- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 June 2015 22:20
- Hits: 1264
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +236.36, NASDAQ +62.83, S&P +25.05, FTSE +76.47, CAC +84.69 และ DAX +264.10 หลังมีสัญญาณในด้านบวกว่าเยอรมนีอาจจะยอมรับเงื่อนไขการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซอย่างน้อย 1 เงื่อนไข ซึ่งอาจทำให้กลุ่มเจ้าหนี้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ และช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ รวมถึงความเสี่ยงที่กรีซจะถูกบีบให้ออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน โดยกรีซมีเวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ ที่จะสรุปข้อตกลงกับเจ้าหนี้ให้ได้ก่อนที่โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในปัจจุบันจะสิ้นสุดลง
…..ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. +US$1.29 อยู่ที่ US$61.43 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุด ลดลง 6.8 ล้านบาร์เรล (มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ระดับ 470.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับแต่กค.’57
.ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$9.0 อยู่ที่ US$1,186.6 ต่อออนซ์ โดยอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (15 – 16/6/58) ว่าจะมีการส่งสัญญาณเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย?
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,193 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -11,804 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(0/-) กนง. มีมติเอกฉันท์ (7 : 0) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ขณะที่คาดการส่งออกมี
แนวโน้มติดลบ โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าๆ อย่างไรก็ตามพร้อมใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยดูแลเศรษฐกิจ หากภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้สัญญาณในเชิงบวกต่อประเด็นกรีซ ที่คาดมีความเป็นไปได้ที่กรีซสามารถชำระคืนหนี้ให้กับ IMF วันที่ 30/6/58 นี้ รวมถึงอาจได้รับความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามคาดยังเป็นประเด็นที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดฯ ได้ จนกว่าจะมีข้อสรุปออกมา? ซึ่งกรณีเลวร้ายสุดอาจทำให้กรีซต้องออกจากยูโร และอาจส่งผลกระทบต่อประเทศสมาชิกอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการประชุมของเฟด (15 – 16/6/58) ว่าจะมีการส่งสัญญาณ? คาดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นต่อระยะเวลาของเฟดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงแนะติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ เยอรมัน และญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการปรับขึ้นต่อเนื่อง คาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซน และคาดเป็นสัญญาณหนึ่งว่ามีการปรับพอร์ทลงทุนไปยังสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น?
.....ทางด้านปัจจัยในประเทศ วานนี้ตลาดตอบรับในเชิงบวก แม้ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แต่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะแรงกดดันต่อ NIM คาดเริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม
(-) ธปท. ส่งสัญญาณเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ รวมถึงการส่งออกมีแนวโน้มติดลบ และคาดมีโอกาสที่หลายๆ หน่วยงานปรับประมาณการ GDP ปี’58 ลงอีก (-) Fund Flow คาดยังได้รับปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค และคาดได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากสถาบันในประเทศ และ (+) Window Dressing – 2Q/58 วันที่ 30/6/58
....และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, PTTGC, IRPC และ BCP ตามการเคลื่อนไหวของค่าการกลั่น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 8 – 9 USD/bll (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, SEAFCO และ UNIQ (3) ค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 33.61– 33.63 คาดยังส่งผลดีต่อส่งออก และหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, HANA, SMT (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO เป็นต้น
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.06 อยู่ที่ 2.48% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.25 อยู่ที่ 13.22
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (11 - 12 มิย. ’58)
11/6/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ราคานำเข้าและส่งออก - พค. (3) ยอดค้าปลีก - พค. (4) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - เมย.
12/6/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - พค. (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - มิย.