- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 June 2015 17:09
- Hits: 1259
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Grexit?
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ SET INDEX แกว่งในกรอบแคบ 1,505-1,515 จุด เนื่องจากเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ อีกทั้งตลาดหุ้นรอบเอเชียเป็นกลาง และตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบ จากความไม่แน่นอนกรณีกรีซ ส่งผลให้ SET INDEX ปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 6.58 จุด มาอยู่ที่ 1,508.23 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 33,583 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางเป็นวันที่ 3 ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เพียง 160 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 3 วันทำการ 7,580 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 993 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
การจัดงาน Invest Asean วันนี้ บจ.ไทยเข้าร่วมงานนี้ 20 บริษัท และผู้จัดการกองทุนอีกราว 200 คนทั้งในและต่างประเทศ
การประกาศรายชื่อหุ้นเข้า - ออก การคำนวณดัชนี SET50 / SET100 / SET HD โดย ตลท.ใน 1 - 2 วันนี้
การเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้อียูล่าสุด ล้มเหลว นัดถัดไปการประชุมผู้นำอียูวันที่ 18 มิ.ย. จะหารือถึงการให้กรีซออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มอียู
มุมมองต่อตลาด
เราลดมุมมองต่อตลาดหุ้นวันนี้เป็น "กลางถึงลบ" หลังสถานการณ์ในกรีซและอียูไม่เอื้อในเช้าวันนี้ การเจรจาล่าสุดยังไม่ประสบความสำเร็จ ประเด็นที่กรีซยังไม่ยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้คือ แนวทางการจัดทำงบประมาณเกินดุล, การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และการลดสิทธิประโยชน์ในกองทุนบำเหน็จบำนาญ ส่งผลให้เยอรมันเจ้าหนี้รายใหญ่ของกลุ่มอียู เริ่มเปิดประเด็นการหารือถึงการให้กรีซออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู กลายเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ และสะท้อนกลับมายัง DJIA Futures ทั้งนี้แนวรับของ SET INDEX ในวันนี้เราประเมินไว้ที่ 1,490 จุด+/- ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด
อย่างไรก็ตาม สัญญาณการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ เริ่มชัดเจนมากขึ้น หลัง คณะกรรมการ PPP ได้อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะนำร่อง 2 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 6.6 พันล้านบาท และมีแผนที่จะผลักดันโครงการผ่านการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) อีกราว 5.0 แสนล้านบาทในปีหน้า เพียงแต่โครงการลงทุนจากภาครัฐ ยังขั้นตอนในการพิจารณาและอนุมัติ ก่อนเปิดประมูล เราเชื่อว่าจะเห็นตารางการเปิดประมูลงานโครงการต่างๆ ในช่วง 3Q58 และจะเปิดประมูลได้ใน 4Q58 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างรอดูความชัดเจนดังกล่าว
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากกรณีกรีซแล้ว นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 มิ.ย. ต่อความเห็นด้านเศรษฐกิจ / เงินเฟ้อ / การจ้างงาน สหรัฐฯ เพือประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
ช่วงสั้น เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการประกาศสมาชิกเข้า - ออก จากการคำนวณ SET50 / SET100 / SET HD คาดว่าจะประกาศใน 1-2 วันนี้ เป็นจุดที่น่าสนใจเก็งกำไร เช่นเดียวกับการปรับดัชนี FTSE Thailand ณ ราคาปิดวันที่ 19 มิ.ย. เป็นประเด็นเก็งกำไรสัปดาห์หน้า
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.31 น.) Nikkei - Kospi เปิดลบ หลังสถานการณ์ในกรีซ ดูมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปบางส่วนแล้ว การย่อตัวของ SET INDEX วันนี้ เปิดโอกาสสะสมหุ้นเป้าหมาย บนประเด็นคาดการณ์หุ้นเข้า SET50 / SET100 หรือมีประเด็นบวกเฉพาะตัว"
Top Pick in 2Q15: ITD / TPIPL/ WHA / TASCO
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC
Speculative Buy: NWR / TIPCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. TIPCO : ราคาปิด 13.00 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 - 20.00 บาท***
a) TIPCO เป็น 1 ในบริษัทที่เข้าร่วมงาน INVEST ASEAN กับเราในวันนี้ โดยคาดว่าจะได้รับ Feedback เชิงบวกจากผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศที่เข้าร่วมงานกว่า 300 คน
b) มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจผลไม้ และเครื่องดื่มของ TIPCO เนื่องจากมีการกระจายตัวครอบคลุมทุก Segment ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำผลไม้, เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และน้ำแร่ออร่า
c) คาดผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วในปีที่ผ่านมา หลังภาวะ Supply ขาดแคลนสับปะรดมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และบริษัทเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อจัดหา Supply สับปะรดร่วมกับชาวไร่ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องวัตถุดิบในระยะยาว นอกจากนั้น บริษัทยังได้ประโยชน์โดยตรงต่อเงินบาทที่อ่อนค่า เนื่องจากมียอดขายเกือบทั้งหมดในสกุล USD
d) ประเมินเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิปี 2558 ที่ 900 - 1,000 ล้านบาท เทียบเท่า EPS ที่ 1.80 - 2.00 บาทต่อหุ้น เติบโตก้าวกระโดดจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 78 ล้านบาท หากอิง PE ทีระดับ 10 เท่า จะได้ราคาเหมาะสมในช่วง 18.00 - 20.00 บาท
e) อิงราคาปิดวานนี้ของ TASCO ที่ 19.00 บาท จะเทียบเท่ามูลค่า NAV ต่อหุ้นของ TIPCO หุ้นละ 14.57 บาท สูงกว่าราคาในกระดานของ TIPCO ซึ่งเปรียบเสมือนได้ธุรกิจน้ำผลไม้ฟรี
*** เนื่องจาก TIPCO ไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณในการลงทุนมากกว่าปกติ
2. NWR : ราคาปิด 1.92 บาท ราคาเหมาะสม 2.60 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างสำหรับการลงทุนใน 2H58 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการประมูลงานขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากของภาครัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้น Outperform ตลาดได้
b) Backlog สิ้นสุด เดือน พ.ค. สูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท รองรับประมาณการรายได้ปี 2558 - 2559 แล้ว 100% และอยู่ระหว่างประมูลงานขนาดใหญ่อีก 1.4 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะชนะงานอย่างน้อย 15%
c) นอกจากนั้น NWR เริ่มรุกงานต่างประเทศเพื่อกระจายโครงสร้างรายได้ เช่น งานสร้างท่อเรือและอุโมงค์ส่งน้ำในเวียดนาม เพื่อต่อยอด Backlog ในอนาคตให้กับบริษัท
d) คาดผลประกอบการ 2Q58 เติบโตสูง qoq และปี 2558 กำไรสุทธิเติบโตถึง +1,716.5% yoy เป็น 176 ล้านบาท และมี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการคือรายการพิเศษคดีคลองด่านราว 300 - 600 ล้านบาท ที่คาดว่าจะบันทึกเป็นกำไรพิเศษได้ในปี 2558 หรือ 2559
e) Valuation ยังค่อนข้างถูก ซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 1.1 เท่า เทียบกับหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่เช่น CK, ITD และ STEC ที่เฉลี่ยราว 3 เท่า และรับเหมาขนาดเล็กเช่น SYNTEC ที่ 1.5 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 8 อีก US$189 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$574 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเร่งเปิดสถานะ Short อีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 แต่ชะลอตัวลงเหลือ 160 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 4,178 ล้านบาท เพื่อประคองระดับ SET50 Index เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาเปิดสถานะ Short ใน Set50 Index Futures อีกครั้ง ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 14,290 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 7,580 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 6,397 สัญญา เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 12,486 สัญญา คาดเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index ไม่สามารถทะลุแนว 1,000 จุดได้ ทำให้ S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 กว้างขึ้นเป็น 3.39 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.40 จุด YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิ ขยับเป็น 55,184 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เท่ากับ 993 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 5,146 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.11bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.96bps อย่างไรก็ตามผลตอบแทนยังคงปิดเหนือ 3.00% เป็นวันที่ 3 ปิดที่ 3.050%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 375 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 410 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 ขณะที่แรงขายเบาบางต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 เท่ากับ 1,298 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,440 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 5,553 ล้านบาท โดยไม่เห็นแรงขายจากกลุ่มธนาคารหนาแน่นเหมือนช่วงก่อนหน้า สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิสูงสุด 229 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 45 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 227 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 185 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 214 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 314 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 158 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 129 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม Home ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 14 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
