายใน 18 มิ.ย. หลังจากการเข้าหารือของ รมช.คมนาคม กับประธาน ICAO เพื่อชี้แจงความคืบหน้าเรื่องการแก้ไข ICAO ค่อนข้างพึงพอใจต่อพัฒนาการแก้ไขทั้งหมด แม้อาจเสร็จไม่ทันกำหนดเดิม แต่ ICAO มีการขยายกำหนดการแก้ไขให้เสร็จเป็น พ.ย. 58 โดยจะไม่มีการประกาศเตือนใดๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดการขยายเวลาให้รัฐฯไทย จะช่วยผ่อนคลาย Sentiment ลบการลงทุนในกลุ่ม โดยเชื่อว่ารัฐฯไทยจะสามารถแก้ไขประเด็นที่ ICAO มีคำเตือนหลักๆได้ทันกำหนดทั้งหมด (อาทิ SSC และการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจการบิน) จึงเชื่อว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มจะไม่ได้รับผลกระทบที่ใดๆ จากกรณีดังกล่าว ฝ่ายวิจัยจึงยังคงประมาณกำไรกลุ่มปีนี้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปีก่อน เลือก AAV(FV@B6) เป็น Top pick กลุ่ม เพราะมี Upside สูงสุด อีกทั้งราคาหุ้นหลังเกิดประเด็นดังกล่าวยังปรับตัวลดลงมากสุดถึง 19.6% (30 มี.ค. – ปัจจุบัน)
การลงทุนภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง หนุนกลุ่มรับเหมาฯ
ตัวเลขการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐล่าสุด 5 มิ.ย. 2558 พบว่างบจ่ายลงทุนของภาครัฐ มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 42.85% คิดเป็นเงิน 1.92 แสนล้านบาท และเหลือส่วนที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายอีก 2.57 แสนล้านบาท (มีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันแล้ว 7.8 หมื่นล้าน) จากงบลงทุนทั้งหมด 4.49 แสนล้านบาท และจากตัวเลข GDP growth งวด 1Q58 ที่ขยายตัวถึง 3% yoy นั้น ส่วนหนึ่งได้รับแรงส่งสำคัญจากการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวถึง 37.8% yoy ผลักดันให้การลงทุนรวมขยายตัวที่ 10.7%yoy (ขณะที่การบริโภคภาคครัวเรือน และการส่งออกขยายตัวเพียง 2.4% และ 1% ตามลำดับ) โดยจะเห็นได้ว่าในปีนี้การลงทุนภาครัฐถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาวะที่ส่วนอื่นของเศรษฐกิจยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ระยะเวลา 8 ปี (2558-2563) ที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 1.91 ล้านล้านบาท โดยมีโครงการใหญ่ประกอบด้วย โครงการรถไฟทางคู่, รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง, ถนนมอเตอร์เวย์ และรถไฟความเร็วสูง ทางฝ่ายวิจัยมองว่าน่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับงานประมูลงานจากภาครัฐจำนวนมากในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนี้ โดยจากการติดตามข้อมูลของฝ่ายวิจัย เชื่อว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2558 น่าจะเห็นการขับเคลื่อนโครงการลงทุนขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบมูลค่า 3.87 แสนล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม เฟส 1 มูลค่า 1.15 แสนล้านบาท , รถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง 5.56 หมื่นล้านบาท, โครงการก่อสร้างทางหลวง 1.26 แสนล้านบาท และโครงการก่อสร้างของหน่วยงานอี่นๆ อีกหลายโครงการ เชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะหนุน Sentiment การลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างต่อไป เลือก CK (FV@B 31.25) เป็น Top Pick
3 กลุ่มที่แนะนำ Overweight เกษตร-อาหาร รับเหมาฯ และ ท่องเที่ยว
ประเมินว่า SET Index ยังอยู่ในช่วงของการผันผวนต่อเนื่องไปอีกระยะ โดยประเด็นแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นปัจจัยในต่างประเทศเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซ กำหนดที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนประเด็นในประเทศก็อยู่ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และประเด็นเรื่องการเมือง ซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ภายใต้อิทธิพลของปัจจัยดังกล่าวต่อไปอีกระยะ และหากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาก็มีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานของ SET Index เกิดขึ้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลานี้จึงต้องเน้นการจัดพอร์ตโดยเลือกกลุ่มที่ได้ผลบวกจากสถานการณ์แวดล้อมที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายวิจัยแนะนำให้ Overweight ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะมี Market Cap ไม่ใหญ่นักคือ
