- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 June 2014 16:58
- Hits: 3034
บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
อ่อนไหวต่อข่าว (ลือ)
Highlight
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดบวก รับมุมมองเฟดเศรษฐกิจของเฟดที่มองเศรษฐกิจเริ่มฟื้น และยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่อเนื่อง
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ USA: Phil Fed Survey มิ.ย. คาด 14 (Vs 15.4) Leading Indicators พ.ค. คาด 0.6%m-m (Vs 0.4%) EU: EU group meeting
-วันทำการล่าสุด นักลงทุนต่างชาติขายอีก -2.73 พันลบ. (ขายสะสม 7 วันรวม -6.82 พันลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศขายเพิ่ม -1.58 พันลบ.(ขายสะสม 2 วัน รวม -2.18 พันลบ.)
+ การเมือง/เศรษฐกิจ คสช. อนุมัติ BOI รอบแรกมูลค่า 1.25 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นของกลุ่มโตโยต้าและซีพี
คาดดัชนีฯ วันนี้ รีบาวด์ แนวต้าน 1460/1470 จุด คาดจะมีการดีดกลับของหุ้นขนาดใหญ่ที่ร่วงลงแรงวานนี้จากข่าวลือเรื่องการเก็บภาษี Capital gainและได้แรงหนุนจากปัจจัยภายนอกหลังเฟดมองเศรษฐกิจและการจ้างงานฟื้น
กลยุทธ์: เก็งกำไรหุ้นรับข่าวบวกอนุมัติบีโอไอ AMATA TICON SAT CPF และแนะนำสะสมหุ้น ADVANC SVOA DELTA CCET BBL KBANK
(Window dressing) ถือหุ้นพื้นฐานดีที่แนะนำก่อนหน้ารอตลาดรีบาวด์ SCC SCP PTTEP AIE CPALL MINT CENTEL
หุ้นในกระแส:
หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 2.0%) ได้แก่ SST ESTAR UNIQ GUNKUL UTP หุ้นที่ลงกว่า 4.0% ได้แก่ PF CCP ITD BWG LOXLEY MAKRO IFEC
NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ KBANK+360 DTAC+103 PTTEP+93 PTT+92 สูงสุดด้านขาย ได้แก่ INTUCH-626 LH-167 PTTGC-133
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ ADVANC 225 BANPU 40
TSR เข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก ราคา IPO 3.50 บาท ราคาพาร์ 1.00 บาท ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ ราคาเป้าหมายด้านพื้นฐาน 3.75 บาท
Market Outlook
คาดดัชนีฯ วันนี้ รีบาวด์ แนวต้าน 1460/1470 จุด คาดจะมีการดีดกลับของหุ้นขนาดใหญ่ที่ร่วงลงแรงวานนี้จากข่าวลือเรื่องการเก็บภาษี Capital gain และได้แรงหนุนจากปัจจัยภายนอกหลังเฟดมองเศรษฐกิจและการจ้างงานฟื้น แนะเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่อกลุ่มนิคมฯ ยานยนต์
คาดดัชนีฯ วันนี้ รีบาวด์ แนวต้าน 1460/1470 จุด โดยคาดเป็นการดีดกลับของหุ้นขนาดใหญ่ที่โดนขายแรงวานนี้จากข่าวลือเรื่องการเก็บ capital gain tax โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารจากการอนุมัติ BOI รอบแรก 1.2 แสนล้านบาท และกลุ่มพลังงานจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ด้านปัจจัยต่างประเทศคาดส่งแรงหนุนเช่นเดียวกัน หลังเฟดมีมุมมองเศรษฐกิจและการจ้างงานฟื้นตัว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการทำ Window Dressing ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นไทยมีจำกัดใน 1-2 สัปดาห์นี้ ส่วนปัจจัยกดดันตลาดยังมาจากความไม่แน่นอนต่อนโยบายปฏิรูปพลังงาน และการตรวจความโปร่งใส กสทช. ที่ส่งผลให้การประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ และการแจกคูปองทีวีดิจิตอลเลื่อนออกไป
