- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 June 2015 17:25
- Hits: 1729
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Stock Picks-June 2015 : Fundamental : CK, GL, KBANK, PLANB, TTCL
Dark Horse: BJCHI, MCS
Fundamental Pick -Today: VL
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : TDEX 41%, BIGC 29%, IRPC 21%, SCB 20%, BH 19%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1500,1510 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 900-1000,1010 ค่าลบ
Technical Picks- Today : UV, UNIQ, JAS, VNG, BLA, TAKUNI, IVL, CWT
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ปรับลงตามภูมิภาคและตลาด TIPs ซึ่งอ่อนลงเพราะความกังวลเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย และปัญหาหนี้กรีซ ทั้งนี้แม้ว่าเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็กดดันตลาดได้เป็นระยะอันเนื่องจาก Valuation ของตลาดที่อยู่ในโซนสูงทำให้มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยลบมาก นักลงทุนรายย่อยรายงานซื้อสุทธิ ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือเป็นขายสุทธิ
การเด้งขึ้นของราคาน้ำมันดิบช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีในระยะสั้น หุ้นเด่นในกลุ่มนี้เป็น PTT, IVL, PTTGC ส่วนการประชุมกนง.วันนี้ (10 มิ.ย.) นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ซึ่งหากออกมาตามนี้ก็ไม่ Surprise ตลาด เรายังคงให้น้ำหนักลงทุน Neutral ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, ที่พักอาศัย และค้าปลีก โดยประเมินว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมในปีนี้ค่อนข้างจำกัด แต่ในกลุ่มไฟแนนซ์เล็กและแฟคตอริ่งยังเติบโตดี เนื่องจากความต้องการใช้บริการทางการเงินในช่วงเศรษฐกิจซบเซามีมากขึ้น และหลายบริษัทขยายธุรกิจไปใน CLMV กลยุทธ์การลงทุน เป็น Selective Buy โดยเน้นซื้อสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวได้แก่ KBANK, GL, AP, QH, CPALL สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุนวันนี้เป็น IVL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเปลี่ยนเป็นลบ แต่อาจมีเด้งสั้นก่อนลงต่ำต่อ กรอบแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1500-1510 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดีแนะนำให้ลดพอร์ตตาม ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1470-1460 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรโดยหวัง Gap ไม่มาก ประกอบด้วย UV, UNIQ, JAS, VNG, BLA, TAKUNI, IVL, CWT เป็นต้น
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
/+ ตลาดหุ้นจีน : MSCI Inc. กล่าวว่าต้องใช้เวลาอีกระยะในการรวมหุ้นจีน A-Shares เข้าคำนวณในดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ (MSCI Emerging Market Index) เพราะต้องมีการแก้ไขประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาด ซึ่งรวมถึงการจัดสรรโควต้าลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ การเคลื่อนย้ายเงินทุน เป็นต้น
เรามีมุมมองว่าในที่สุด A-Shares ของจีนจะเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Market และทางการจีนจะเร่งปรับปรุงประเด็นต่างๆอย่างเร็ว ซึ่งการเข้าไปดัชนีจะช่วยให้หุ้นจีนมีความคึกคักและได้รับความสนใจจากนักลงทุนขนาดใหญ่มากขึ้น ทาง DBS แนะนำ Overweight ในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทรงตัว โดยดัชนี DJIA ลดลงเพียง 2.51 จุด โดยเป็นการรอข่าวใหม่ที่บ่งชี้ถึงระยะเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟด
+ สหรัฐ : สต็อกภาคค้าส่งเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนยอดค้าส่งเติบโต 1.6% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
+ ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น...หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีในระยะสั้น โดย WTI และ BRENT ส่งมอบก.ค.ปิด +2.00 และ +2.19 ดอลาร์มาปิดที่ 60.14 และ 64.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์จะลดลงอีก รวมถึง EIA เปิดเผยคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบสหรัฐปี 58-59 ไว้ที่ 9.4 และ 9.3 ล้านบาร์เรล/วัน ตามลำดับ รวมถึงคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI เฉลี่ยปี 58-59 ไว้ที่ 61 และ 67 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยอยู่ต่ำกว่า BRENT ประมาณ 5 ดอลลาร์/บาร์เรล...สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ได้แก่ PTT, IVL, PTTGC