ดัชนี Consumer Sentiment เดือนมิ.ย. เท่ากับ 94.6 จุด สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 91.2 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 90.7 จุด
ยุโรป
สถานการณ์ของกรีซ ณ ปัจจุบัน
กรีซเสนอแผนปฎิรูปภาษี, กองทุนบำเหน็จบำนาญ และเป้าหมายการจัดทำงบประมาณเกินดุลเบื้องต้น ต่อ เจ้าหนี้ในวันเสาร์ที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เจ้าหนี้ EU / ECB / IMF จะพิจารณาและคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนตลาดหุ้นยุโรป เปิดในวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย. แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เนื่องจากกรีซยังมีความเห็นที่แตกต่างในประเด็นการจัดทำงบประมาณส่วนเกิน การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และการลดกองทุนบำเหน็จบำนาญ
ประเด็นของกรีซ จะมีการหารือในการประชุมผู้นำอียู วันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงสถานภาพของกรีซว่าจะปล่อยให้ผิดนัดชำระหนี้และออกจากอียูหรือไม่
S&P ลดแนวโน้มอังกฤษลงเป็น "ลบ": จากเดิม "คงที่" และคงอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษ AAA / A-1+ หลัง นายกฯ Cameron ได้เสนอแผนประชามติในการคงเป็นสมาชิกในกลุ่มอียูในปี 2560 กลายเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ ในส่วนของภาคการเงินและการส่งออก ซึ่งถือเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษ
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ตัวเลขเศรษฐกิจอินเดียออกมาเป็นกลาง:
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.ขยายตัว 4.1 yoy ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% yoy และเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 2.5% yoy นำโดยภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น 5.1% yoy
ส่วนอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 5.01% yoy ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาด 5.00% yoy โดยเป็นการเร่งตัวขึ้นจากเดือน เม.ย.ที่ 4.87% yoy
ไทย
แผนการลงทุนร่วมรัฐ - เอกชน ผ่านโครงการ PPP เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
บอร์ด PPP เคาะ 2 โรงไฟฟ้าขยะ นำร่องกระตุ้นเอกชนร่วมลงทุน: คณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) มีมติเห็นชอบโครงการที่ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐในปี 2558 ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เชื้อเพลิงจากขยะ ขององค์การบริหารจังหวัด นนทบุรี วงเงินลงทุน 4,400 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ ของเทศบาลนครโคราช จ.นครราชสีมา วงเงินลงทุน 2,200 ล้านบาท
บอร์ด PPP เตรียมพิจารณาโครงการด้านคมนาคมขนส่ง 1.41 ล้านล้านบาทปีหน้า: คณะกรรมการพีพีพี จะนำมาพิจารณาในปี 2559 ตามแผนร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2558-2562 (ระยะ 5 ปี) ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบไปเมื่อเร็วๆนี้ รวม 65 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 1.41 ล้านล้านบาท โดยโครงการที่สำคัญๆ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงินลงทุนประมาณ 2.78 หมื่นล้านบาท โดยเป็นวงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 9.8 พันล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิตสะพานใหม่-คูคต วงเงิน 5.8 หมื่นล้านบาท วงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี วงเงินลงทุน 1.1 แสนล้านบาท เป็นวงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 1.46 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน- วงแหวนกาญจนาภิเษก วงเงิน 9.1 หมื่นล้านบาท วงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงินลงทุน 5.6 หมื่นล้านบาท วงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงินลงทุน 5.4 หมื่นล้านบาท วงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแคและช่วงบางซื่อ-ท่าพระ วงเงินลงทุน 8.2 หมื่นล้านบาท วงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-ระยอง วงเงินลงทุน 1.52 แสนล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพหัวหิน วงเงินลงทุนรวม 8.1 หมื่นล้านบาท วงเงินลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 8.9 พันล้านบาท เป็นต้น
คลังชงครม.ขยับวงเงิน PPP เป็น 5 พันล้าน ดึงเอกชนร่วมลงทุนรัฐเพิ่ม: กระทรวงการคลังได้เสนอเรื่องการเพิ่มวงเงินมูลค่าโครงการ ที่จะให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ(พีพีพี)จากเดิม 1,000 ล้านบาทเป็น 5,000 ล้านบาทให้คณะรัฐมตรี (ครม.)เห็นชอบ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการร่วมลงทุนเนื่องจากมูลค่าโครงการมูลค่ามากขึ้น หาก ครม. เห็นชอบ กระทรวงการคลังก็จะเริ่มเดินหน้าโครงการพีพีพี ทันที
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530