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากแรงหนุนเรื่องผลการประชุมเฟดที่แสดงความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงการจ้างงานที่ฟื้นตัว แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐลงในปีนี้สู่ระดับ 2.1-2.3% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ราว 2.9% จากไตรมาสแรกที่เผชิญปัญหาภัยหนาว ด้านอัตราดอกเบี้ย เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
หลังจากมาตรการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลง สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนแม้ว่าการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.125% ณ สิ้นปี 2015 ทั้งนี้ เฟดได้ปรับลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนตามคาด
ปัจจัยในประเทศ วานนี้หุ้นไทยปรับร่วงลงแรงในช่วงบ่ายนำโดยหุ้นขนาดใหญ่ จากข่าวลือเรื่องการเก็บภาษี capital gain (ซึ่งเราเห็นว่าโอกาสเป็นไปได้น้อย) โดยตลาดอยู่ในช่วงอ่อนไหวต่อข่าวที่เข้ามากระทบ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนในหลายประเด็นอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการปฏิรูปพลังงานและการตรวจสอบความโปร่งใสของกสทช. (ส่งผลให้การประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่และและการแจกคูปองทีวีดิจิตอลเลื่อนออกไป) วันนี้ จึงน่าจะมีการดีดกลับของหุ้นใหญ่ที่ร่วงลงแรงวานนี้ (KTB BBL PTTGC ADVANC INTUCH BGH AOT SCC) ประกอบกับวานนี้มีข่าวดี เรื่องการอนุมัติ BOI รอบแรกมูลค่า 1.25 แสนล้านบาท (แนะเก็งกำไร AMATA TICON SAT CPF)
กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.0% ตามคาดขณะเดียวกันได้ปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงเหลือ 1.5% จากเดิมคาด 2.7% ซึ่งเป็นการคาดว่าจีดีพีในครึ่งปีแรกจะติดลบ 0.5% และขยายตัวได้ 3.4-3.5% ในครึ่งปีหลัง และจะเติบโตสูงกว่า 5% ในปีหน้า
ส่วน Events Play ที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย ได้แก่
1. Window Dressing พบว่า กลุ่มอุตฯแบงก์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ICT Health Care เป็นกลุ่มฯที่มีโอกาสปรับขึ้นสูงกว่าตลาดในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน แนะนำ ADVANC SVOA DELTA CCET BBL KBANK
2. หุ้นเกาะกระแสฟุตบอลโลก ระหว่าง 12 มิ.ย. - 13 ก.ค. (เราพบว่า ผลกระทบต่อราคาหุ้นกลุ่ม ICT (ADVANC TRUE) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค (CPALL MINT CENTEL) จะมีเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างการถ่ายทอดฟุตบอลโลก
กลยุทธ์ เก็งกำไรหุ้นรับข่าวบวกอนุมัติบีโอไอ AMATA TICON SAT CPF และแนะนำสะสมหุ้น ADVANC SVOA DELTA CCET BBL KBANK (Window dressing) ถือหุ้นพื้นฐานดีที่แนะนำก่อนหน้ารอตลาดรีบาวด์ SCC SCP PTTEP AIE CPALL MINT CENTEL
เทคนิค ปรับฐาน แนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาขึ้น
การปรับตัวลงของดัชนีฯ วานนี้ ทำให้กลับมาเป็นภาพของการปรับฐาน โดยมีแนวรับ ที่ 1450/1440/1420 จุด โดยที่ 1420 จุดเป็นแนวรับหลัก ซึ่งเป็นกรอบล่างของ uptrend chanel หากไม่หลุดต่ำกว่านี้ แนวโน้มใหญ่ที่เป็นขาขึ้นจะยังไม่เสียไป และมีลุ้นดีดกลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่โดยแนวต้านหลักที่บริเวณ 1500 จุด
ประเด็นจับตา
1. ประเด็นการเมือง: จับตานโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการรัฐขนาดใหญ่
ประเด็นการเมือง (Update):