กลุ่มเกษตรฯ-อาหาร : โดยคาดว่าน่าจะได้ประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3 จะเข้าสู่ช่วง High Season ของอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก ซึ่งน่าจะหนุนให้ผลประกอบการมีความโดดเด่น โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เลือก TUF (FV@B 268) เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์จากประเด็นภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมแล้ว ยังได้ประโยชน์จากราคาปลาทูน่า ที่จะพลิกกลับสู่ขาขึ้นอีกครั้ง หนุนให้ปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้า OEM ให้ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองปัจจัยบวกที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่าที่ควร
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ขาดแรงขับเคลื่อนจากทั้งการบริโภคภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และ การส่งออก ทำให้การลงทุนภาครัฐกลายเป็น จักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้จากในงวด 1Q58 ที่ผ่านมา สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี 2558 คาดหมายว่าจะเห็นการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้ง รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ และทางหลวงระหว่างเมือง เกิดขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวถือเป็น Sentiment เชิงบวกสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง โดยน่าจะเห็นกระแสเก็งกำไรกลับเข้ามา อย่างไรก็ตามเพื่อลดความเสี่ยง แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดี ซึ่งในที่นี้เลือก CK (FV@B 31.25) เป็น Top Pick เพราะนอกจากจะได้แรงหนุนจากภาพรวมอุตสาหกรรมแล้วคาดว่าผลประกอบการ 2Q58 จะโดดเด่น เนื่องจากมีการบันทึกกำไรจากการจ่ายเงินลงทุนเข้ามาถึง 1.6 พันล้านบาท
กลุ่มท่องเที่ยว – โรงแรม : เป็นอีกภาคอุตสาหกรรมที่เป็นความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนี่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะเข้าสู่ช่วง Low Season อย่างไตรมาส 2 โดยในเดือน เม.ย.58 จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 25% YoY และเดือน พ.ค.58 เพิ่มขึ้นราว 28% ซึ่งภาพรวมทั้งปี 2558 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% YoY มาอยู่ที่ 28 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับหุ้นเด่นมีอยู่ 2 บริษัท ได้แก่ ERW (FV@B 6) และ MINT (FV@B 39) โดย ERW ถือเป็นหุ้น Turnaround ส่วน MINT เป็นหุ้นที่ผลประกอบการเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว
ต่างชาติสลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคราว 503 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิอยู่ประเทศเดียว คือ ตลาดหุ้นอินโดนีเซียถูกซื้อสุทธิราว 15 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นต่อเนื่องวันที่ 2) ส่วนที่เหลืออีก 4 ประเทศนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิคือ ตลาดหุ้นไต้หวันถูกขายสุทธิราว 227 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิต่อเนื่องวันที่ 13) และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ถูกขายสุทธิราว 1 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นต่อเนื่องวันที่ 11) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถูกขายสุทธิราว 265 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการขายสูงสุดนับตั้งแต่ 19 ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา ส่วนตลาดหุ้นไทยนักลงทุนต่างชาติสลับมาขายสุทธิอีกครั้งราว 25 ล้านเหรียญ หรือ 840 ล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิได้เพียง 1 วัน) ซึ่งต่างกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 670 ล้านบาท
ทางด้านตราสารหนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 28,708 ล้านบาท ซึ่งต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิ 104 ล้านบาท ล่าสุดค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.69 บาท/ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ : ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647