- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 June 2014 15:01
- Hits: 2744
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today's Selection : BBL, PTTEP, JAS, SAT
Follow Buy : -
Follow Sell : -
คาด Rebound ปัจจัยต่างประเทศหนุน-Capital gain tax เป็นเพียงข่าวลือ
ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดในแดนบวก เรามองว่าปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อตลาดมากที่สุด มาจากแถลงการของเฟดที่จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% แม้ว่าจะโครงการซื้อพันธบัตรจะสิ้นสุดไปแล้วภายในปี 57 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ทั้งนี้ เฟดปรับลดวงเงิน QE ลงอีก 1 หมื่นล้านเหรียญฯ สู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านเหรียญฯต่อเดือน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว เราคาดว่า Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกจะดูดีขึ้น จากแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า กิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวในหลายเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดแรงงานและการบริโภคก็ฟื้นตัวดี
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ รีบาวด์กลับมาในแดนบวก หลังเมื่อวานนี้มีข่าวลือเรื่อง Capital Gain Tax กดดัน ขณะที่มติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดอย่างมีนัย เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยทิศทาง SET Index วันนี้ คาดได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกต่างประเทศและในประเทศ โดยที่ประชุม BOI อนุมัติการลงทุน 18 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.22 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วย ธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ กระเบื้อง และธุรกิจรับฝากห้องเย็นของ CPF ขณะที่ชะลอการพิจารณาธุรกิจปิโตรฯของ PTTGC โดยการอนุมัติการลงทุนทั้ง 18 โครงการนั้น เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อ กลุ่มรับเหมาฯ นิคมฯ ยานยนต์ และธนาคารพาณิชย์ STEC, AMATA, HEMRAJ, BBL, SCB, KBANK, SAT, PCSGH นอกจากนี้ คาดว่าบรรยากาศการลงทุนที่สดใสในภูมิภาค จะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้าซื้อหุ้นไทย หลังขายสุทธิ ราว 7 พันล้านบาท ใน 7 วันทำการที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คาดว่าตลาดยังได้แรงหนุนจากความกังวลที่ลดลงต่อการขยายตัวเศรษฐกิจจีน หลังนายหลี่ เค่อเฉียง ระบุว่า จีนจะไม่เผชิญกับภาวะ Hard landing และภาครัฐยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้ความมั่นใจว่า GDP ปี 57 จะขยายตัว 7.5% เป็นอย่างน้อย ส่งผลให้ราคา commodities เช่น ค่าระวางเรือ สินแร่ ปิโตรฯ ฟื้นตัวขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน : คาด SET Index ได้รับ Positive sentiment เช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ มองกรอบการแกว่งตัวที่ระดับ 1440 - 1480 จุดสำหรับสัปดาห์นี้ ซึ่งนักลงทุนอาจใช้แนวรับสำคัญที่ 1440 จุดในการทยอยเข้าสะสมหุ้นเพิ่ม เนื่องจากยังคาดการณ์การปรับตัวขาขึ้นของ SET Index อีกครั้งตั้งแต่ช่วงปลายเดือนนี้เป็นต้นไปจากประเด็นการทำ Window dressing และสภาพคล่องที่เอ่อล้นในช่วงเดือน ก.ค.
Stock S R Comment
BBL 189.00 194.00 แผนกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนธุรกิจฟื้นตัว
PTTEP 163.50 168.00 ราคาน้ำมันดิบพุ่ง จากเหตุจราจลในอิรัก
JAS 8.00 8.20 ธุรกิจ broadband internet โตโดดเด่น
SAT 18.00 18.80 เชื่ออุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ครึ่งปีหลังฟื้น
แนวรับ 1,435 แนวต้าน 1,481
หุ้นมีข่าว :
แจกคูปองช้าผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลเสียโอกาสหารายได้ : กสทช.ระบุ ไม่มีนโยบาย"ระงับหรือยกเลิก"โครงการ แค่ชะลอเพื่อตรวจสอบแผนดำเนินการ และไม่ขัดข้องหากคสช.ต้องการนำรายได้จากการประมูลทีวีดิจิตอลราว 5 หมื่นล้านบาท ส่งเข้า คลัง ส่วนด้านผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลหวังให้มีการแจกคูปองได้ภายในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ เนื่องจากความล่าช้านี้กระทบแผนธุรกิจเสียโอกาสหารายได้โฆษณา ทั้งนี้เรามองว่าในระยะสั้นผู้ประกอบการช่องรายเก่าเช่น BEC กระทบน้อย เนื่องจากมีช่องอนาล็อกเดิมเป็นช่องทางหารายได้หลัก ส่วนรายที่ได้รับผลกระทบสูงคือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายใหม่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการประมูลสูง และการผลิตรายการที่ต้องดำเนินต่อไป ในขณะที่คูปองยังไม่ได้แจก ผู้ชมยังเข้าไม่ถึงช่องเต็มที่สูญเสียโอกาสหารายได้
STECหวังรับงาน 2.5 หมื่นล้าน : หลัง คสช. มีนโยบายเร่งงานโครงการการก่อสร้างพื้นฐาน มูลค่าประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท บริษัทคาดว่าในปีนี้จะเร่งรัดเปิดประมูล 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสได้รับงานดังกล่าวประมาณ 20-25% หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ผู้บริหารคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีงานใหม่เข้ามาไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากเป้ารับงานใหม่ทั้งปีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ไม่นับรวมงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยภาพรวมเรามองว่ากลุ่มรับเหมาฯ ยังได้แรงหนุนจากโครงการลงทุนต่าง ๆ ภาครัฐ ขณะที่ราคาหุ้น priced in ปัจจัยบวกไปแล้วในระดับหนึ่ง แนะนำหาจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัว (STEC ซื้อ เป้าหมาย 23.80 บาท CK ซื้อ เป้าหมาย 30 บาท)
ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์โต MoM : รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผยจำนวนการผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค. 2557 มีจำนวน 148,201 คัน (-36% YoY, +16.94% MoM) ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 69,681 คัน (-37% YoY, -5% MoM) จากการที่ไม่มีการส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถคันแรก ประกอบกับปัญหาการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ในขณะที่ส่งออกรถยนต์มีจำนวน 94,788 คัน (+9% YoY, 35% MoM) พร้อมคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ยอดขายและยอดผลิตรถยนต์จะเติบโตขึ้น จากการจ่ายเงินโครงการจำนำข้าวให้เกษตรกรเสร็จสิ้น และส่งผลให้แรงซื้อทยอยกลับคืนมา และการจัดงานมหกรรมยานยนต์ในช่วงปลายปี เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ให้ทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มยานยนต์ที่จะกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้งยังคงแนะนำซื้อ PCSGH และ SAT
นักวิเคราะห์ :
ดุลเดช บิค, CFA, FRM, CAIA (ID: 29932) E-mail: [email protected]
ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379) E-mail: [email protected]