"ประจิน"เผยต้องเลื่อนประกาศโรดแมพศก.ไปอีกระยะหนึ่ง,มีเรื่องเร่งด่วนอื่น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) ในฐานะ รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ เผยว่า ต้องเลื่อน ประกาศโรดแมพเศรษฐกิจของประเทศ ออกไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ยังมีเรื่อง เร่งด่วนอื่นๆ ที่ต้องรีบดำเนินการก่อน โดยเรื่องเร่งด่วนที่ คสช.ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การแก้ไขปัญหาโครงการ จำนำข้าว, ปัญหาเรื่องยางพารา, การบริหารจัดการน้ำ และพลังงานเชื้อเพลิง รวมถึง โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานประธานคตร.คาดตรวจสอบ 8 โครงการรัฐ เสร็จใน 3 วัน, อีก 28 โครงการภายในมิ.ย. คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) คาดว่าจะตรวจสอบ 8 โครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่แต่ละโครงการมีเงินลงทุนเกิน 1 พันล้านบาท ให้แล้วเสร็จ ภายใน 2-3 วัน ขณะที่อีก 28 โครงการ ที่มีการเสนอใช้งบประมาณปี 57 วงเงินรวม 4 หมื่นล้านบาท จะตรวจสอบให้เสร็จภายใน 30 มิ.ย.นี้
2. เลื่อนประมูลคลื่น 4G กระทบหุ้นสื้อสารระยะสั้น, ปันผลยังน่าสนใจ
ประเด็นข่าว
คสช. ต้องการตรวจสอบด้านความโปร่งใสของกสทช. จึงสั่งให้ชะลอชั่วคราว 1)การประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 1800 MHz ซึ่งจะนำไปพัฒนาเป็นเทคโนโลยี 4G จากเดิมที่คาดว่าจะมีการประมูลในเดือนส.ค.นี้ 2) การประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งเดิมคาดว่าจะมีการประมูลช่วงพ.ย.นี้ 3) การสนับสนุนช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่านทีวีจากระบบแอนาล็อก เป็นดิจิตอล ด้วยการแจกคูปองให้กับประชาชน และ 4)โครงการจัดให้มีบริการ โทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบงบประมาณกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ราว 5 หมื่นล้านบาทเพื่อนำมาใช้ประโยชน์กับภาครัฐสูงสุดประเมินผลกระทบเบื้องต้นคาดระยะสั้นกดดันบรรยากาศการลงทุนให้หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการมือถือ (ADVANC DTAC TRUE) ทั้งนี้ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจจะขึ้นอยู่กับจะเลื่อนการประมูลออกไปนานเพียงใดด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเลื่อนไปเป็นเดือนใด
DTAC น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าเนื่องจากมีคลื่นความถี่ในมือทั้งคลื่น 850 1800 และ 2100 MHz โดยสัมปทานในส่วน 1800 MHz จะหมดอายุ ก.ย. 61
TRUE มีคลื่นในส่วน 2100 MHz และอาจรับสัมปทานในส่วน 1800 MHz บางส่วนจาก CAT ที่ปัจจุบันให้ DTAC แต่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ (เรื่องนี้ยังไม่ final แต่จากการกล่าวของ CAT เพื่อลดผลกระทบผู้บริโภค 2G ที่ยังไม่ได้ย้ายระบบ ป้องกันปัญหาซิมดับ โดยต้องย้ายให้เสร็จก่อน 15 ก.ย. 57)
ADVANC มีคลื่น 2100 MHz และคลื่น 900 MHz โดยจะได้รับแรงกดดันมากสุดในกลุ่ม ต่อการเลื่อนประมูลเนื่องจาก
1) สัมปทานคลื่น 900 MHz กำลังจะหมดอายุสัมประทานในเดือน ก.ย. 58 ซึ่ง ADVANC จำเป็นต้องหาคลื่นมารองรับ ซึ่งคลื่น 900 MHz มีความสำคัญจากการเป็นย่านความถี่เพื่อใช้ในการครอบคลุมพื้นที่บริการ ซึ่ง ADVANC มีฐานลูกค้าในต่างจังหวัดสูง ปัจจุบัน ADVANC เป็นผู้ถือครองสัมปทานเพียงรายเดียวในย่านความถี่นี้ที่ 17.5 MHz ทั้งนี้ การประมูลคลื่น 900 MHz เดิมกำหนดเป็นเดือนพ.ย.
