- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 June 2015 22:14
- Hits: 1237
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : ทดสอบแนวต้าน 1520
SET Index : 1513.80 การซื้อขายในช่วงเช้า SET ปรับตัวขึ้นในกรอบ ดัชนียืนเหนือระดับ 1510 จุด แต่ยังมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณเหนือ 1515 จุด คาด SET มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 1520-1525 จุด หากดัชนียังยืนเหนือ 1510 จุดได้ เรามองแนวรับสำคัญบริเวณ 1500 จุด
TPIPL = 2.80 / 3.08 PTT = 346 / 353 PTTGC = 67.00 / 69.00 AOT = 310 / 319 JAS = 6.05 / 6.25
Samart Corporation (SAMART TB; THB 26.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 28.00 และ 29.50
แนวรับ : 25.75 และ 25.25
ราคาหุ้นฟื้นตัวต่อเนื่อง ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 26.25 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คาดราคาหุ้นมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 28 และ 29.50 บาท หากทะลุ 26.50 บาท
MACD สัญญาณบวก
แนะนำซื้อ SAMART โดยมีแนวรับระยะสั้น 25.75 และ 25.25 บาท และมีแนวต้าน 28 และ 29.50 บาท เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 25.25 ลงไป
TPI Polene Group (TPIPL TB; THB 2.90) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.00 และ 3.08
แนวรับ : 2.88 และ 2.84
ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่อง ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มทดสอบแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 3.00-3.08 บาท
MACD บวกต่อเนื่อง
แนะนำซื้อ TPIPL โดยมีแนวรับระยะสั้น 3.00 และ 3.08 บาท และมีแนวต้าน 2.88 และ 2.84 บาท เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.84 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...Earning Momentum ตลาดหุ้นไทยค่อยๆดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แรงขายหุ้นในตลาดอาเซียนช่วง 2 วันที่ผ่านมา เป็นผลโดยตรงจากที่นักลงทุนคาดว่าแนวโน้มการทำกำไรของตลาดจะไม่ดีดังคาดรวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ โดยในฟิลลิปปินส์และอินโดนีเชีย เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องกำไรของตลาดและตัวเลขเศรษฐกิจ หากมาดูว่าทำไมมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องในตลาดอาเซียน จากรูปด้านซ้าย เราแสดงแนวโน้มการทำกำไรของตลาดหุ้นในอาเซียน 5 ประเทศ (Earning momentum ratio) พบว่าในตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีที่สุด คือ กำลังผงกหัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่ใน 3 ตลาดคือ อินโดนีเชีย มาเลเชียและสิงคโปร์ กลับหักหัวลงรอบใหม่ ส่วนฟิลิปปินส์ทำได้แค่ประคับประคอง
การที่แนวโน้มการทำกำไรของหุ้น 3 ประเทศในอาเซียนกลับมาแย่ลง ซึ่งเกิดในช่วงประมาณกลาง เดือน พ.ค. ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นในตลาดอาเซียนออกมาจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่โบรกเกอร์ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในอาเซียน หากมาดูทิศทางตลาดนับตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. ถึงปัจจุบันพบว่าตลาดหุ้น อินโดนีเชีย ลงลึกสุด รองลงมาคือ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเชีย ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเล็กน้อย เท่านั้น สะท้อนให้เห็นมมุมองที่ว่าทิศทางการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยใน 3 เดือนข้างหน้าเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนอีกประเด็นที่ตลาดคลายความกังวลลง คือ ทาง MSCI เลื่อนการนำดัชนีตลาดหุ้นจีน เข้ามาคำนวณในดัชนี Emerging Market Benchmark เมื่อวานนี้ เนื่องจากทาง MSCI อยากจะให้ทางการจีนเปิดตลาดการเงินให้มากกว่านี้ โดยหากตลาดหุ้นจีนสามารถเข้าไปคำนวณในดัชนี Emerging market จะส่งผลให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดอื่นๆ ลดลงและตลาดหุ้นจีนจะมีอิทธิพลต่อดัชนี EM อย่างมาก โดยปัจจุบันสัดส่วนน้ำหนักที่ถูกกำหนดในดัชนี MSCI Emerging market ของตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 25.3% (หุ้นที่จดทะเบียนในต่างประเทศ (Offshore-listed ) รวมทั้งฮ่องกง) แต่หากสามารถเข้าไปคำนวณได้สำเร็จ สัดส่วนน้ำหนักของตลาดหุ้นจีนทั้งหมด (A Share) จะอยู่ที่ 37.5% นั่นก็หมายความว่า สัดส่วนน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ จะลดลง
ปฎิกริยาการตอบสนองที่มากเกินไปในช่วงวันอังคาร กลับขึ้นมาในวันพุธ ตลาดหุ้นในภูมิภาคก็ดีดตัวกลับ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยดีดตัวกลับมายืนเหนือ 1500 จุดได้ใหม่อีกครั้ง และหลังจากนี้จะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นตาม Sentiment ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะแรงหนุนของหุ้นน้ำมันจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นและน้ำมันเบนซินล่วงหน้าขึ้นไปสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนในสหรัฐ
ทิศทางดัชนี SET วันนี้และปลายสัปดาห์คาด จะดีดตัวขึ้นต่อ หลังตลาดคลายความกังวลปัญหาเรื่องกรีซ ที่น่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้นตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน โดยแนวต้านวันนี้อยู่ที่ 1512-1518 จุด แนวรับที่ 1500-1496 จุด สำหรับหุ้นที่มีการปรับกำไร(EPS) ในสัปดาห์นี้เพิ่ม คือ BJC (4.27%)
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,513.80 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด(+0.65%) มูลค่าการซื้อขาย 18,745.56 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศต่อเนื่องรับแรงหนุนจากต่างประเทศ หลังมีสัญญาณบวกของการเจรจาหนี้กรีซ และการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ส่งผลให้มีแรงซื้อจากกลุ่มพลังงาน รวมถึงการการคงอัตราดอกเบี้ยของกนง.ที่ 1.5% หนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย ถ้ายืนเหนือ 1510 จุดได้ตลอด ภาพรวม SET จะกลับมาดี โดยจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1518 จุด และ ถ้าสามารถทะลุ เหนือ 1525 จุด ได้จะเป็นการยืนยันการจบรอบแนวโน้มลงของ SET ในกรณีนี้ แนะนำให้ซื้อหุ้นใหญ่ และ หุ้น high beta เช่น กลุ่มธนาคาร รับเหมา พลังงานทดแทน ท่องเที่ยว โดยจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1540 จุด แต่ถ้าปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 1510 จุด ก็จะทำให้ SET ยังอยู่ในแนวโน้มลงต่อไป โดยมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปที่ระดับ1480 - 1495 จุด อีกครั้ง กรณีนี้อาจจะขายทำกำไรเล่นรอบออกอีกรอบ โดยเฉพาะถ้าหลุด 1505 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Turnover List Preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาศติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : RPC, VTE, FER*, TVT* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
?Samart Corporation (SAMART TB; THB 26.00) - ซื้อ
TPI Polene Group (TPIPL TB; THB 2.90) - ซื้อ