สัญญาทองคำ COMEX ขยับขึ้นต่อ 4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1177.6 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำโดยรวมปีนี้ยังค่อนข้างซบเซา เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
กนง.ประชุมวันนี้ (10 มิ.ย.) ตลาดประเมินว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% หลังจากปรับลดลงมาแล้ว 2 ครั้งต่อเนื่อง และค่าเงินบาทได้อ่อนตัวลงมาระดับที่ผู้ส่งออกค่อนข้างพอใจแล้ว ทาง Retail Research ให้น้ำหนักลงทุน Neutral ในหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น ธนาคาร, ไฟแนนซ์ & ลิสซิ่ง, ที่พักอาศัย, ค้าปลีก ฯลฯ โดยคาดว่าน้ำหนักจากอัตราดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อกลุ่มดังกล่าวไม่มากนัก เพราะปัจจัยที่กระทบ NIM ของธนาคารพาณิชย์มากในช่วงนี้เป็นระดับการค้างชำระดอกเบี้ย และระดับ NPL เป็นหลัก ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ & ลิสซิ่ง ซึ่งผลประกอบการ Perform ดีกว่าธนาคารพาณิชย์ในปีนี้นั้นมาจากความต้องการใช้สินเชื่อลิสซิ่ง จำนำสินทรัพย์ และติดตามหนี้มีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจซบเซาเป็นหลัก ด้าน Spread ของดอกเบี้ยค่อนข้างทรงตัว ส่วนกลุ่มที่พักอาศัยและ ค้าปลีก ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยไม่มาก เนื่องจากในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ปัจจัยที่จะมีน้ำหนักต่อการอุปโภค บริโภค และการซื้อที่พักอาศัยมาก คือ ระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็มีความหวังว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H58 กลยุทธ์ลงทุนเป็น Selective Play โดยเน้นซื้อสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวได้แก่ KBANK (ราคาพื้นฐาน 280 บาท), GL (ราคาพื้นฐาน 13 บาท), AP (ราคาพื้นฐาน 8.8 บาท), QH (ราคาพื้นฐาน 3.80 บาท), CPALL (ราคาพื้นฐาน 50 บาท)
การเมือง : ผู้เชี่ยวชาญการเมืองตีความการขอแก้ไขรธน.ชั่วคราวปี 57 เมื่อวานนี้ว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลอยู่ต่อไปอีกราว 2 ปี โดยที่ประชุมครม.และสนช.เมื่อวานนี้ขอแก้ไขรธน.ชั่วคราวปี 57 ใน 7 ประเด็น สรุปได้ดังนี้
* ผู้ที่เคยถูกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่อยู่ระหว่างถอดถอนฯ สามารถเป็นสนช.หรือคณะรัฐมนตรีได้
* กรณีต้องเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณจำนวนมาก ให้สามารถถวายฯต่อรัชทายาทหรือผู้แทนพระองค์ตามที่พระมหากษัตริย์มอบหมาย
* ขยายเวลาให้กธม.แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่มอีก 30 วันรวมเป็น 90 วัน โดยต้องแจ้งให้สปช.ทราบว่าจะขอเวลาเพิ่มหรือไม่และเท่าไร แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน (ถ้าไม่เพิ่มสปช.มีกำหนดโหวตรับ/ไม่รับร่าง 6 ส.ค.58 ถ้าเพิ่มก็จะเป็นภายใน 5 ก.ย.58)
* ถ้าร่างรธน. ได้รับการเห็นชอบจากสปช.แล้ว ก็ต้องทำประชามติ โดยกกต.เป็นผู้จัดการต่อไป
* เมื่อสปช.ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ให้ยุบสปช. แล้วนายกรัฐมนตรีจะตั้งสภาขับเคลื่อนการปฎิรูป 200 คนเข้ามาโดยไม่ต้องทูลเกล้าฯ
* คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจะยุติหน้าที่เมื่อ 1) สปช.โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ หรือ 2) ร่างฯไม่ผ่านประชามติประชาชน ซึ่งคสช.จะตั้งคณะกรรมาธิการร่างฯชุดใหม่ 21 คนขึ้นมาทำร่างฯฉบับใหม่ภายใน 6 เดือนและต้องทำประชามติอีกครั้ง
* แก้ไขถ้อยคำ ภาษา ตัวเลขแต่ละมาตราที่คลาดเคลื่อน
ความเห็น Retail Research : เราเห็นว่าการที่รัฐบาลจะอยู่บริหารประเทศต่อไปอีกเกือบ 2 ปีตามที่มีการตีความกันนั้นไม่ได้เป็นเรื่อง Surprise ตลาด เพราะมีการโยนหินถามทางกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเท่าที่สอบถามทางภาคธุรกิจ พบว่าส่วนใหญ่ก็ตอบรับออกมาในทางที่ว่าถ้าประเทศชาติสงบ การค้าการลงทุนภาครัฐและเอกชนเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น นโยบายสำคัญในด้านต่างๆมีความชัดเจนก็พึงพอใจแล้ว อย่างไรก็ดี ในภาคประชาชนและนักวิชาการที่ไม่เอารัฐประหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็น่าจะเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีอำนาจเต็มในการจัดการจากมาตรา 44 อยู่แล้ว
ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม.เป็นประธานกรรมการธปท.อีกวาระหนึ่ง ซึ่งประเมินว่าไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]