2) ADVANC เป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่ยังไม่ได้ทำการตลาดในส่วนของ 4G ขณะที่ DTAC และ TRUE ได้เริ่มให้บริการ 4G บ้างแล้ว การเปิดประมูลคลื่น 1800 MHz อาจทำให้ ADVANC หันมาสนใจทำการตลาดในส่วนนี้ แต่ล่าสุดทางบริษัทกล่าวว่ายังอยู่ระหว่างการศึกษา และยังเน้นลูกค้า 3G และ 2G เป็นหลัก
แนะนำ แม้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มผู้ให้บริการมือถือถูกกดดันในระยะสั้น แต่หากการประมูลใบอนุญาติไม่ล่าช้าออกไปมากนัก คาดไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจ โดยทั้ง DTAC และ ADVANC กล่าวว่าการเลื่อนออกไปเป็นปีหน้ากระทบเพียงเล็กน้อย อีกทั้ง การเลื่อนประมูลเพื่อตรวจสอบความโปร่งใส น่าจะป้องกันปัญหาการฟ้องร้องภายหลังเช่นในกรณีของ 3G ทั้งนี้ เราแนะนำทยอยสะสม ADVANC จากเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลดี และตามสถิติมีการทำ window dressing ในช่วงท้ายไตรมาส 2
3.อิรัก- ประเด็นเรื่องสถานการณ์ในอิรัก(หากยืดเยื้อ และรุนแรงกว่าคาด อาจส่งผลลบต่อกลุ่ม Cyclicaly Play และกลุ่มสายการบิน แต่เป็นบวกต่อผู้ผลิตกลุ่มต้นน้ำ PTTEP)
Update: กลุ่มกบฏใช้อาวุธหนักถล่มโรงกลั่นน้ำมันใหญ่สุดของอิรัก
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง และพนักงานโรงกลั่นน้ำมันของอิรัก เปิดเผยว่า กองกำลังของกลุ่มกบฏมุสลิมนิกายสุหนี่ได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของอิรัก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองไบจิทางภาคเหนือของอิรัก โดยใช้ปืนกล และปืนครกยิงถล่ม การโจมตีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 08.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ จากนอกประตูทางเข้าหลัก 2 แห่งจาก 3 แห่งเข้าไปยังโรงกลั่นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนท์ (ISIL) ได้เข้ายึดเมืองโมซูล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่กลุ่มติดอาวุธนิกายสุหนี่ได้รุกคืบสู่เมืองไบจิ และเข้าล้อมโรงกลั่น
น้ำมัน
4. รายงานเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ : จับตาผลประชุมเฟด และผลประชุมกนง.วันพุธ
พฤหัสบดี: USA: Phil Fed Survey มิ.ย. คาด 14 (Vs 15.4) Leading Indicators พ.ค. คาด 0.6%m-m (Vs 0.4%) EU: EU group meeting
ศุกร์ : EU Ecofin meeting , Consumer Confidence มิ.ย. คาด -6.8 (Vs -7.1) Spain: Moody ทบทวนเรตติ้ง ไต้หวัน:ส่งออก พ.ค. คาด 7.6%y-y (Vs 8.9%)
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
ญี่ปุ่นขาดดุลเดือนที่ 23 หลังส่งออกวูบครั้งแรกในรอบ 15 เดือน ข้อมูลของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า การส่งออกร่วงลง 2.7% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลง 1.2% หลังจากพุ่งขึ้น 5.1% ในเดือน เม.ย. เมื่อปรับค่าตามฤดูกาล ยอดส่งออกลดลง 1.2% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบจากเดือน เม.ย. ส่วนการนำเข้าของญี่ปุ่นร่วงลง 3.6% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบกับ ตัวเลขคาดการณ์เพิ่มขึ้น 1.7% ซึ่งส่งผลให้มียอดขาดดุลการค้า 9.09 แสนล้านเยน (8.91 พันล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ ยอดขาดดุลที่ 1.17 ล้านล้านเยน และเป็นการขาดดุลติดต่อกัน 23 เดือน
สหรัฐเผยยอดขาดดุลบ/ชเดินสะพัด Q1 เพิ่มสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 1/2014 เพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ 1.112 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 1 ปีครึ่ง จาก 8.73 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 4/2013 นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า สหรัฐจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 9.69 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 1/2014
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกรับข่าวเฟดคงดอกเบี้ย
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยดัชนี DJIA ปิดเพิ่มขึ้น 98.13 จุดหรือ 0.58% สู่ระดับ 16,906.62 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 14.99 จุด หรือ 0.77% สู่ระดับ 1,956.98 จุด และ Nasdaq ปิดเพิ่ม 25.61 จุด หรือ 0.59% สู่ระดับ 4,362.84 จุดโดยดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์หลังเฟดระบุถึงอัตราที่เร็วขึ้นเล็กน้อยของการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่จะเริ่มขึ้นในปีหน้า แต่ก็ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวจะยังคงต่ำกว่าที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้
หลังการประชุมนโยบาย 2 วัน เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐลงในปีนี้สู่ระดับ 2.1-2.3% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ราว 2.9% แต่การคาดการณ์ของเฟดไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับปี 2015-2016 และแสดงความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป
เฟดลงมติในการประชุมวานนี้ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์เห็นพ้องให้ปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำ ประกันจากสัญญาจำ นอง (MBS) ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยปรับลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากวงเงินเดิม 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทั้งนี้ เฟดระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อ MBS ในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในเดือน ก.ค. จากเดิมที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อ MBS ในวงเงิน 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ เฟดยังแถลงว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากมาตรการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลง
+ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดคละ เพื่อรอท่าทีของผลประชุมเฟด
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรป ปิดคละ FTSE ปิดเพิ่มขึ้น 11.79 จุด หรือ 0.17% สู่ 6,778.56 จุด ดัชนี CAC40 ปิดลดลง 5.70 จุด หรือ -0.13% สู่ 4,530.37 จุด และ DAX ปิดสูงขึ้น 10.01 จุด หรือ 0.10% สู่ 9,930.33 จุด เป็นผลจาก นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอลงทุนก่อนรอแถลงการณ์ของประธานเฟด ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยและประมาณการเศรษฐกิจใหม่
+/-ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดขึ้น วิตกอุปทานอิรัก และไนเม๊กซ ร่วงลง เป็นวันที่สอง
วันทำการที่ผ่านมา Brent ส่งมอบ ส.ค. ปิดสูงขึ้น 0.81 ดอลลาร์ สู่ 114.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดรอบ 9 เดือน ในขณะที่กลุ่มกบฏ ISIL ในอิรักพยายามโจมตีโรงกลั่นน้ำมันใกล้กรุงแบกแดด และเหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอิรักอาจจะประสบปัญหาในการส่งออกน้ำมัน โดยอิรักถือเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากเป็นอันดับสองในบรรดาสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
ส่วน Nymex ส่งมอบ ก.ค. ลดลง 0.39 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 105.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจาก สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเพียง 579,000 บาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 มิ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายงานของการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ในวันอังคารที่ระบุว่า สต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐดิ่งลง 5.7 ล้านบาร์เรล ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน
+ราคาทองคำ ขยับขึ้นเล็กน้อยจากเฟดส่งสัญญาณอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
วันทำการที่ผานมา ราคาสัญญาทองเดือน สิงหาคม ปิดตลาด ขยับขึ้นเล็กน้อย 0.70 ดอลล์ สู่ 1,272.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองสปอตสูงขึ้น 6.31 ดอลลาร์ สู่ 1,277.50ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าในอัตราที่รวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่เฟดปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐประจำปีนี้ลงสู่ 2.1-2.3 % จากเดิมที่ 2.9 % และปัจจัยนี้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
+ ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index กลับมาปิดบวก หลังร่วงลงแตะระดับต่ำสุดปีนี้
วันทำการที่ผานมา ดัชนี Baltic Dry Index กลับมาปิดบวก 9 จุด หรือ 1.05% เป็น 867 จุด หลังจาก ปี 56 พิ่มขึ้น +28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก (แนะนำ เก็งกำไร PSL TP Consensus 22.84-27.25 บาท TTA TP Consensus 22.83-27.25 บาท)
ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501 [email protected] 02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564 [email protected] 02-624-6270